วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555
รายละเอียดคำวินิจฉัยป.ป.ช.ชี้มูลผิด”ยงยุทธ”คดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์คุญหญิงพจมานพัวพัน
123
เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็มของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด “ยงยุทธ” กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์มีความผิดทางวินัยร้ายแรงเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เผยขายให้คนใช้คนขับรถทักษิณก่อนคุณหญิงพจมานจะมารับซื้อต่อ
วันที่ 12 มิ.ย. 2555 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติด้วยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3 เสียง) ชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่ดิน (ที่จดทะเบียนในนามสนามกอล์ฟอัลไพน์) ที่แบ่งแยกออกมาจากโฉนดที่ดินเลขที่ 20 และเลขที่ 1446 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อันเป็นการโอนที่ธรณีสงฆ์โดยมิชอบ หรือเรียกว่ากรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมากเห็นว่าการกระทำดังกล่าว มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง
และมาตรา 98 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวล-กฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนร้อยตำรวจเอกปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เห็นว่ากรณีไม่เป็นความผิดจึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
เริ่มจากการกล่าวหาเสนาะ เทียนทอง
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีกล่าวหานายเสนาะ เทียนทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรีว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีจดทะเบียนโอนมรดก และโอนขายที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการาม วรวิหารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
นายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารได้มาซึ่งที่ดินทั้งสองแปลงที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง ยกที่ดินดังกล่าวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2512
และต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2533 ผู้จัดการมรดกได้จดทะเบียนเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและขายที่ดินนั้นให้แก่บริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัทอัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ในราคา 142,000,000 บาท บริษัททั้งสองได้จดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเป็นการชำระหนี้ไว้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด เป็นเงิน 220,000,000 บาท และจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองอีก 70,000,000 บาท
คนของทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้อง
ภายหลังบริษัทฯ ได้ไถ่ถอนจำนอง และรังวัดแบ่งขายให้บุคคลอื่น ส่วนที่ดินบริเวณสนามกอล์ฟอัลไพน์ เมื่อปี 2541 ได้โอนขายหุ้นให้ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน จำนวน 10 หุ้น นายชัยวัฒน์ เชียงพฤกษ์ กับนางสาวบุญชู เหรียญประดับ คนละ 24,899,987 หุ้น และนายวิชัย ช่างเหล็ก 24,988,986 หุ้น ซึ่งเป็นคนงาน คนขับรถในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมาบุคคลทั้งสามได้โอนขายหุ้นให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ภรรยาและบุตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามลำดับ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2553 มีมติว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ผู้รับพินัยกรรมโดยผลของกฎหมายทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์หรือทำการรับมรดก หรือเข้าครอบครองที่ดินมรดก จึงตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ตั้งแต่นางเนื่อมถึงแก่กรรม การจดทะเบียนโอนขายที่ธรณีสงฆ์จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำของนายเสนาะ เทียนทอง ที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินมรดกทั้งสองแปลง จึงเป็นคำสั่งที่มิชอบ นอกจากนี้ยังได้ใช้อำนาจโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจ ให้เจ้าหน้าที่จดทะเบียนโอนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการมรดก โอนมรดกและโอนขายที่ดิน จึงมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 148 แต่ความผิดตามมาตรา 157 ขาดอายุความแล้ว
ตั้งคณะทำงานร่วมกัน-แต่ขาดอายุความ
ซึ่งทางอัยการสูงสุดเห็นว่าพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์ จึงตั้งคณะทำงานร่วม แล้วอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าคดีขาดอายุความ ไม่เห็นชอบในการฟ้องคดีต่อศาล คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงฟ้องคดีนายเสนาะ เทียนทอง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ศาลได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่ได้ตัวจำเลยไปศาลภายในกำหนดอายุความ ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐคนอื่นๆ คดีได้ขาดอายุความไปก่อนแล้ว
ยงยุทธเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน
สำหรับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่แบ่งแยกออกมาจากโฉนดที่ดินเลขที่ 20 และ 1446 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แยกเรื่องออกมา และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการไต่สวนชุดเดิมดำเนินการต่อไป จากการไต่สวนพบว่า อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งลงวันที่ 20 ธ.ค. 2544 ให้ยกเลิกโฉนดที่แบ่งแยกและเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนมรดก ระหว่างมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ผู้จัดการมรดก ผู้โอน กับมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ผู้รับโอน และระหว่างมูลนิธิมหามกุฎราช วิทยาลัย ผู้ขาย กับบริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัทอัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ผู้ซื้อ
แต่มีผู้มีส่วนได้เสียได้ร้องอุทธรณ์ กรมที่ดินมีคำสั่งยกอุทธรณ์ แล้วจึงส่งคำอุทธรณ์ไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย
เมื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวง พิจารณาแล้ว เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นบทบัญญัติที่มีลักษณะเป็นกฎหมายพิเศษ ยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นการได้มาของที่ดินวัดจึงต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี
เมื่อปรากฏว่ารัฐมนตรีสั่งไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินมรดกนี้ วัดจึงยังไม่ได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าว อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง จึงสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่) ที่เห็นว่าที่ดินนั้นเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ซึ่งการโอนที่ธรณีสงฆ์ต้องกระทำโดยออกเป็นพ.ร.บ. ตามมาตรา 34 แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ จะจำหน่ายจ่ายโอนให้แก่บุคคลอื่นนอกจากวัดธรรมิการามวรวิหาร ซึ่งพินัยกรรมมิได้ระบุให้เป็นผู้รับพินัยกรรมมิได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่า ได้มีมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2482 บังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ ทุกหน่วยงาน ต้องปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
การที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งมีฐานะเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงเป็นการกระทำอันมิชอบ เพราะหากไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามหรือไม่เห็นด้วย ก็ชอบที่จะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา หาชอบที่จะยกเลิกคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งถือปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่
พฤติการณ์และการกระทำของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ผู้ถูกกล่าวหา จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง
และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ให้ส่งรายงาน และเอกสาร พร้อมความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย
และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามฐานความผิดดังกล่าว
พร้อมทั้งให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
ปุระชัยยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ
อนึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติด้วยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3 เสียง) เห็นว่าการกระทำของร้อยตำรวจเอกปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น ที่มิได้เร่งรัดเพื่อให้ดำเนินการตามข้อสังเกต และแนวทางของคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ให้ข้อกล่าวหาตกไป โดยไม่มีเหตุที่จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ร้อยตำรวจเอก ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ทราบ
apacnews
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น