พล เอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีชื่ออยู่ในโผรัฐมนตรีว่าการกลาโหม หลังจากมีรายงานว่า เขาเป็น 1 ใน 3 ฝ่ายที่เปิดเจรจาข้อตกลงแบ่งสรรอำนาจในไทย( อ่านรายละเอียด) ขณะที่มวลชนเสื้อแดงจำนวนมากเตือนว่า หากทักษิณยินยอมเช่นนั้น จะถูกถือว่าเป็นผู้ทรยศต่อมวลชนผู้เอาเลือดเนื้อชีวิตเข้าแลกกับประชาธิปไตย และพร้อมจะขาดกันกับทักษิณและเครือข่าย
โดย หรี่ฟุน
12 กรกฎาคม 2554
นับเวลาถอยหลังแล้วน่ะครับที่ประชาชนชาวไทยกำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่ขณะนี้กำลังเป็นข่าวครึกโครม สับสนวุ่นวายตามสไตล์การเมืองแบบไทยๆ โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มี รายงานข่าวจากมติชน เสนอว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันว่า จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือเลือกบุคคลใกล้ชิดเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม ในคณะรัฐมนตรี (ครม.)"ยิ่งลักษณ์ 1" รวมทั้ง พท.ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวในตำแหน่งนี้เช่นกัน ปล่อยโควตาตำแหน่งนี้เป็นของคนนอก โดยให้กองทัพเป็นผู้พิจารณาหารือกันเอง เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของกองทัพมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณหรือ พท.จะไม่มีการขัดขวางทั้งสิ้น เสนอใครมา พท.ก็จะแต่งตั้งบุคคลนั้น
แต่มีข้อแม้สำคัญ หากเกิดปัญหาใดขึ้นกับกองทัพ เช่น ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน การทุจริตคอร์รัปชั่น ผิดวินัยข้าราชการ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกับกองทัพต้องรับผิดชอบ
หากข่าวดังกล่าวเป็นจริง และอดีตนายกฯทักษิณฯพูดจริง ก็ต้องถือว่า ไม่เสียแรงที่อดีตนายกทักษิณฯที่ระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าประโยชน์ทางการเมืองที่สามารถผลิกผันให้พรรคเพื่อไทย กลับขึ้นมาผงาดในการเป็นรัฐบาล รวมถึงการสร้างนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่เป็นน้องสาวสุดที่รัก ได้อย่างอัศจรรย์
คำยืนยันของอดีตนายกทักษิณฯ ถึงการที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือเลือกบุคคลใกล้ชิดเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหม ในคณะรัฐมนตรี (ครม.)"ยิ่งลักษณ์ 1" รวมทั้ง พท.ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวในตำแหน่งนี้ โดยให้กองทัพเป็นผู้พิจารณาหารือกันเอง เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของกองทัพมาดำรงตำแหน่ง ถือเป็นการทำลายค่ายกลทางทหารที่ชาญฉลาดและลึกซึ้ง เกมนี้อดีตนายกทักษิณฯอ่านขาด
ความไม่เป็นเอกภาพภายในกองทัพไทย โดยเฉพาะกองทัพบกที่มีการแบ่งขั้วอำนาจที่ชัดเจน ระหว่างค่ายวงศ์เทวัญ และ ค่าย บูรพาพยัคฆ์ ประเด็นที่หนึ่ง
ประเด็นที่สอง ความเหลื่อมล้ำของงบประมาณในสามเหล่าทัพ กองทัพบกได้สองกองพลเกิดขึ้นใหม่ ได้รถถัง และอีกสารพัดยุทโธปกรณ์ที่ใช้ได้บ้างใช้ไม่ได้บ้าง กองทัพอากาศ ได้ฝูงบินขับไล่ กริฟฟิน แต่ กองทัพเรือ กลับไม่ได้เรือดำน้ำ
ปัญหาทั้งสองประเด็นดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจของอดีตนายกทักษิณฯ ที่จะให้กองทัพเป็นผู้พิจารณาหารือกันเอง เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของกองทัพมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหม
แต่อะไรไม่ว่า กลยุทธสุดท้าย ที่ผมเชื่อว่า บรรดาทหารหาญทั้ง 3 เหล่าทัพ หัวใจคงจะร่วงมาอยู่ที่ตาตุ่มแน่ๆ กลยุทธดังกล่าวที่อดีตนายกทักษิณฯวางไว้ ก็คือ ข้อแม้สำคัญ
“แต่มีข้อแม้สำคัญ หากเกิดปัญหาใดขึ้นกับกองทัพ เช่น ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน การทุจริตคอร์รัปชั่น ผิดวินัยข้าราชการ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกับกองทัพต้องรับผิดชอบ”
ข้อแม้ นี้ล่ะครับ ที่จะบีบหัวใจของเหล่าบรรดาทหารหาญทั้ง 3 เหล่าทัพ รวมไปถึงมือที่มองไม่เห็นที่คอยบงการชักใยอยู่เบื้องหลัง ที่นับแต่นี้ต่อไป กระทรวงกลาโหม
-ไม่ว่าจะแต่งตั้งใครเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ
-ไม่ว่ากองทัพใด จะผลาญงบประมาณ ทุจริตคอรัปชั่น
-ไม่ว่าจะเอารถถังออกมาปฎิวัติรัฐประหาร
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกับกองทัพต้องรับผิดชอบ หรือถ้าคิดว่ายังมีอำนาจทำได้ ผมขอแนะนำ 2 ทางตันให้พวกคุณ คือ 1.พลังมวลชน 2.ประชาคมโลก
สรุป นี่ล่ะครับ คือ “พิษทักษิณ” ของจริงเสียงจริง ที่เจ้าหนูมาร์ค พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงบุคคล กลุ่มบุคคลบ้าๆบอๆปัญญาอ่อน ต่างกลัวนักกลัวหนา ที่ทักษิณจะกลับมาประเทศไทย .......
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น