วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554
“พงษ์โพยม” แจง ไม่ต้องการให้ไทยเป็นสหพันธรัฐเหมือน มะกัน-มาเลย์
คปร.น้อมรับคำวิจารณ์สมาคมนักปกครองฯ ชี้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันวิจารณ์โมเดลปฏิรูป เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่ท้องถิ่นเข้มแข็ง-ดูแลตนเองได้ ย้ำ ผู้ว่าฯ-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านไม่ถูกยุบ แค่ปรับบทบาทให้ทำงานคล่องขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ นายพงษ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรรมการปฏิรูป กล่าวถึงกรณีที่สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทยออกมาคัดค้านข้อเสนอปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ ของคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) เรื่องให้องค์กรปกครองท้องถิ่นจัดการและดูแลตนเองว่า ข้อคัดค้านของสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทยที่มีออกมานั้น คปร. น้อมรับคำวิจารณ์ดังกล่าว เนื่องจากข้อเสนอเป็นโมเดลที่ต้องการยื่นให้สังคม ไม่ว่าจะประชาชน พรรคการเมือง สื่อมวลชน ข้าราชการและทุกฝ่าย ช่วยกันคิดช่วยกันวิจารณ์ต่อว่า จะดำเนินการในรูปแบบใดถึงจะเกิดการพัฒนากับประเทศไทยอย่างแท้จริง การออกมาคัดค้านของสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทยครั้งนี้ จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งสะท้อนว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านสนใจในประเด็นเรื่องการปฏิรูปท้องถิ่นอย่างแท้จริง
“สำหรับข้อคัดค้านดังกล่าว คปร.จำเป็นจะต้องอธิบายในรายประเด็น ที่อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เริ่มจากประเด็นแรกที่สมาคมนักปกครองมีความเป็นกังวลว่า การปฏิรูปครั้งนี้ จะทำให้การเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองจากรัฐเดี่ยวเป็นสหพันธรัฐนั้น คปร.ไม่ได้ต้องการให้ประเทศไทยเป็นเหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศมาเลเซีย แต่ต้องการให้ท้องถิ่นของเราเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้เหมือนกับประเทศญี่ปุ่น ที่ท้องถิ่นสามารถดูและและจัดการตนเองได้ จนกระทั่งเกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”
กรรมการปฏิรูป กล่าวต่อว่า โมเดลที่ คปร. เสนอจึงเป็นการทำงานประสานกันระหว่างรัฐบาลกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่าง อบจ. ไม่ได้เป็นเจ้านายของ อบต.หรือเทศบาล แต่ทุกฝ่ายจะต้องทำงานอย่างสอดประสานกัน
“คปร. ไมได้เสนอให้มีการยุบส่วนภูมิภาค แต่เสนอให้ส่วนภูมิภาคปรับรูปแบบการทำงานใหม่ ผู้ว่าราชการหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ต้องปรับบทบาทของตนเอง ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องที่ ประสานงานระหว่างรัฐกับประชาชน เนื่องจากมองว่า หากข้าราชการทำให้ประชาชนทุกอย่าง ในที่สุด ประชาชนและประเทศชาติก็จะไม่เข้มแข็ง ดังนั้น ต้องฝึกให้ประชาชนดูแลตัวเอง ใช้อำนาจตัดสินชีวิตและความเป็นอยู่ในท้องถิ่นของตนเองซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดี สำหรับประชาชนและประเทศไทย” นายพงษ์โพยม กล่าว และว่า อยากให้ทุกฝ่ายที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกลับไปศึกษาข้อมูลที่ คปร.เสนอย่างละเอียด และจะเห็นชัดเจนว่า โมเดลต่างๆ ก็เพื่อต้องการเห็นบ้านเมือง เปลี่ยนแปลง พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นและเข้มแข็งยิ่งขึ้น
กรรมการปฏิรูป กล่าวถึงข้อห่วงใยของสมาคมนักปกครองฯ เรื่องการสร้างอิทธิพลของ อปท. และการทุจริตคอรัปชั่นที่จะเพิ่มขึ้น หากมีการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นว่า เรื่องอิทธิพล การทุจริตคอรัปชั่นมีอยู่ในทุกที่ แต่มีกฎหมายหลายฉบับที่ใช้เอาผิดกับบุคคลที่สร้างอิทธิพลและทุจริต ไม่ว่าจะกฎหมายอั้งยี่ซ่องโจร กฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะเดียวกัน การปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น จะยิ่งทำให้การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นง่ายขึ้น เนื่องจากมีกลไกของภาคประชาสังคม ในรูปแบบของคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบและยับยั้งคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของ อปท. ดังนั้น การกระทำที่ทุจริต จึงเป็นเรื่องน่ากลัว สำหรับการปกครองท้องที่รูปแบบใหม่ เนื่องจากการตรวจสอบของภาคประชาชนจะทำได้โดยง่าย ขณะที่ข้าราชการจะแข่งขันกันทำงานเพื่อท้องถิ่นมากขึ้น
นายพงษ์โพยม กล่าวอีกว่า ไม่ช้าหรือเร็วการเปลี่ยนแปลงการปกครองในท้องถิ่นของประเทศไทยจะต้องเกิดขึ้น เหมือนกับการมีลูกสาว ที่ต่อไปต้องแต่งงาน ไปอยู่กับสามี เราจึงต้องสอนให้ลูก รู้จักปรับตัวเข้ากับสามีและบ้านใหม่ให้ได้ โดยสิ่งใดที่ลูกยังทำไม่ได้ ก็ต้องบอก ต้องสอน ซึ่งหากทำดีที่สุดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้ากับสามีหรือบ้านของสามีได้อีก ก็ต้องให้ลูกสาวเปลี่ยนสามี ซึ่งก็ไม่ต่างกับการปฏิรูปท้องถิ่น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันประคับประคองลูกสาวหรือท้องถิ่น ให้พัฒนาในเร็ววัน เพื่อบ้านเมืองของเรา”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น