เมื่อเวลา 20.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศ ยุบสภาว่า
"พี่ น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้นำพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรทูลเกล้า บัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะได้นำเอาพระราชกฤษฎีกานี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันพรุ่งนี้คือวันที่ 10 พ.ค. เป็นผลให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงใช้พระราชอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ ทำให้การปกครองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้
พี่น้องประชาชนที่เคารพ การยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น หมายถึงการสิ้นสุดลงของวาระของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าการยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วย เป็นการเริ่มต้น สำหรับพี่น้องประชาชน อีกครั้งหนึ่ง และเป็นการเริ่มต้นการเดินหน้าประเทศไทย ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชน และครอบครัว อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปภายใต้กระบวนการของประชาธิปไตย
ผมจึงประกาศ ยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง และด้วยความหวังว่า พี่น้องประชาชนจะได้ใช้โอกาสที่สำคัญในครั้งนี้ ในการขับเคลื่อน ประเทศไทยไปข้างหน้า และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่
การสิ้น สุดของสภาผู้แทนราษฎรหรือวาระของรัฐบาลจาการยุบสภาในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า งานของรัฐสภา หรืองานของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงตรงกันข้าม ผมตระหนักดีว่าในปัจจุบันนี้ ยังคงมีปัญหามากมายที่ พี่น้องประชาชนและครอบครัวยังต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
พี่น้อง ประชาชนและครอบครัวจำนวนมาก ยังต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และรอคอยที่จะให้มีการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ พี่น้องประชาชนและครอบครัวจำนวนมากในชนบท ยังรอคอยที่จะเห็นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ลูก หลานคนไทยอีกจำนวนมากยังคงต้องการโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของคุณภาพ ทั้งในแง่ของโอกาสในการที่จะเรียนต่อไปจนถึงระดับปริญญา หรือระดับของอุดมศึกษา
พี่น้องประชาชนและอีกหลายคน หลายครอบครัว ยังคงวิตกกังวลทุกข์ใจกับปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามที่กัดกล่อนความ มั่นคง ไม่ใช่เฉพาะสำหรับประเทศเท่านั้น แต่หมายถึงชีวิตของคนในครอบครัว ชีวิตของคนในชุมชน ชีวิตของคนในสังคม และยังคงมีปัญหาอื่นๆ ที่เป็นงานที่ยังต้องทำต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ซึ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เป็นโอกาสดีของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ นี้อย่างไร
พี่น้อง ประชาชนที่เคารพรักครับ แม้ว่าผมจะได้กล่าวถึงงานจำนวนมาก ที่เราจำเป็นจะต้องทำต่อไป แต่เราคงไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะงานหลายอย่างนั้น ได้มีการเริ่มต้นมาแล้วท่ามกลางภาวะความยากลำบากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิ ฤกติซ้อนวิกฤติมาเป็นระยะเวลากว่า 5-6 ปี
พี่ น้องประชาชนคงจำได้ว่า ปัญหาทางการเมืองของเรา เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2548 , 2549 ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ต่อมาในปี 2549 เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยต้องสะดุดลง ต่อมามีเรื่องของคดียุบพรรค การเพิกถอนสิทธิ์นักการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการเมืองอย่างมา และต่อมาก็มีรัฐบาลซึ่งไม่สามารถทำงานได้ภายใต้ความขัดแย้งของพี่น้อง ประชาชนในสังคม แม้กระทั่งในช่วงรัฐบาลของผม ก็มีการชุมนุม มีการประท้วง มีการก่อเหตุจราจล จนนำมาสู่เรื่องของการสูญเสีย ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแน่นอนที่สุด คือ ชีงวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
แต่ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า ท่ามกลางความภาวะความยากลำบากเหล่านี้ ปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้อง ประชาชนนั้น ก็ได้มีการเดินหน้าในการแก้ไข มีการเริ่มต้นนโยบายหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งทำให้เราสามารถที่จะใช้เป็น ประโยชน์เดินหน้าทำงานต่อไป
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งนั้น เศรษฐกิจไทยของเรากำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวติดลบ คนกลัวกันว่าจะมีคนว่างงานพุ่งสูงไปถึง 1 ล้าน 2 ล้านคน สุดท้ายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้การว่างงานนั้นไปแตะที่ 7 แสนคนเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ลดลงมาอย่างรวดเร็ว เหลือ 3 แสนคน ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวเป็นบวก การส่งออก การท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้แต่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็สูงสุดในรอบเป็น 10 ปี
ถามว่าสิ่ง ต่างๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่พอใจ ตราบเท่าที่ยังมีพี่น้องประชาชนและครอบครัวตั้งแต่ แม่ฮ่องสอน ลงไปนราธิวาส จากกาญจนบุรีไปอุบลราชธานี ยังคงมีปัญหาที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เราพอใจไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็พูดได้ว่า การแก้ไขปัญหาปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดีเป็นงานที่เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง พี่น้องประชาชนและหลายครอบครัวมีภาระมาก ทั้งในเรื่องการศึกษาของลูกหลาน ทั้งในเรื่องของการดูแลผู้สูงอายุ คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย รัฐบาลได้มาเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ลดภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาต่างๆ ได้นำโครงการเบี้ยยังชีพถ้วนหน้ามาให้พี่น้องประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปี แบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชนไปได้ ถามว่าเพียงพอหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่พอ เพราะผมเชื่อมั่นว่า ครอบครัวของพี่น้องนั้นก็ต้องการที่จะต้องมีหลักประกันความมั่นคง และการสร้างโอกาสให้กับลูกหลานมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่งานที่ทำสิ่งเหล่านี้นั้น เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนในเรื่องของราคาของพืชผล รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเริ่มต้นโครงการประกันรายได้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแบบครอบคลุม ทั่วถึง เงินสดไปถึงมือ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องของรายได้เป็นครั้งแรก ทำให้พี่น้องเกษตรกรทำการเกษตรแล้วไม่ขาดทุน
พร้อมๆ กันไปก็ได้อนุมัติโครงการประกันภัยพืชผล ที่จะมีการใช้ต่อไปปลายปีนี้ ถามว่าเพียงพอหรือยังในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ เป็นที่พึงพอใจ ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกันก็พูดได้เช่นเดียวกันว่า งานที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง
พี่ น้องครับ นอกเหนือจากเรื่องของเศรษฐกิจ และปากท้องแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่ง ยังหนักหน่วงอยู่ แน่นอนที่สุด ถามว่าวันนี้มีความปรองดองสมานฉันท์หรือยัง ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ยืนยันความเป็นนิติรัฐของประเทศ ให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นปกครองด้วยกฎหมาย และสามารถทำให้ภาวะต่างๆ กลับเข้ามาสู่ความเป็นปกติระดับหนึ่งที่จะคืนอำนาจให้แก่พี่น้องประชาชนได้ ดังนั้นงานที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ก็ได้เริ่มต้นแล้วเช่นเดียวกัน
ยัง คงมีปัญหาอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น หรือปัญหาทางสังคมอื่นๆ ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป แต่ในทุกเรื่องเหล่านี้ผมก็ยืนยันได้ว่า งานได้เริ่มต้นแล้ว ในการป้องกันปราบปราม ในการที่จะแก้ปัญหาแบบครบวงจร ซึ่งสามารถที่จะเป็นฐานในการที่จะทำงานแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ต่อไป
วันนี้ ผมจึงบอกได้ว่า แม้เรามีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ และวันนี้การตัดสินใจของพี่น้องประชาชนจึงเป็นการตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่ สุดที่จะเดินหน้าประเทศไทย แก้ไขปัญหานั้นคืออะไร
พี่น้องที่ เคารพครับ การตัดสินใจในวันนี้ ในเรื่องของการเดินหน้าประเทศ จึงเป็นการตัดสินใจว่าเราจะให้ประเทศของเรานั้นเดินไปในทิศทางไหน จะเดินไปข้างหน้า หรือจะเดินถอยหลัง หรือจะเดินวนจมปลักอยู่กับปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งทำให้ปัญหาอีกหลายอย่างของพี่น้องประชาชนที่เป็นปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้รับการแก้ไข
จาก วันนี้ไป นักการเมือง พรรคการเมืองทั้งหลาย ก็คงจะได้รณรงค์หาเสียง นำเสนอวิสัยทัศน์ ความคิด นโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ วันนี้คงไม่ใช่โอกาสที่ผมจะมาพูดจาปราศรัยทางการเมืองครับ แต่ขอเปิดใจว่า ในฐานะที่ได้ทำงานมา 2 ปีกว่าๆ นั้น อยากจะเห็นประเทศของเรานั้นเดินหน้าไปอย่างไร ผมหวังว่าไม่ว่าพี่น้องประชาชนที่ดูอยู่ในขณะนี้ จะนิยมชมชอบพรรคการเมืองใด ใส่เสื้อสีอะไร หรือแม้กระทั่งไม่สนใจในทางการเมือง เราน่าจะเห็นตรงกันในบางเรื่อง
ในเชิงนโยบายผมว่าเราน่าจะ เห็นตรงกันว่า ความจำเป็นในการที่เราจะต้องช่วยพี่น้องคนยากคนจน คนมีรายได้น้อย ให้มีรายได้ที่เพียงพอ ต่อสู้กับปัญหาของแพง ค่าครองชีพ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ต้องยกระดับรายได้ เพิ่มค่าแรง เพื่อให้พี่น้องคนยากคนจนของเรานั้นมีรายได้ที่เพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นรัฐบาล หรือใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมหวังที่จะเห็นว่าการให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกหลานของเราในเรื่องของการ ศึกษา ยังจะต้องทำต่อไป ทำอย่างไรจะให้ลูกหลานของเรามีโอกาสเรียนสูงๆ และได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นหลักประกันในเรื่องของการมีรายได้ มีอาชีพ และมีชีวิตที่ดีต่อไป
ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผมก็ยังอยากจะเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรนั้นมีความแน่นอน มีหลักประกันความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการคงระบบประกันต่างๆ เอาไว้ ก็ยังต้องมีการเพิ่มในเรื่องของค่าตอบแทน กำไร หรือรายได้ของพี่น้องเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก พ้นจากความเป็นหนี้เป็นสิน สามารถที่จะมีเงินออม และมีความมั่นคงในชีวิตได้ต่อไป
และไม่ ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ผมหวังที่จะเห็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อให้ภัยคุกคามภัยนี้มันพ้นออกไปจากสังคมไทยของเรา และทำให้ลูกหลานของเรานั้นอยู่ในสังคมที่มีความปลอดภัย
แต่ นอกเหนือจากทิศทางในเชิงนโยบายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น ก็คือหลักการในการบริหารบ้านเมือง ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันว่าจากวันนี้ไป การเมืองการปกครองของไทยนั้นต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่เดินออกนอกเส้นทาง ไม่เดินออกนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เดินออกนอกกฎหมาย
ผม คิดว่าเราควรจะเห็นร่วมกันครับว่า การเมืองในวันนี้ต้องเป็นการแข่งขันในทางความคิด ทางนโยบาย อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การยุยงให้เกิดความขัดแย้งด้วยการปลุกระดมจนนำไปสู่เรื่องของความ รุนแรงและความสูญเสีย ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า การสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาในรัฐบาล จะต้องเกิดจากการยึดมั่นในเรื่องของความโปร่งใส ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมาทำลายศรัทธาของประชาชน และผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล มาบริหารประเทศ จะต้องยึดมั่นผลประโยชน์ของส่วนรวม และผลประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวตน ของพวกพ้อง ของพรรค
ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ขอบคุณรัฐมนตรี ขอบคุณข้าราชการทุกท่าน ที่ได้ทำหน้าที่ของตนในการทำงาน ทำให้รัฐบาลสามารถที่จะผลักดันงานหลายอย่างออกมาได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่นอกเหนือจากจะมอบความไว้วางใจผ่านสภาผู้แทนราษฎรให้ผมมาดำรงตำแหน่งหัว หน้ารัฐบาล ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของตัวผม
ตลอด ระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมซาบซึ้งในกำลังใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนของพี่น้องประชาชน ในการทำงานของผม และทุกวันที่ผมตื่นขึ้นมา ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ความไว้วางใจที่พี่น้องมอบให้นั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องตอบแทนด้วยการทุ่มเททำ งานเต็มความสามารถ ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย ไม่มีสิทธิ์ท้อแท้ ไม่มีสิทธิ์ท้อถอย บางวันเป็นวันที่ผมทำงานแล้วมีความสำเร็จ ผลประโยชน์ต่างๆ ตกสู่พี่น้องประชาชน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือความพึงพอใจของคนที่เป็นนักการเมืองอาชีพอย่างผม แต่อีกหลายวันผมทราบดีว่า งานของผมไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางวันก็ทำให้พี่น้องประชาชนหลายส่วนผิดหวัง
แต่ไม่ว่าจะเป็น วันที่พี่น้องประชาชนสมหวังหรือผิดหวังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า ผมได้ทำเต็มความสามารถ เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้ผมตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา วันนี้หน้าที่ของผมกำลังสิ้นสุดลง แต่หน้าที่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น นั่นคือการตัดสินใจชี้ชะตา ทิศทาง และอนาคตของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเอง และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยที่เรารักทุกคน
พี่น้องครับ ผมมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ ขอขอบคุณครับ"
----------------------------
ตลอด ระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมซาบซึ้งในกำลังใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนของพี่น้องประชาชน ในการทำงานของผม และทุกวันที่ผมตื่นขึ้นมา ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ความไว้วางใจที่พี่น้องมอบให้นั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องตอบแทนด้วยการทุ่มเททำ งานเต็มความสามารถ ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย ไม่มีสิทธิ์ท้อแท้ ไม่มีสิทธิ์ท้อถอย บางวันเป็นวันที่ผมทำงานแล้วมีความสำเร็จ ผลประโยชน์ต่างๆ ตกสู่พี่น้องประชาชน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือความพึงพอใจของคนที่เป็นนักการเมืองอาชีพอย่างผม แต่อีกหลายวันผมทราบดีว่า งานของผมไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางวันก็ทำให้พี่น้องประชาชนหลายส่วนผิดหวัง
แต่ไม่ว่าจะเป็น วันที่พี่น้องประชาชนสมหวังหรือผิดหวังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า ผมได้ทำเต็มความสามารถ เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้ผมตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา วันนี้หน้าที่ของผมกำลังสิ้นสุดลง แต่หน้าที่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น นั่นคือการตัดสินใจชี้ชะตา ทิศทาง และอนาคตของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเอง และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยที่เรารักทุกคน
พี่น้องครับ ผมมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ ขอขอบคุณครับ"
----------------------------
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น