บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตำนานเสรีไทย

ที่มา หนังสือตำนานเสรีไทย โดยดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร และบทความ60ปีเสรีไทย โดยธนาพล อิ๋วสกุล





แผนที่ปฏิบัติงานของเสรีไทยสายอเมริกาเล็ดลอดเข้าไทย และบริเวณที่2วีรชนเสียสละพลีชีพ

การะเวก ศรีวิจารณ์ ( แครี่ ):เราคนไทยไม่พอใจไม่ว่าชาติใดก็ตามที่เป็นภัยต่อเอกราชของเรา

วีรประวัติ-การะเวก ศรีวิจารณ์ ได้รับพระราชทานยศพันตรีหลังเสียสละชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติงานเสรีไทยพร้อมกับสหายศึกอีก2รายคือพันตรีสมพงษ์ ศัลยพงษ์ และพันตรีจำกัด พลางกูร รายนามของทั้ง3ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้

ชาตะ- 7 สิงหาคม 2461
มรณะ-11 มิถุนายน 2487 ขณะอายุย่าง 26 ปี หากมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันจะมีอายุ 93 ปี
กำเนิด-เกิดที่บ้านพักราชการหลังที่ว่าการอำเภอบางระจัน สิงห์บุรี บุตรนายกลิ่น นางนวม เป็นน้องชายนายฟุ้ง อดีตอธิบดีกรมศาสนา
การศึกษา-ประถมถึงมัธยมต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดอ่างทอง
-มัธยมปลาย โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์
-โรงเรียนเทฆนิคทหารบกรุ่น2 รุ่นเดียวกันที่มีชีวิตอยู่เป็นนายพล19คน เช่น พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ พล.อ.ประลอง วีระปรี
-เดินทางไปเรียนสถาบันMITสหรัฐฯ สำเร็จปริญญาตรีวิศวกรรมโยธาในปี2484 และสำเร็จปริญญาโทวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในปี2485

การปฏิบัติงานเสรีไทย-หลังจากไทยถูกญี่ปุ่นยึดครองในวัน ที่8ธันวาคม2484 ในปีรุ่งขึ้นแครี่เข้าเป็นสมาชิกเสรีไทยในอเมริกา ที่ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัคราชทูตไทยประจำสหรัฐฯเป็นหัวหน้าและก่อตั้งเสรีไทยขึ้น เข้ารับการฝึกอบรมกับหน่วยทหารอเมริกันคือO.S.S.นาน9เดือน

-เป็นเสนาธิการของเสรีไทยในอเมริกา โดยยกร่างแผนปฏิบัติการสำหรับเสรีไทยสายอเมริการุ่นที่1 ที่จะเดินทางไปสู่สมรภูมิ

-มีนาคม2486 แครี่ซึ่งอายุย่าง25ปีเดินทางออกจากสหรัฐฯร่วมกับเสรีไทย19นายเพื่อเล็ดลอด สู่มาตุภูมิประเทศไทย ด้วยเรือลิเบอร์ตี้ผ่านคลองปานามาไปมหาสมุทรแปซิฟิก ตัดเข้าตอนใต้ออสเตรเลีย ย้อนขึ้นเหนือผ่านมหาสมุทรอินเดียขึ้นบกที่บอมเบย์ ฐานที่มั่นฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียช่วงกลางเดือนมิถุนายน2486 ใช้เวลาเดินทางรวม 95 วัน ฝึกเพิ่มเติมกับO.S.S.ที่ชายแดนพม่า

-สิงหาคม2486 ย้ายไปจุงกิงนครหลวงของจีนคณะชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร และย้ายไปที่คุนหมิง จีนตอนใต้

-มกราคม2487 ฐานปฏิบัติการO.S.S.จัดตั้งที่ซือเหมาตอนใต้ของยูนนาน ใกล้พรมแดนลาว(ซึ่งตอนนั้นหลายเมืองของลาวเป็นอาณาเขตของไทย)และวางแผนส่ง เสรีไทย10นายเล็ดลอดเข้าประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญคือนำสารจากรัฐบาลสหรัฐฯไปรับรองขบวนการเสรีไทยใน ประเทศว่ากำลังต่อสู้เพื่อเอกราช และไทยจะมีรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองไทย

-ปลายเดือนกุมภาพันธ์2487 ร.อ.การะเวก และร.ท.สมพงษ์(ยศขณะนั้น)ออกจากซือเหมาเดินทางไปพำนักที่เมืองลา สิบสองปันนาราวเดือนเศษ จากนั้นได้ผู้นำทางชาวจีนไปเมืองพงสาลี ล่องเรือตามลำน้ำโขงถึงเมืองหลวงพระบาง

-10 มิถุนายน 2487 แล้วข้ามโขงเข้าแดนไทยที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง(ขณะนั้นเป็นดินแดนของไทยที่ได้คืนจากฝรั่งเศส) มีเป้าหมายจะเดินทางต่อไปที่หนองคาย คนนำทางพาไปพบสารวัตรกำนันในตอนเย็น และกำนันได้ขอยึดปืนไว้ เพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงครามให้จับกุมจารชน

-11 มิถุนายน 2487 ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว15.40น.ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที ส่วนร.ท.ยังไม่ตายร้องขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ๆผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"

แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจากO.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สม พงษ์ลงน้ำโขง เมื่อว่ายขึ้นมาก็ใช้ไม้ค้ำคอลงไปในลำน้ำ ขณะที่กำลังว่ายหนีไปอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ พลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเวลา17.00น.แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืน ต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

-เวลาไล่เลี่ยกันร.อ.โผนเดินทางตามหลังทั้งสองมา2สัปดาห์ และก่อนข้ามโขงได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของทั้งสองและแจ้งข่าวไปยังเสรีไทย สายอเมริกาในอีก1เดือนต่อมา ทำให้เสรีไทยในไทยทราบจึงแต่งตั้งข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจมายัง ชายแดนเพื่อคอยช่วยเหลือเสรีไทยให้เล็ดลอดเข้าประเทศได้สำเร็จ

16 สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

-30ตุลาคม2488 หลังสงครามยุติลงมีการรื้อฟื้นคดีสังหาร2เสรีไทย 2ตำรวจมือสังหารโหดหลบหนีข้ามไปฝั่งลาว มีการขุดศพแครี่กลับสู่มาตุภูมิกรุงเทพฯ

-ค่ำวันที่ 25 กันยายน 2488 ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า


"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"

10 กุมภาพันธ์ 2497-รัฐบาลสหรัฐฯมอบเหรียญ"เมดัล ออฟ ฟรีดอม"ให้แก่เสรีไทยผู้เสียสละชีวิตทั้งสอง

ท่วงท่าบุคคลิกของการะเวก-แครี่เป็นคนร่างเล็กมีน้ำหนัก เพียง55กิโลกรัม เป็นคนขรึม กำลังกายปานกลาง และรู้จักชั่งใจ แต่มีความเป็นผู้นำสูง แม้ผู้นำทางการของเสรีไทยสายอเมริกาชุดแรก19คนมีโผน อินทรทัตเป็นผู้นำ แต่เพื่อนทั้งหมดกลับให้ความนับถือแครี่มากที่สุด

อุดมคติเรื่องชาติของแครี่-ร.อ.นิคอล สมิธ นายทหารอเมริกันพี่เลี้ยงเสรีไทยชุดนี้บันทึกการสนทนากับเขาไว้ว่า แครี่เชื่อมั่นว่าคนไทยในประเทศก็เช่นเดียวกับเขาที่ต้องการเอกราชสมบูรณ์
"ไทย เราเป็นเอกราชมากว่า 700 ปี เป็นไปไม่ได้ที่คนไทยจะทนญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองเราไปได้นาน คนไทยมีสติพอที่จะรู้จักว่า เป็นอิสรชนไม่ได้ตราบใดที่ประเทศถูกยึดครองโดยต่างชาติ เราคนไทยไม่พอใจไม่ว่าชาติใดก็ตามที่เป็นภัยต่อเอกราชของเรา เราไม่ต้องการใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส หรืออเมริกาที่จะมาบงการเราให้ทำอะไรหรือไม่ทำอะไร และหากประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ยังใช้วิธีการครอบครองแบบเก่าต่อไปหลังสงคราม ครั้งนี้.."แครี่เน้นเบาๆ"ผมเกรงว่าต้องนองเลือดแน่ๆ"


หนังสือเล่มที่กล่าวถึงรายละเอียดคดีตำรวจไทยสังหารเสรีไทยเพื่อหวังชิงทองคำที่นำมากู้ชาติ หน้าปกเป็นรูปของการะเวก

เปิดปฏิบัติการเสรีไทยสายอเมริกา

"ปัญญาชนชั้นหนึ่งเท่าที่ O.S.S. เคยมีมา แต่ละคนมีปริญญาเอก ปริญญาโท จากฮาวาร์ด เอ็มไอที และมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ในสหรัฐ"-นิคอล สมิธ


คณะนักเรียนไทยได้รับการจัดตั้งเป็น "กองทหารเสรีไทย" ซึ่งเป็นหน่วยทหารไทยที่ใช้เครื่องแบบของไทย มีธงไทยเป็นเครื่องหมาย มีฐานะทัดเทียมกับทหารฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมี ม.ล. ขาบ กุญชร เป็นผู้แทน กองกำลังเสรีไทยสายอเมริกาแบ่งได้เป็นสี่รุ่น คือ

รุ่นแรก มี ม.ล. ขาบ กุญชร ทูตทหาร เป็นหัวหน้าประสานงานร่วมกับ พ.ท. นิคอล สมิธ ผู้เป็นตัวแทนหน่วย O.S.S. คณะนักเรียนไทยชุดแรกจำนวน ๒๑ คนนี้เข้าฝึกการรบพิเศษในวิชาการต่าง ๆ เช่น วิชาแผนที่ วิชาเดินเรือ วิชาสื่อสาร โดยกำหนดหลักสูตรเวลา ๔ เดือน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการในประเทศไทย เป้า ขำอุไร เล่าถึงการฝึกไว้ว่า

"เราเข้าฝึกในค่ายของ U.S. Marrine ซึ่งเป็นค่ายลับอยู่ในป่าใน Maryland หลายแห่งฝึกหนักยิ่งกว่าทหารธรรมดาหลายเท่าในด้านการรบ การใช้อาวุธการต่อสู้ทุกรูปแบบ ในด้านการจารกรรม ก่อวินาศกรรม ฝึกเป็น Jame Bond กันเลย ทำการฝึกหนึ่งปีจนจบหลักสูตร ทางสถานทูตก็ทำการประดับยศให้เป็นร้อยตรีทุกคน... พิธีประดับยศนี้เป็นการประกาศให้อเมริกันทราบว่า เรามิใช่เป็นเสรีไทยแต่ปากเท่านั้น เรามีกำลังรบด้วย"

หลังจากนั้นได้แบ่งเป็นสองสาย

-สายที่ ๑ นำโดย ม.ล. ขาบ กุญชร และ พ.ต. เคฟแลน นายทหารอเมริกา ได้เดินทางล่วงหน้าไปที่เมืองจุงกิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลเจียงไคเช็ค และเป็นที่ตั้งของหน่วย O.S.S. ประจำประเทศจีน เพื่อจัดตั้งหน่วยต่อต้านในประเทศไทย

-สายที่ ๒ ทหารเสรีไทยที่เหลืออีก ๑๙ คน นำโดย พ.ท. นิคอล สมิธ และนายทหาร O.S.S. ๓ นาย เดินทางมายังค่ายฝึก ๑๐๑ ของ O.S.S. ที่ตั้งอยู่ในแคว้นอัสสัมเพื่อฝึกเพิ่มเติม ภารกิจของหน่วยนี้คือการสืบเหตุการณ์ภายในประเทศไทยให้แก่หน่วย O.S.S. ส่งอาวุธและทหารมาช่วยฝึกแบบกองโจร การบ่อนทำลายกองทหารญี่ปุ่น ตลอดจนแลกเปลี่ยนข่าวกรองกับจีนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น

รุ่นที่ ๒ มีจำนวน ๓ คน คือบุญมาก เทศะบุตร วิมล วิริยะวิทย์ อานนท์ ศรีวรรธนะ สมัครเข้าฝึกกับหน่วย O.S.S. โดยตรง ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่พิเศษในประเทศไทย เพื่อหาทางติดต่อกับขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศไทย วิมล วิริยะวิทย์ เล่าถึงการฝึกว่า

"เพื่อรับภารกิจเร่งด่วน... ผมต้องฝึกการจารกรรมทั้งหมด การฝึกหนักมากเพื่อจุดประสงค์ที่จะให้เข้าไปเป็นแนวที่ ๕ (Fifth Column) ฝึกการใช้วิทยุรับส่ง... การจู่โจมข้าศึก และป้องกันตัวเองการฝึกเอาตัวรอดหรือให้อยู่รอด สอดแนม สะเดาะกุญแจ โจรกรรม ฯลฯ เป็นการฝึกที่หนักมาก ตื่นแต่เช้าตรู่ จมอยู่ในน้ำทั้งวัน แทบจะไม่รู้สึกว่าแดดร้อน น้ำจืดหรือว่าน้ำเค็ม...ร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะออกไปทำภารกิจที่แลกด้วยชีวิตกับความ สำเร็จ"

แม้ว่าเสรีไทยสายอเมริกาจะเดินทางถึงจุงกิง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๖ แต่เนื่องจากความไม่มั่นใจซึ่งกันและกันระหว่าง ม.ร.ว. เสนีย์กับ ม.ล. ขาบ ทำให้การปฏิบัติการในประเทศไทยต้องล่าช้าออกไป หลังจากนั้นเสรีไทยสายอเมริกา ได้มาตั้งฐานปฏิบัติการสำหรับส่งทหารเข้าปฏิบัติการ ในประเทศที่เมืองซือเหมา โดยชุดแรกออกเดินทางในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๗ ซึ่งประกอบด้วย

"ปอล (โผน อินทรทัต) ซึ่งเป็นผู้อาวุโสอายุกว่าเพื่อนจะเดินทางโดยลำพัง เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษาทางวิชาทหารมากที่สุด เป็นคนผิวคล้ำ สูงขนาดธรรมดา ...หน้าที่ของเขาคือหาทางเดินประจำจากชายแดนอินโดจีนไปอุตรดิตถ์ ศูนย์กลางทางรถไฟในภาคกลางสยาม เขาจะเป็นผู้ติดต่อกับผู้สื่อข่าวอื่น ๆ นำสิ่งของที่ต้องการไปให้ ถือเอกสารสำคัญที่ส่งทางวิทยุไม่ได้

แครี่ (การะเวก ศรีวิจารณ์) รู้จักชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างดี เขาเป็นคนขรึม กำลังกายปานกลางและรู้จักชั่งใจ พ.อ. ขาบถือว่าเขาเป็นสื่อสารดีที่สุด คู่ของเขา คือ ทาซานแซล (สมพงษ์ ศัลยพงศ์) ขี้โกรธและใจเร็ว ไม่กลัวใครหรือสิ่งใด ทั้งสองทำงานร่วมกันดี แครี่สามารถนำกำลังของแซลให้เป็นประโยชน์


เอียน (การุณ เก่งระดมยิง) เคยอยู่ลำปางหลายปี เคน (เอี่ยน ขัมพานนท์) และเอียนจะไปเข้าทำงานในเขตนี้ สองคนตรงกันข้ามทางจิตต์ เอียนช่างคิดและเป็นนักทฤษฎีแต่เคนเป็นนักปฏิบัติ เอียนเป็นสมาชิกไฟบีตาแคปปา ฝันแต่ในการหาวิธีทำเครื่องวิทยุให้ดีขึ้น และเคนเป็นวิศวกรรมเมคานิกซ์จะทำให้มันใช้ได้"

ในการเดินทาง ทุกคนแต่งตัวเป็นชาวพื้นเมือง มีเครื่องวิทยุขนาดเล็ก ซึ่งดัดแปลงให้สามารถส่งได้ถึง ๕๐๐ ไมล์ติดตัวไปด้วย พร้อมทองคำไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ปรากฏว่าคนนำทางชาวจีน พยายามถ่วงเวลาการเดินทางให้ช้าลง ทำให้ โผน อินทรทัต ต้องรายงานกลับไปยัง ม.ล. ขาบ เพื่อให้ส่งเสรีไทยชุดที่ ๒ ซึ่งประกอบด้วย "บันนี่ (บุญเย็น ศศิรัตน์) เพา (เป้า ขำอะไร) พีท (พิสุทธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา) แซม (สวัสดิ์ เชี่ยวสกุล) ปลอมตัวเป็นคนขายของ" เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นชุดต่อไป ทางการจีนจึงไม่สามารถหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้เสรีไทยสายอเมริกาเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อีกต่อไป

เนื่องจากเป็นการเดินทางเข้าประเทศไทย เป็นครั้งแรกของเสรีไทยสายอเมริกา โดยที่ยังไม่มีการประสานงานมาก่อน ทำให้คณะของการะเวกและสมพงษ์ ที่มีนายบุญช่วยเป็นผู้นำทาง ถูกตำรวจคุมตัวที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง (ซึ่งเป็นของไทยในขณะนั้น) ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๘๗ ระหว่างทางทั้งสามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต โดยอ้างว่าบุคคลทั้งสามขัดขืนและต่อสู้เจ้าหน้าที่ แต่จากคำให้การของ โล่ห์ โจ๊ะทอง ซึ่งเป็นนายท้ายเรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้การต่อศาลในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าคนทั้งสามเพื่อชิงทรัพย์

แต่การเสียชีวิตของการะเวกและสมพงษ์ไม่สูญเปล่า เพราะการที่ตำรวจได้นำหลักฐานเช่นวิทยุและเอกสารต่าง ๆ รายงานให้ พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส รับทราบ จึงรู้ว่ามีความพยายามในการติดต่อจากต่างประเทศเข้ามา

ขณะที่อีกสาม คนถูกตำรวจไทยจับเช่นกัน และนำมาคุมตัวไว้ที่กองสันติบาล กรุงเทพฯ ที่นั่นเอง การุณและนายเอียนได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ให้ พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส รับทราบ

๙ กันยายน ๒๔๘๗ วิมล วิริยะวิทย์ และ บุญมาก เทศะบุตร เสรีไทยสายอเมริกาที่ไปฝึกรุ่นพิเศษ ได้กระโดดร่มลงกลางป่าอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ วิมลถูกคุมตัวมาพบ พล.ต.อ. อดุล ภายหลังจากแจ้งภารกิจให้ทราบ ทั้งคู่ได้เดินทางไปพบ ปรีดี พนมยงค์ วิมลแจ้งให้ทราบว่าทางอเมริกา ยินดีให้การสนับสนุนเสรีไทยทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นทางการทหารหรือในทางการเมือง รวมทั้งรับทราบด้วยว่ามีปฏิบัติการต่อต้านญี่ปุ่น เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย

ต่อมาเสรีไทยชุดที่ ๒ ก็ถูกตำรวจไทยจับเช่นกัน แต่ถูกคุมตัวมาไว้ที่กองสันติบาล กรุงเทพฯ และจุดนี้เองที่ทำให้ทหารเสรีไทยสามารถติดต่อวิทยุกลับไปยังซือเหมาได้ เพราะ พล.ต.อ. อดุลให้ความร่วมมือ นิคอล สมิธ ได้กล่าวถึงความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ว่า


"ภายในหนึ่งชั่วโมง ข่าวถูกส่งต่อไปยังคุนหมิง เดลลี จุงกิง แคนดี และวอชิงตัน อาณาจักรไทยสองแสนสองหมื่นตารางไมล์ ไม่เป็นจุดมืดสำหรับข่าวต่อไปแล้ว ได้มีโคมไฟจุดขึ้นในเมืองหลวงของสยามกว่าห้าร้อยไมล์ไปทางทิศใต้ และเรารู้ว่ามันจะส่องแสงสว่างขึ้นทุกที"


0000
16 สิงหาคม-วันสันติภาพไทย-รำลึกวันสันติภาพ ไทยพ้นสถานะประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการและหัวหน้าขบวนการเสรีไทยขณะประกาศแถลงสันติภาพ

รำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 16 สิงหาคม 2488 นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น และเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยได้ออกประกาศสันติภาพ สาระสำคัญคือประกาศว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษของรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะไม่ผูกพันกับประชาชนชาวไทย ที่ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น และให้สถานะของประเทศกลับไปมีไมตรีอันดีกับ2ประเทศมหาอำนาจเหมือนก่อนประกาศ สงคราม และพร้อมจะร่วมมือทุกวิถีทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้

ด้วยคำประกาศสันติภาพดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับญี่ปุ่นและรอดพ้นการตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม มีเอกราชโดยสมบูรณ์ สมควรที่ชาวไทยผู้รักชาติจะได้หวนรำลึกถึงบุญคุณของบรรพชนในคราวนั้น

*******


สมพงษ์ ศัลยพงศ์( แซล ):ผมเป็นคนไทยแท้ๆไม่ควรยิงผมเลย ผมมาทำงานเพื่อชาติ


วีรประวัติ-สมพงษ์ ศัลยพงษ์ ได้รับพระราชทานยศพันตรีหลังเสียสละชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติงานเสรีไทยพร้อมกับสหายศึกอีก2รายคือพันตรีการะเวก ศรีวิจารณ์ และพันตรีจำกัด พลางกูร รายนามของทั้ง 3 ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้

ชาตะ- 16 มิถุนายน 2461
มรณะ-11 มิถุนายน 2487 ขณะอายุ 26 ปี หากมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันจะมีอายุ 93 ปี
กำเนิด-บุตรของร.ต.เกียรติ ศัลยพงษ์ (ผู้พิพากษา) และนางบุญมี ศัลยพงษ์
การศึกษา-มัธยม สวนกุหลาบวิทยาลัย สหรัฐอเมริกา
-อุดมศึกษา เป็นนักเรียนแพทย์ที่สอบชิงทุนมาศึกษาวิชาเภสัชกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟิลาเดเฟีย สหรัฐอเมริกา

การปฏิบัติงานเสรีไทย-หลังจากไทยถูกญี่ปุ่นยึดครองในวัน ที่8ธันวาคม2484 ในปีรุ่งขึ้นสมพงษ์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกเสรีไทยในอเมริกา ที่ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัคราชทูตไทยประจำสหรัฐฯเป็นหัวหน้าและก่อตั้งเสรีไทยและมีพ.ท.หม่อมหลวง ขาบ กุญชร เป็นหัวหน้าเสรีไทยสายสหรัฐฯฝ่ายทหาร เข้ารับการฝึกอบรมกับหน่วยทหารอเมริกันคือO.S.S.นาน9เดือน ต่อมาได้รับยศร้อยโท ชื่อรหัส"แซล"

นักเรียนแพทย์สมพงษ์เป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก สอบชิงทุนหลวงได้ไปศึกษาต่อทางด้านเภสัชกรรมศาสตร์ ฟิลาเดลเฟีย ก่อนสมัครเป็นเสรีไทย ภายหลังประเทศถูกญี่ปุ่นยึดครอง

-มีนาคม2486 แซลซึ่งอายุย่าง26ปีเดินทางออกจากสหรัฐฯร่วมกับเสรีไทย19นายเพื่อเล็ดลอดสู่ มาตุภูมิประเทศไทย ด้วยเรือลิเบอร์ตี้ผ่านคลองปานามาไปมหาสมุทรแปซิฟิก ตัดเข้าตอนใต้ออสเตรเลีย ย้อนขึ้นเหนือผ่านมหาสมุทรอินเดียขึ้นบกที่บอมเบย์ ฐานที่มั่นฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียช่วงกลางเดือนมิถุนายน2486 ใช้เวลาเดินทางรวม 95 วัน ฝึกเพิ่มเติมกับO.S.S.ที่ชายแดนพม่า

-สิงหาคม2486 ย้ายไปจุงกิงนครหลวงของจีนคณะชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร และย้ายไปที่คุนหมิง จีนตอนใต้

-มกราคม2487 ฐานปฏิบัติการO.S.S.จัดตั้งที่ซือเหมาตอนใต้ของยูนนาน ใกล้พรมแดนลาว(ซึ่งตอนนั้นหลายเมืองของลาวเป็นอาณาเขตของไทย)และวางแผนส่ง เสรีไทย10นายเล็ดลอดเข้าประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญคือนำสารจากรัฐบาลสหรัฐฯไปรับรองขบวนการเสรีไทยใน ประเทศว่ากำลังต่อสู้เพื่อเอกราช และไทยจะมีรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองไทย

-ปลายเดือนกุมภาพันธ์2487 ร.ท.สมพงษ์ และร.อ.การเวก(ยศขณะนั้น)กับเสรีไทยสายอเมริกาชุดแรก10คนได้รับภารกิจเล็ด ลอดเข้าประเทศไทย โดยออกจากซือเหมาเดินทางไปพำนักที่เมืองลา สิบสองปันนาราวเดือนเศษ ที่รอนานเพราะทางจีนคณะชาติหน่วงเหนี่ยวไม่สนับสนุนภารกิจตามที่ให้คำมั่น สัญญาไว้ จึงต้องหาผู้นำทางคนไทยเชื้อสายจีนพาไปเมืองพงสาลี ล่องเรือตามลำน้ำโขงถึงเมืองหลวงพระบาง

การปฏิบัติภารกิจนี้เสียงอันตรายรอบด้าน เพราะต้องหลบหลีกทหารญี่ปุ่น ขณะที่ไม่ได้รับการสนับสนุนภารกิจแต่ถ่วงรั้งจากจีนคณะชาติที่เป็นเจ้าของ พื้นที่ ส่วนเสรีไทยในประเทศก็ยังติดต่อกันไม่ได้เลย ประเทศอยู่ภายใต้การบริหารของจอมพลป.พิบูลสงคราม ซึ่งร่วมมือกับญี่ปุ่น และโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนและกำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นจับกุมตัว จารชนไทยที่ลักลอบเข้าประเทศ

-10 มิถุนายน 2487 ข้ามโขงเข้าแดนไทยที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง(ขณะนั้นเป็นดินแดนของไทยที่ได้คืนจากฝรั่งเศส) มีเป้าหมายจะเดินทางต่อไปที่หนองคาย แต่คนนำทางพาไปพบสารวัตรกำนันในตอนเย็น และกำนันได้ขอยึดปืนไว้ เพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงครามให้จับกุมจารชน
แผนที่ปฏิบัติงานของเสรีไทยสายอเมริกาเล็ดลอดเข้าไทย และบริเวณที่2วีรชนเสียสละพลีชีพ

-11 มิถุนายน 2487 ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว15.40น.ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที

ส่วนร.ท.สมพงษ์ยังไม่ตายร้องครวญครางอยู่ และเนื่องจากได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการมอบอาวุธปืนให้ตำรวจไปแล้วก็ไม่ คิดว่าจะถูกยิง และคิดว่าไทยด้วยกันควรมีน้ำใจรักชาติปกป้องมาตุภูมิ ร.ท.สมพงษ์จึงพูดขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ๆผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"

แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจากO.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สม พงษ์ลงน้ำโขงเพื่อให้ตาย แต่ความที่ร่างใหญ่แข็งแรงร.ท.สมพงษ์ได้ว่ายเข้ามาเกาะเรือไว้ พลตำรวจถึงเอาปืนจ้องคนพายเรือสั่งให้เอาไม้พายค้ำไปที่ตัวร.ท.สมพงษ์ให้จม น้ำตาย แต่เขาก็ดิ้นหลุดดำน้ำไปเกาะอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ คนพายเรือถูกสั่งใพยเรือตามไป แล้วพลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์2-3นัด แล้วร่างของร.ท.สมพงษ์ก็จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว


เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเวลา17.00น.แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืน ต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

แม้กระทั่งถึงทุกวันนี้ ญาติตระกูลศัลยพงษ์ทุกคน ยังหวังเต็มเปี่ยมว่า สมพงษ์ น่าจะยังไม่ตาย และอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ปรากฏตัวไม่ได้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุ 93 ปี

-เวลาไล่เลี่ยกันร.อ.โผนเดินทางตามหลังทั้งสองมา2สัปดาห์ และก่อนข้ามโขงได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของทั้งสองและแจ้งข่าวไปยังเสรีไทย สายอเมริกาในอีก1เดือนต่อมา ทำให้เสรีไทยในไทยทราบจึงแต่งตั้งข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจมายัง ชายแดนเพื่อคอยช่วยเหลือเสรีไทยให้เล็ดลอดเข้าประเทศได้สำเร็จ

16 สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

-30 ตุลาคม 2488 หลังสงครามยุติลงมีการรื้อฟื้นคดีสังหาร 2 เสรีไทย แต่ 2 ตำรวจมือสังหารโหดหลบหนีข้ามไปฝั่งลาว มีการขุดศพแครี่กลับสู่มาตุภูมิกรุงเทพฯ

-ค่ำวันที่ 25 กันยายน 2488 ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า

"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"


10 กุมภาพันธ์ 2497-รัฐบาลสหรัฐฯมอบเหรียญ"เมดัล ออฟ ฟรีดอม"ให้แก่เสรีไทยผู้เสียสละชีวิตทั้งสอง ถ้อยความตอนหนึ่งว่า
"วีรกรรม และการเสียสละอันใหญ่หลวงเป็นพิเศษของร้อยโทสมพงษ์นั้นย่อมปรากฎเป็น เกียรติคุณความดียิ่งแก่ตนเอง แก่ประเทศ และแก่สหรัฐอเมริกาด้วย"


เจือ ศัลยพงษ์ ผู้พี่ชายรับเหรียญกล้าหาญ"เมดัลออฟฟรีดอม"จากทูตวิลเลียม โดโนแวน 10 ปีหลังการเสียสละชีพเพื่อชาติของสมพงษ์

ท่วงท่าบุคคลิกของสมพงษ์-ร้อยเอกนิคอล สมิธ นายทหารอเมริกัน พี่เลี้ยงเสรีไทยชุดแรกที่ลักลอบเข้าปฏิบัติภารกิจลับในประเทศ บันทึกถึงเขาว่า "แซลมีน้ำหนักเกินกว่า70ก.ก.(160ปอนด์)ร่างใหญ่สมบูรณ์ด้วยกล้ามเนื้อ ใจเร็ว และฉุนเฉียวประเภทไม่กลัวใครหรือสิ่งใดทั้งนั้น ก่อนมาปฏิบัติงานเสรีไทยเขาเป็นนักเรียนแพทย์ที่สอบชิงทุนมาศึกษาวิชา เภสัชกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟิลาเดเฟีย

ส่วนกำนันที่แจ้งตำรวจมาจับเสรีไทยทั้งสองพูดถึงสมพงษ์ว่า"พูดคล้ายกับคนลาว แต่พูดลาวไม่ชัด หน้าตาก็เหมือนคนไทย"

ความเป็นคนรูปร่างใหญ่น้ำหนักเกิน70ก.ก.ฉุนเฉียวไม่กลัวใครทั้ง สิ้น เขาจึงถูกจับคู่กับการะเวก ศรีวิจารณ์(แครี่)ซึ่งร่างเล็กหนักเพียง 55 ก.ก.เล็ดลอดเข้าประเทศไทย แต่ทั้งสองต้องเสียสละชีพเพื่อชาติในคราวนั้น

********
16 สิงหาคม2554-ครบ 66 ปีวันสันติภาพไทย-รำลึกวันสันติภาพ ไทยพ้นสถานะประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการและหัวหน้าขบวนการเสรีไทยขณะประกาศแถลงสันติภาพ

รำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 16 สิงหาคม 2488 นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น และเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยได้ออกประกาศสันติภาพ สาระสำคัญคือประกาศว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษของรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะไม่ผูกพันกับประชาชนชาวไทย ที่ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น และให้สถานะของประเทศกลับไปมีไมตรีอันดีกับ2ประเทศมหาอำนาจเหมือนก่อนประกาศ สงคราม และพร้อมจะร่วมมือทุกวิถีทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้

ด้วยคำประกาศสันติภาพดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับญี่ปุ่นและรอดพ้นการตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม มีเอกราชโดยสมบูรณ์ สมควรที่ชาวไทยผู้รักชาติจะได้หวนรำลึกถึงบุญคุณของบรรพชนในคราวนั้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง