บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สารัตถะแห่งนิยาม "เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา



ถ้าหากว่ารัฐไทยและเจ้าหน้าที่รัฐ ใน"จังหวัดชายแดนภาคใต้"รู้จักกับนิยามของคำว่า"เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา"ในความหมายที่แคบๆด้วยความเข้าใจอย่างตื้นๆผิวเผินแค่รู้ ว่าที่นั่นพวกเขานับถือศาสนาอิสลาม พูดภาษามลายู แต่งกายแบบอิสลาม แล้วพยายามเข้าถึงด้วยการเยี่ยมเยียนแสดงไมตรีจิตและอัธยาศัยที่ดี ยื่นมือช่วยเหลือพัฒนาเขาไว้บ้างหากโอกาสอำนวย แต่ด้วยความหยิ่งและทรนงหลังหลอกของรัฐไทยที่รู้ๆกันนั้น ไม่มีวันเข้าถึงพริกถึงขิงแน่นอน

ประการแรกอันเนื่องมาจากรั

ฐไทยถูกครอบงำด้วยชาตินิยมจอมปลอมและสุดโต่ง ยึดมั่นอยู่กับแต่ความคิดเห็นของตัวเอง ไม่ยอมเคารพในวัฒนธรรมของผู้อื่น ไม่ใช่แค่ความคิดแบบนี้เท่านั้นที่ยังไม่หมดไป หากแต่รัฐไทยก็ยังคาดหวังการยอมรับจากชนชาวมลายูปาตานีเสียด้วยซ้ำ ปาตานีดารุสซาลามที่ยังอยู่ในความปกครองของรัฐไทยที่จริงๆแล้วหมดความชอบธรรมมาเนิ่นนานแล้วนั้น กลายเป็นแค่สถานที่กำจัดขยะของรัฐไทยเสมอมา ณ จุดนี้ รัฐไทยน่าจะเข้าใจแล้วว่าข้อนี้ชนชาวมลายูปาตานียังตระหนักดีอยู่เสมอ




ชนชาวมลายูปาตานีที่กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากอุ้งมือของทรราชรัฐไทยในขณะนี้ อยู่ในภาวะการณ์ที่คล้ายๆกับรัฐไทยครั้นในนาม "สยามเทศ"ที่ต้องต่อสู้ปลดแอกจากการอยู่ภายใต้การปกครองของเขมร(ก่อนก่อตั้งนครรัฐสุโขทัย) การต่อสู้กอบกู้เอกราชจากพม่าถึง ๒ ครั้ง และขบวนการใต้ดิน"เสรีไทย"ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือเหล่าชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ที่รัฐไทย(ใหม่)ภูมิใจตนเอง แต่กับชนชาวมลายูปาตานีกลับปฎิบัติตนเยี่ยงเจ้าอาณานิคมตราบเท่าทุกวันนี้  โดยมีศูนย์บัญชาการอาณานิคมที่ยะลาที่รู้จักกันในนาม "ศอ.บต."




นับตั้งแต่ผนวกดินแดนปาตานีเมื่อปี ๑๙๐๒ รัฐไทยมิได้แค่อ้างเรื่องสิทธิ อำนาจอธิปไตยที่มิชอบเพียงอย่างเดียว หากแต่ได้อ้างถึงดินแดนยึดครองแถบนี้คุ้มครองโดยพระสยามเทวาธิราชอีกด้วย ซึ่งท้าทายความเชื่อถือทางศาสนาอิสลามของชนชาวปาตานีอย่างชัดเจนและความเชื่อผิดๆนี้เองที่ผสมผสานกับการหลงไหลในชาตินิยมสุดโต่งที่เป็นเสมือนธรรมเนียมถือปฎิบัติบรรดาข้าราชการที่อนุโลมกระทำตนเป็นขุนศึกขุนนางและศักดินา ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ขมเหงรังแกและดูถูกเหยียดหยามชนชาวมลายูปาตานีและการแสวงหายศฐานะและผลประโยชน์กันเองอีกทางหนึ่ง




จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจที่ก้าวสู่ตำแหน่งหน้าที่แบบก้าวกระโดดต่างก็ยึดหากินบนเลือดเนื้อและชีวิตของชนชาวมลายูปาตานีเป็นเดิมพัน ล่าสุดอดีตวีระบุรุษของรัฐไทยอย่าง"จ่าเพียร"ก็เคยป่าวประกาศอย่างภาคภูมิใจที่ได้เข่นฆ่าเยาวชนปาตานีถึง ๒๓ คนก่อนที่เขาเองจะถึงจุดจบ ความเป็นนิติรัฐจึงไม่เกิดขึ้นกับชนชาวปาตานี แต่กับชนชาติพันธุ์เดียวกัน ถึงจะมีคดีติดตัวฐานกบฏหรือผู้ก่อการร้ายก็มีอภิสิทธุ์ได้ดิบได้ดีถึงฝ่ายนิติบัญญัติ และในเมื่อได้มาเจอกับปัญหาปาตานีก็ต่อเมื่ออยู่ในตำแหน่งต่างๆทั้งข้าราชการประจำ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ โดยไม่เคยสัมผัสกับความรับผิดชอบผ่านกระบวนการเรียนรู้อย่างเสมอภาคและให้เกียรติไม่ว่าจะมาจากอบรมสั่งสอนจากสถาบันรัฐเองหรือสังคมตั้งอยู่บนฐานความจริง ชนชาวมลายูปาตานีจึงได้เจอกับนักปกครองที่แปลกหน้าไม่สิ้นสุด   




แต่วันนี้ ที่๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะประกาศนโยบายต่อรัฐสภารัฐไทย ชนชาวมลายูปาตานีจะสามารถวัดปรอดความเข้าใจของรัฐบาลชุดนี้ว่าในสายตาพวกเขา ชนชาวมลายูปาตานีอยู่ในสถานะอะไร หรือว่าจะเหมือนกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ดำเนินการตามแผนซ้อนแผนของรัฐไทยที่กวาดซื้อเสียงละหนึ่งพันห้าร้อยบาท บางพื้นที่ถึงกับจี้บังคับว่าต้องได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้เพื่อที่จะสกัดกั้นนโยบายของพรรคเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามที่จะประกาศเขตปกครองพิเศษ หรือว่าจะเหมือนรัฐบาลทักษิณ ที่มีทั้งละเมิดสิทธิ์และเคยประกาศที่จะพัฒนาปาตานีดารุสซาลามด้วยงบแสนล้านหลังประชุมคณะรัฐบาลเคลื่อนที่ที่นราธิวาส ผลสุดท้ายก็แค่สร้างเศรษฐีเงินล้านแก่บริวาร  




หรือความเข้าใจแบบพล.ท.อุดมชัยที่อ้างว่าชนชาวมลายูปาตานีที่ต่อต้านรัฐไทยตอนนี้มีแค่ระหว่าง ๗๐๐๐-๑๐๐๐๐ คนโดยหารู้ไม่ว่าจำนวนนี้คือหน่วยปฎิบัติการที่น่าจะเพียงพอที่จะพิทักษ์คุ้มครองชนชาวปาตานี ๒-๓ ล้านคน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าทหารเกณท์รัฐไทยที่มีแค่ไม่ถึง ๒ แสนต่อประชากร ๖๓ ล้านกว่า




ปัญญารัฐไทยมีเพียงเท่านี้หรือที่จะเทียบกับปัญญาชนปาตานีที่รอบรู้อย่างน้อย ๔ ภาษา เพราะฉะนั้นท่านพิจารณาตนเองก็แล้วกันว่าใครน่าจะได้รับการ พัฒนาก่อน แล้วท่านจะเข้าถึงชุมชนมลายูได้อย่างไรในเมื่อท่านรู้แต่ภาษาเงิน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง