บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประชาชนของพระเจ้าแผ่นดิน : พล.ต.ตะวันฯ ของลูกน้อง และการสวด “ภาษามอญ” ที่เกาะเกร็ด

  by พล.ท.นันทเดช ,

        เมื่อวันพุทธที่ผ่านมา ผมมีนัดหมายที่จะไปพูดคุยกับคนเมืองนนท์กลุ่มหนึ่ง ใช้ชื่อว่า “กลุ่มประชาชนของพระเจ้าแผ่นดิน” ในตอนบ่าย ผมจึงติดต่อเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่ปากเกร็ด (พล.ท.ชาติวัฒน์ งามอุดม) ขอไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารและนักข่าวที่เสียชีวิตจาก ฮ. ตก รวม ๑๗ คน ที่วัดปรมัยยิกาวาส (อยู่บนเกาะเกร็ด) ซึ่งพี่ชาติวัฒน์ฯ ทำหน้าที่คล้ายช่างศิลป์ประจำวัดเป็นผู้ติดต่อให้ นอกจากนั้น ผมกับ พล.ต.ตะวันฯ รู้จักกันมาก่อน และพล.ต.ตะวันฯ ยังเรียน วปอ. รุ่นปัจจุบัน (รุ่น ๕๓) อยู่กับน้องชายของผมด้วย  แต่สาเหตุที่ผมต้องไปทำบุญให้ไม่ใช่เรื่องนี้ เป็นเพราะบุคคลเหล่านี้เป็นทหารที่เสียสละเพื่อชาติในการป้องกันป่าต้นน้ำ อย่างหวงแหน อีกคนหนึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ทำตามหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งคนเหล่านี้ได้จากไปอย่างกระทันหันด้วย
        วันที่ชาว วปอ. รุ่น ๕๓ ไปเยี่ยมกองพลทหารราบที่ ๙  พล.ต.ตะวันฯ ได้นำทหารจำนวนมากมายออกมายืนต้อนรับ และยืนพูดคุยกับเพื่อนๆ อยู่บนอัฒจันทร์ พอดีเกิดฝนตกลงมาหนักมาก ชาว วปอ. จึงหนีฝนขึ้นรถกันอุตลุดไปหมด แต่ พล.ต.ตะวันฯ กลับลงจากอัฒจันทร์วิ่งมารวมกับแถวทหารที่ยืนตากฝนอยู่ ทำความเคารพชาว วปอ. ซึ่งนั่งอยู่บนรถที่วิ่งผ่านไป จนรถลับตา และเดินตากฝนออกจากสนามไปพร้อมกับทหาร เปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำครับ “นี่คือตะวันของลูกน้อง” ตะวันที่อยู่เคียงข้างลูกน้องทุกลำดับชั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข
        วัดปรมัยยิกาวาส เป็นวัดรามัญมาแต่โบราณ เป็นอารามหลวงชั้นโทตั้งอยู่ริมคลองลัดเกร็ด (เดิมชื่อวัดปากอ่าว) เวลาใครผ่านไปจะเห็นพระเจดีย์ทรงรามัญ (มุเตา) สีขาวห่มผ้าแดงอยู่ริมน้ำ (กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ปี ๒๔๗๘)
        เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาทอดกฐิน จึงมีพระราชศรัทธาจะปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ (ยาย) “กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร” เมื่อบูรณะเสร็จจึงพระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า วัดปรมัยยิกาวาศ (วัดของยาย) ตอนหลังเขียนเพี้ยนไปเป็นวัดปรมัยยิกาวาส และทรงโปรดเกล้าให้รักษาการสวดอย่างรามัญไว้ตลอดไป (ปัจจุบันก็ยังสวดภาษามอญอยู่ แต่ให้พรเป็นภาษาไทยควบคู่ไปด้วย) ดังนั้นวัดนี้จึงมีโบราณวัตถุที่มีคุณค่ามากมาย นับตั้งแต่พระไตร ปิฎกภาษามอญ, พระพุทธไสยาสน์, หลวงพ่อพระนนทมุนินท์ (พระพุทธรูป ประจำ จ.นนทบุรี), ศาลา  กุฎิ อายุนับร้อยปี ภาพในหลวง ร.๙ ที่เสด็จไปที่วัดเมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มีเวลาว่างควรจะไปดูกันเองครับ
        หลังจากพระสวดจบ  ผมก็ถวายอาหารเพลพระที่วัด เป็นพระ ๑๕ รูป เป็นเณร ๓ รูป (ไม่นับเณรบวชหน้าไฟอีก ๒ รูป) ด้วยข้าวปลาอาหารทั้งของพื้นบ้านและของที่นำไปจากกรุงเทพฯ มีผู้ไปร่วมงานเป็นทหารทั้งหญิงและชายประมาณ ๒๐ คน เท่านั้น (ดูบรรยากาศตามรูป เลียนแบบคุณตายูริกับน้องจ๋าบ้าง เรื่องการลงรูปถ่ายในตอนท้ายเรื่องครับ)
        วัดนี้ ท่านเจ้าอาวาส สวดมนต์ให้พรคนไปทำสังฆทานเป็นภาษาทั้งบาลีและมอญ เพราะมากครับ ดูน่าจะศักดิ์สิทธิ์จริง จึงมีคนไปต่อแถวทำสังฆทานกันเต็มไปหมด แต่ทำได้เฉพาะช่วงเช้าถึงเที่ยงเท่านั้น ตอนบ่ายท่านจะลงมือสอนหนังสือเณรด้วยตัวเอง ถ้าพวกเราชาวบล็อกเกอร์จะไป ควรไปวันธรรมดาดีที่สุดครับ คิวสั้นหน่อย
        ตอนบ่าย ผมขึ้นเรือกลับมาที่ฝั่งปากเกร็ด มาพบปะพูดคุยกับกลุ่ม “ประชาชนของพระเจ้าแผ่นดิน” ประมาณ ๕๐ คน ที่บ้านหลังหนึ่งอยู่ในสวน จึงทำให้รู้ว่า ชาวเมืองนนท์จริงๆ นั้น รักในหลวงมากพอๆ กับผม บางคนอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ พวกเขาบอกว่าเริ่มรวมกลุ่มมาสักเดือนหนึ่งได้ เพื่อเตรียมตัวไว้รับสถานการณ์ที่อาจจะมีการเคลื่อนไหวกระทบสถาบันฯ เพิ่มขึ้นมาอีก พูดคุยกันหลายประการ จนถึงทุ่มหนึ่งพระอาทิตย์ที่แอบฟังเราพูดอยู่ที่ขอบฟ้าไกลๆ ก็เริ่มส่งสัญญาณว่า “ข้าจะกลับบ้านบ้างแล้ว เลิกกันซะที” พวกเราจึงเลิกครับ ร่ำลากันอีกเกือบชั่วโมงหนึ่ง ความมืดคืบคลานเข้ามาและแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะออกจากสวนมาที่ถนนก็มืดสนิท แม้จะมืด แต่ในหัวใจของผมกลับโชติช่วงด้วยแรงแห่งความรักต่อในหลวงที่คนกลุ่ม เล็กๆ แสดงออก เป็นการแสดงออกโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่ต้องการเป็น ส.ส. , ไม่ต้องสู้แล้วรวย, ไม่หลงสีจนไม่ทำมาหากิน ฯลฯ เพราะพวกเขาเป็นประชาชนของพระราชาครับ  ก็ไม่รู้ว่าประชาชนของพระราชาจะเกิดขึ้นอีกกี่ร้อย กี่พันกลุ่ม ในสถานการณ์แบบนี้ ดูรูปทำบุญต่อครับ
ตี ๓, ๒๙ ก.ค. ๕๔, กรุงเทพฯ
.
"หน้าโบสถ์"
.
"ประตูโบสถ์"
.
"พุ่มบูชารูปในหลวง อยู่ภายในโบสถ์"
.
"ชื่อวัดภาษามอญ"
.
"เจ้าอาวาส"
.
"ใบไม้ทอด 13 ชนิด"
.
"ทอดมันหน่อกะลา อร่อยที่สุด (ใส่ต้นหน่อกะลาลงไปด้วย)"
.
"ก๋วยเตี๋ยวหมู (สำหรับลูกศิษย์วัด)"
.
"ข้าวหมูแดง (สำหรับลูกศิษย์วัด)"
.
"ขนมรามัญชื่อ "หันตรา" คล้ายเม็ดขนุนแต่หวานน้อนกว่า"
.
"พระสวด"
.
.
"ถวายอาหารพระ"
.
.
"ถวายไทยทาน"
.
"รับพร"

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง