บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ถอดรหัส : โมเดล 111 กระชับอำนาจรัฐ !!?


เข็มทิศการเมืองกำลังหวนคืนสู่จุดเดิม! เพราะในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า กำหนดโทษ.. เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ของสมาชิกบ้าน “ตองหนึ่ง” จะถึงกาล-สิ้นสุด

เมื่อคุกการเมืองอยู่ในสภาพกรุแตก! หลังการปลดพันธนาการอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ที่นับถอยหลังรอเวลากลับสู่ยุทธจักรการเมืองอีกครั้ง...นั่นย่อมกลาย เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ

คงยากจะปฏิเสธได้ว่า “สงครามการเมือง” ที่กินเวลายาวนานมาตลอดหลายขวบปี ได้กีดกันและขัดขวาง “ตัวจริง” ที่เคยอยู่แถวหน้าให้ถอยห่างออกไปจากวงการเมือง ทำให้เกิดภาวะสุญญากาศไร้หัวไร้หาง! ในห้วงเวลาหนึ่ง จนขาดซึ่ง “มืออาชีพ” ที่จะเข้าไปบริหารประเทศ ตลอดจนการทำหน้าที่ของฝ่าย นิติบัญญัติ

ยิ่งอยู่ท่ามกลางปัญหารุมเร้าสารพัด! ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีล็อตใหญ่ก็เริ่มออกมาหนาหู โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่าจะ มีการยกเครื่องทีมรัฐมนตรีในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ แม้ว่า “นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยังไร้ซึ่งท่าที หรือแบ่งรับแบ่งสู้กับการปรับขบวน “ครม.ยิ่งลักษณ์ 3” ให้เป็น..ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก! ของรัฐบาล หรือแม้การที่ “ทนายหน้าหอ-นพดล ปัทมะ” อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะบุคคลใกล้ชิด..ผู้มีอำนาจตัวจริงในรัฐนาวา จะยืนกรานว่า..ยังไม่ถึงเวลา!

แต่บนความเคลื่อนไหว “วงใน” กลับเป็นตรงกันข้าม เป็นเพราะชาวคณะตองหนึ่ง ล้วนมีโควตา หรือ “นอมินี” ของตัวเองอยู่ในรัฐบาล ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็อยากได้พวกมือเก๋า-เพดานบินสูง เข้ามาเสียบแทนพวกมือใหม่หัดขับ! ที่ทำให้ “ครม.ทักษิณส่วนหน้า” ตกอยู่ในสภาวะเพลี่ยงพล้ำ เท่ากับเป็น “จังหวะ” และ “โอกาสสำคัญ” ในการปฏิรูปภายใน เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บครั้งใหญ่ ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกรากทางการเมือง

กระนั้นแม้หลายฝ่ายจะมองว่า การปรับ ครม.รอบหน้า “ไม่ตอบโจทย์ทางการเมือง” ก็ตามที แต่เมื่อรัฐบาลกำลังกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ฉะนั้นการเอาคนบ้าน 111 เข้ามาแทน ก็อาจเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะเกือบหนึ่งขวบปีภายใต้ธงบริหารของ พรรคเพื่อไทย ยังไร้ซึ่ง “ผลงาน” ที่จะมาการันตีคุณภาพคับแก้วของรัฐบาลชุดนี้

เวลานี้รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายไปมากมาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้อง การขึ้นค่าแรง 300 บาท ...เงินเดือนคนจบ ป.ตรี 15,000 บาท ตลอดจนการรับจำนำข้าว ล่าสุดคือการ กดปุ่มลงทะเบียนพักหนี้เกษตรกรไม่เกิน 5 แสนบาท เช่นเดียวกับการเปิดศึกน้ำลายกับซีกฝ่ายค้านในสภา ทั้งเรื่องการเปิดหมาก “ปรองดอง” หรือการปลดล็อก มาตรา 291 เพื่อเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550

ทว่า.. การขับเคลื่อนนโยบายก็ดำเนินไปแบบถูลู่ถูกัง! ไม่เป็น ไปตามเป้าหมายที่มีไว้พุ่งชน..! ของรัฐบาล โดยเฉพาะกระบวนการจัดการ และการหวังผล ได้ ซึ่งเป็น “จุดเด่น” ของระบอบทักษิณเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น การอธิบายความและการกำหนดนโยบายก็ยัง คงเป็นจุดอ่อน! หลายต่อหลายครั้ง แทนที่รัฐบาลจะเป็น “ฝ่ายรุก” กลับโดนฝ่ายค้านลูบหน้าปะจมูกกรีดใส่รัฐบาลจนตกอยู่ในความเพลี่ยงพล้ำ ที่สุดเลยต้องเป็นฝ่ายตั้งรับไปเสียอย่างนั้น ยิ่ง การอธิบายถึงผลงานของรัฐบาล เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน แทนที่จะเป็นเรื่อง “ง่าย” กลับยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะความดียังไม่ปรากฏ ผลงานรัฐบาลยังไร้ซึ่งความชัดเจน ที่สำคัญ ยังปรากฏว่า “แนวรับทางการเมือง” ก็เริ่มประสบปัญหา

แม้องค์ประกอบหลักของรัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์” จะยังเป็นโมเดลเก่าเหมือนสมัยรัฐบาลไทยรักไทย คือมีนโยบายที่ดี ..ประชานิยมบานสะพรั่ง แถมยังมีกลไกที่ใช้การได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ “คนที่เข้ามาจัดการ” หรือก็คือคณะรัฐมนตรี ที่เวลานี้ยังเป็นเพียง “อะไหล่” หรือ “ตัวสำรอง!” ที่ถูกย้ำหัวตะปูว่า เป็นนักการเมืองแถวสอง-แถวสาม หรือพวกด้อยประสบการณ์ทางการเมืองนั่นเอง

ขณะเดียวกัน การปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ /3 ยังคงมีเงื่อนไข สำคัญคือ การรอดูท่าทีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่าย ค้าน ที่ประกาศจองกฐินทันทีในช่วงเปิดสมัยประชุมทั่วไป 1 ส.ค.นี้

เกมสับขาหลอก...เวียนเก้าอี้ดนตรีหนนี้! ดูเหมือนว่ายังต้อง รอทิศทางลมไปก่อน เพราะมีศึกซักฟอกคั่นไว้ตรงกลาง ซึ่งกลวิธีนี้ เคยใช้ได้ผลมาแล้วในรัฐบาลทักษิณ เพื่อลดแรงเสียดทานทางสังคม และทำให้พรรคฝ่ายค้านหัวหมุนในการเตรียมข้อมูลซักฟอก รัฐบาล เหนืออื่นใดเมื่อสถานการณ์ยังไม่สุกงอม! ขาใหญ่หลายคน ในกลุ่ม 111 ที่รอเวลาปลดแอกมา 5 ปีเต็ม คงต้องอดใจอีกสักระยะ เพื่อรอรับสัญญาณจากแดนไกล และให้สถานการณ์เข้าที่-เข้าทางมากกว่านี้

อย่างไรก็ดี “ขุนพลตัวหลัก” ในโควตาบ้าน “ตองหนึ่ง” ที่ยังมีโอกาสก้าวเดินบนถนนสายการเมืองในการปรับ ครม.รอบหน้า มีชื่อแคนดิเดตอย่างอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย “จาตุรนต์ ฉายแสง” บุคคลที่มีภาพของนักประชาธิปไตย และมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “ผู้มากบารมีแห่งรัฐนาวา” ซึ่งได้มีกระแสข่าวหนาหูว่า จะเข้าไปเสียบเก้าอี้ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ หรือจะ เป็น “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” มือกฎหมายชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ก็รอเวลาที่สุกงอมเข้ามานั่งเก้าอี้ใหญ่ในรัฐบาลเช่นกัน

ส่วนบุคคลเบื้องหลังอย่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” และ “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล” ก็น่าจะมาแชร์เก้าอี้เสนาบดีตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งก็มีแนวโน้มว่า “คีย์แมน” อย่าง “เฮียเพ้ง” ไม่แคล้วจองคิว “ว่าการคมนาคม” ไว้แล้ว! ด้าน “หมอมิ้ง-น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” หากไม่อยากเป็นบุคคลเบื้องหลังฉาก ก็น่าจะเปิดหน้าทวงเก้าอี้ใหญ่ในรัฐบาลเช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับหัวหมู่เสื้อแดงอย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” ยังมีคิวต้องลุ้นชะตากรรมทางการเมืองของตัวเอง หากมีคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ชี้ให้เขาต้องหมดจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.แล้ว ย่อมหมายความว่า “นายใหญ่” คงเป็นธุระในการจัดหาที่ยืนให้..เพื่อเป็นการตอบแทนและสยบกระแสฮือต้านจากคนเสื้อแดง โดยมีให้เลือก 2 เก้าอี้ คือ มท.2 หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เสียบแทน “นลินี ทวีสิน” ที่เป็นจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้ ขณะที่ “วราเทพ รัตนากร” อดีตขาประจำยุคทักษิณ ก็ถูกวางตัวโดย “เจ้าแม่วังบัวบาน” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งอาจเข้ามาคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจกระทรวงใด กระทรวงหนึ่ง มีให้เลือก 2 ขา ... “คลัง” หรือ “พาณิชย์” โดยทั้งหมดล้วนเป็นขุนพลชั้น 26 แห่งศูนย์บัญชาการตึกชินวัตร ที่รอเวลาเปิดตัวครั้งใหม่ เพื่อใช้เป็น “ไพ่ใบสำคัญ” สยบการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ “ขั้วตรงข้าม”

ด้านพรรคร่วมรัฐบาล ก็ชัดเจนแล้วว่า “สนธยา คุณปลื้ม” แกนนำพรรคพลังชน จะเข้ามายึดเก้าอี้นอมินีคืน หลังส่งภรรยาสุดเลิฟ “สุกุมล คุณปลื้ม” นั่ง รมว.กระทรวงวัฒนธรรม เช่นเดียวกับ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ที่น่าจะมาแทนที่ “ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์” รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม

แน่นอนว่า หลังป่าช้าแตก! เกมการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ /3 น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในโมเดล “กระชับอำนาจ” นำไปสู่ การผลักดันนโยบายแห่งรัฐ ซึ่งหนทางที่ “สั้น” และ “ง่าย”.. ที่สุด! คือการปลดปล่อยสมาชิก 111 เข้าไปสู่หมากกระดาน สำคัญ เพราะคนเหล่านี้ถือเป็น “มือเก๋า” ที่เจนจัดในสังเวียน การเมือง และมีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัดในการบริหาร อำนาจรัฐมาแต่ครั้งอดีต!?!

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
POSTED BY : ปรีชา จาสมุทร DATE : 5/12/2012
ส่งอีเมลข้อมูลนี้
BlogThis!
แบ่งปันไปที่ Twitter
แบ่งปันไปที่ Facebook

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง