เปิดตัว'พ'ท่อน้ำเลี้ยงแดง โยงใย..อดีตผู้นำเศรษฐี สงสัย'เอี่ยว'ค้าทองเถื่อน! เหยื่อหรือร่วมขบวนการ
“ไทยอินไซเดอร์” เกาะ
ติดขบวนการซื้อขายทอง
ผ่านกลไกหลอกลวงสารพัดรูปแบบที่แก๊งอาชญากรรมสีเทาเหล่านี้
ใช้สมองส่วนเลวคิดออกมาได้....เนื้อหาที่นำเสนอในสัปดาห์นี้จึงสอดคล้องกับ
ตอน “เปิดโปงแก๊งชั่วขายทอง หลอกลวงอ้างอิงเบื้องสูง Internet Café...ภัยมืด! 'เฒ่าหัวงู'ล่อลวงเด็กไทย”
ตัวละครที่สำคัญยังคงเกี่ยวข้องกับ “Gunther Franz Rosinus”
ฝรั่งชาวเยอรมันที่ถูกจับกุมได้ในข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ที่อาจทำให้บุคคลหรือประชาชนได้รับความเสียหาย ตามความผิดในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งจากผลการสอบสวน Gunther Franz Rosinus ให้การรับสารภาพพร้อมเปิดโปงขบวนการ “เครือข่ายอาชญากรรมสีเทาค้าทอง”
จนหมดเปลือก ทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับโจรร่วมขบวนการแบบครบถ้วน สมาชิก
500-1,000 ที่ยังลอยนวลอยู่จะมีการเปิดเผยผ่าน “ไทยอินไซเดอร์”
เพื่อประจานความชั่ว ตามสืบสวนเค้นข้อมูลจากสมาชิกเหล่านี้ ขณะที่ตัวการหรือหัวโจกสำคัญในขบวนการ 5-10 คน คาดหมายว่าจะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้
เหตุผล
หนึ่งที่ต้องการตัวอาชญากรเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้
ไม่ใช่เพียงเพราะพฤติกรรมการหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนด้วยวิธีการโสมมเท่านั้น
แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่พฤติกรรมที่น่ารังเกียจในการใช้สถาบันเบื้องสูงของไทยมาหากิน
ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยในสยามเมืองยิ้มแห่งนี้ยอมรับไม่ได้
ถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างไม่หาให้อภัย
ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจากปากของอาชญากรระดับVIPเหล่านี้เอง
ถือมีความสำคัญเช่นกัน
ในแง่ที่สามารถนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลการเตือนภัยให้กับประชาชนให้รู้เท่าทัน
เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของอาชญากรสีเทาเหล่านี้
ขณะ
เดียวกันนั้นจะได้รู้ถึงพฤติกรรมและวิธีคิดของคนเหล่านี้ ผ่าน "มันสมอง"
ที่เรียกได้ว่า "ไม่ธรรมดา" เพราะในข้อเท็จจริงมีหลายคนที่เรียกได้ว่าเป็น "อัจฉริยะ" มีมันสมองที่ปราดเปรื่อง มีวิธีคิด วิธีการที่แยบยล ลึกลับซับซ้อน ขณะที่บางคนก็มีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่ดี มีฐานะที่ร่ำรวยมาก่อน ความ
น่าสนใจจึงอยู่ที่วิธีคิดในสมองอาชญากรเหล่านี้
ว่าเหตุใดจึงตัดสินใจใช้วิธีการหากิน หาความร่ำรวยบนความทุกข์ยากของคนอื่น
ใช้รูปแบบการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย
ทั้งที่โอกาสทางสังคมส่วนตัวถือได้ว่ามีมากกว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำไป
แต่เหตุใดจึงเลือกเส้นทางโจรในการดำเนินชีวิต
การไขกุญแจสู่แนวคิดของบุคคลเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมิน้อย
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรม "ธุรกิจสีดำ"ประเภทนี้ โดยเฉพาะการ
แอบอ้างเบื้องสูงหาประโยชน์ใส่ตัว เบียดบังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
จึงสั่งการให้ดำเนินการจับกุม
ติดตามล่าตัวบุคคลในขบวนการเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ไม่มีละเว้น
ไม่ว่าจะมีผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกี่ร้อยกี่พันคน
ต้องดำเนินการเอาผิดให้ได้ทั้งหมด
กลับมาที่ข้อมูลที่ได้จากปาก Gunther Franz Rosinus มีการเชื่อมโยงเครือข่ายในขบวนการถึงหลักฐานชิ้นสำคัญ คือIBOE (International Bill of Exchange) รูปแบบใหม่ที่ถูกทำขึ้น โดยปลอมแปลงใช้ชื่อธนาคารกสิกรไทย มีมูลค่าถึง 560 ล้านบาท ซึ่งIBOE ฉบับนี้ปรากฎอยู่ในฐานข้อมูลที่แก๊ง Gunther Franz Rosinus ได้รับจาก “ห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่ริมโปรเจ๊กต์” ที่มีความพยายามต้องการซื้อทองคำในจำนวน 400 กิโลกรัม ผ่านตัวละครที่มีการส่งจดหมายติดต่อซื้อขาย ลงชื่อโดย น.ส.เขมิสรา ปฐวีสินทวี
ประธานที่ประชุม ซึ่งจากการสืบสวนสมาชิกในแก๊ง Gunther Franz Rosinus
พบว่าเขมิสรามีความพยายามส่งIBOEฉบับนี้
แจกจ่ายไปยังแก๊งต่างๆเพื่อหลอกซื้อทองผ่านโบกเกอร์ของแต่ละแก๊ง
โดยใช้มุขออกหนังสือซื้อขายทองคำแท่ง หรือ AU ไป
ยังแก๊งต่างๆผ่านฐานข้อมูลที่เขมิสรามีอยู่ เรียกได้ว่า
"โจรด้วยกันเองก็หวังหลอกลวงกันเอง" ในขณะที่โจรก็รู้ไส้พุงกันเองด้วย
เพราะมีฐานข้อมูลรายชื่อของแต่ละแก๊ง
แถมยังรู้ว่าแก๊งใดต้องใช้วิธีการหลอกลวงแบบใด
IBOE
ฉบับราคา 560 ล้านบาทนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีการแจ้งความดำเนินคดีกับเขมิสรา
ข้อหาปลอมแปลงเอกสารไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง
แต่ในขณะที่อีกด้านหนึ่งตร.ได้ดำเนินการตามหน้าที่หลังการจับกุม Gunther
Franz Rosinus และได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายให้ดำเนินคดีกับแก๊ง
Gunther Franz Rosinus ได้เดินทางเข้าติดต่อขอความร่วมมือจากธนาคารกสิกรไทย
สำนักงานใหญ่ เพื่อขอให้ออกเอกสารยืนยันว่าIBOE 560ล้านบาทนี้เป็นของปลอม
แต่ด้วยเหตุผลหรืออะไรมิทราบได้ ปรากฏว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารของกสิกร การเดินทางไปติดต่อกลับได้รับคำตอบเพียงว่าอยู่ระหว่างการดำเนินงานออกหนังสือให้ หลังธนาคารได้รับเรื่องจากตร.แล้ว ในขณะที่การ
เดินทางเข้าติดต่อโดยตรงครั้งนี้เพื่อต้องการได้หนังสือด่วนในทันทีเพื่อนำ
ไปใช้ในการดำเนินคดีกับ Gunther Franz Rosinus ซึ่งอยู่ในช่วงฝากขัง
ตร.มีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดขบวนการในการส่งสำนวนและส่งฟ้องศาลตามกฎหมาย
แต่ผลปรากฎว่ากสิกรไทยกับเล่นเกมยื้อเวลาโดยไม่มีเหตุผล
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของกสิกรไทย
ความสงสัยในพฤติกรรมจึงตามมา
เพราะก่อนหน้านี้หากเป็นเรื่องเร่งด่วนเรื่องอื่นทางธนาคาร
โดยผู้บริหารจะออกหน้าเดินเรื่องกับตร.เอง แถมตำหนิการทำงานว่าล่าช้า
ไม่ทันใจ ตรงกันข้ามกับครั้งนี้ที่ตร.พยายามเร่งรัดให้โดยมีผู้เสียหายซึ่งเป็นประชาชนคนธรรมดาร้องเรียนมา แต่กสิกรกลับนิ่งเฉย ทำให้เกิดความรู้สึก ตั้งคำถามว่า "การวางเฉย" ไม่
กระตือรือร้นอาจเป็นเพราะกสิกรไทยไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง
ความเสียหายเกิดขึ้นภายนอกธนาคาร
ความรับผิดชอบจึงไม่จำเป็นต้องมีใช่หรือไม่???
คำเตือนจากเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์กับแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงในแวดวงอาชญากรรมสีเทาเหล่านี้ จึงขอฝากไปยังกสิกรไทยว่า แม้
ในปัจจุบันกสิกรไทยยังสามารถป้องกันแก๊งเหล่านี้มิให้เข้าไปดำเนินการสร้าง
ความเสียหายให้กับธนาคารได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี
และสติปัญญาของคนเหล่านี้อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น
ว่าบางคนเป็นอัจฉริยะ สมอง ความคิดของโจรประเภทนี้จึงไม่ธรรมดา
การเรียนรู้แก้ไขปัญหาจะเกิดขึ้นตามมา การลองผิดลองถูกจะเกิดขึ้นตลอดเวลา
จนในท้ายที่สุดโจรจะสามารถไขระบบป้องกันสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับ
กสิกรไทยได้ หากกสิกรไทยยังนิ่งเฉย ไม่ตัดไปแต่ต้นลม ความหายนะจะตามมา
อย่างที่สุภาษิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสอนไว้ว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
อย่างไรก็ตามการนำเสนอข้อมูลในแง่นี้ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกสิกรไทยเป็นส่วนใหญ่ที่ผ่าน “ไทยอินไซเดอร์” ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายองค์กรของกสิกรไทยแต่
อย่างใด แต่เป็นเพราะข้อมูลหลักฐานส่วนใหญ่ที่สามารถจับกุม
ติดตามสืบสวนสอบสวนและยึดมาได้มักเกี่ยวข้องกับกสิกรไทยแทบทั้งสิ้น
ซึ่งยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
กรณีการจับกุม Gunther Franz Rosinus หรือ Graham Michael Shandiman ที่จับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ อาชญากร
ทั้งสองรวมถึงสมาชิกในแก๊งก็มักดำเนินการผ่านธุรกรรมการการเงินของกสิกรไทย
การปลอมแปลงเอกสารทางการเงินก็มักจะลอกเลียนจากกสิกรไทย รวมถึงการเปิดบัญชี
โดยเฉพาะตัว Graham Michael Shandiman เอง
สมาชิกในแก๊งรวมถึงญาติพี่น้องก็ใช้วิธีตระเวนเปิดบัญชีกสิกรไทยไปทั่ว ซึ่งที่ดำเนินการติดตามจับกุมเองก็มิได้ทราบล่วงหน้าว่าแก๊งเหล่านี้มีการดำเนินการธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารใด ฉะนั้นข้อกล่าวหาว่ามีความพยายามกล่าวหากสิกรไทยจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กสิกรไทยเองก็ยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้ เพราะจากการศึกษาและสืบสวนในทางลับ พบว่าคนที่ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารให้กับแก๊งเหล่านี้มักจะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ในกสิกรไทย ทั้ง "เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน" และ "เจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานกับกสิกรไทย" ในกรณีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานปัจจุบันแล้วช่วยเหลือก็เกิดจาก "กิเลส" ความอยากได้เงินที่เป็นส่วนแบ่ง พร้อมกับความคิดที่ว่าตัวเองได้ประโยชน์แต่ธนาคารไม่เสียหาย หรือ win-win ทั้งสองฝ่าย ขณะที่คนที่เคยทำงานในกสิกรไทยแต่หันมาร่วมมือกับแก๊งในการก่ออาชญากรรม ส่วนใหญ่มักเกิดจาก "ความเคียดแค้นส่วนตัว"
ที่ได้รับจากกสิกร ไม่ว่าจะเป็นการถูกไล่ออก
ปลดออกจากตำแหน่งหลังกสิกรไทยสืบทราบว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแต่ไม่สามารถ
เอาผิดตามกฎหมายได้ จึงจำเป็นต้องกดดัน บีบให้ออกจากตำแหน่ง
ในขณะเดียวกันจากเอกสารหลายอย่างที่โจรเหล่านี้นำออกมาใช้หลอกลวงเหยื่อ พบว่ามีหลายส่วนที่ปลอมแปลงได้จากของจริง ซึ่งถ้า
ไม่ใช่คนในธนาคารให้ความร่วมมือโจรจะไม่สามารถล่วงรู้ได้
ทั้งลายเซ็นของผู้จัดการสาขา รหัสหมายเลขประจำตัวของพนักงานกสิกรไทยแต่ละคน
รวมถึงหมายเลขสมุดเช็คที่ออกมาแต่ละเล่ม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตรงกัน
สามารถนำไปใช้งานได้จริง
ซึ่งจากกรณีเหล่านี้หากไม่มีคนในธนาคารร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วย
โจรเหล่านี้ก็ไม่สามารถก่ออาชญากรรมได้ ฉะนั้นกสิกรไทยจะปฏิเสธความรับผิดชอบไปเสียมิได้ ขณะเดียวกันหากยึด "ปณิธาน" การ
ทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ดีที่สุด ให้ความร่วมมือที่ดีกับตำรวจ
ตำรวจเองก็จะสามารถเร่งรัดคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้
ขณะที่เดียวกันประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อก็จะได้รับความเป็นธรรม
แถมตัวกสิกรไทยเองก็ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะถูกแก๊งเหล่านี้ขยายเครือข่ายเล่นงาน
ในอนาคต
ทั้งนี้ยังมีอีกข้อมูลหนึ่งที่น่าในใจ คือจากการศึกษาพบว่า "แก๊งคอลเซนเตอร์" ที่ออกอาละวาดอยู่ในปัจจุบันนี้ เพื่อปลอกลวงเหยื่อให้เสียเงิน ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ ส่วนใหญ่เกือบ 100%ที่ผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนมักเป็นคอลเซนเตอร์ที่อ้างมาจากธนาคารกสิกรไทยเช่นกัน เช่นเดียวกับการปลอมตั๋วแลกเงิน IBOE หรือเช็คก็มักเกิดขึ้นหรืออ้างชื่อกสิกรไทย ซึ่ง
คำตอบที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ของกสิกรก็เป็นคำตอบเดิมๆว่าเป็นฝีมือของ
"แก๊งไต้หวัน" แถมโยนความรับผิดชอบว่าแก๊งเหล่านี้อยู่ในต่างประเทศ ทั้ง
ที่ข้อเท็จจริงจากการสืบสวนพบว่าแก๊งที่กระทำการเอาคอลเซนเตอร์บังหน้าหากิน
ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและเป็นคนไทยที่ร่วมขบวนการเหล่านี้
อย่างไรก็ตามการดำเนินการหลังจากนี้ไปจะหันไปติดตามสืบสวนสอบสวนแก๊งอื่น ที่พบหลักฐานล่าสุดว่ามีการกระทำการบางอย่างกับ "ธนาคารไทยพาณิชย์"แทน ขณะเดียวกันหากพบหลักฐานหรือมีการร้องเรียนจากเจ้าทุกข์ที่ตกเป็นเหยื่อแล้วพบว่าเกี่ยวข้องกับธนาคารอื่น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทย กรุงเทพ กรุงศรีอยุธยา ทหารไทย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนกับธนาคารเหล่านั้นอย่างเท่าเทียม แล้วนำข้อมูลมาตีแผ่เช่นเดียวกัน
ขณะที่พอเกิดเหตุการณ์ที่กสิกรไทยไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการยึกยักตรวจสอบIBOE 560ล้านบาทแล้ว ยังพบฉบับละ 1000ล้านบาท ที่ต้องการซื้อทอง 800 กิโลกรัม รวมถึงฉบับ 1500 ล้านบาท ที่ต้องการซื้อทอง 1.2 ตันอีกด้วย ซึ่ง
จะไม่ถามกสิกรไทยแล้วว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
หากกสิกรไทยเป็นห่วงต้องไปร้องทุกข์เอาเอง
แต่จะเร่งไปดำเนินการกับแก๊งอื่นในธนาคารอื่นแทน
ถ้าธนาคารไหนอำนวยสะดวกก็จะเร่งรีบดำเนินการให้ทันที
“พีระเดช สิทธิโกศล”
คืออีกคนที่อยู่ในแก๊ง Gunther Franz Rosinus เป็นทีมงานฝ่ายจัดซื้อทอง
จากการติดต่อสอบถามพบว่าพีระเดชพยายามหลีกเลี่ยงที่จะให้ข้อมูลถึงสมาชิกใน
แก๊งตัวเอง แต่กลับพาดพิงถึงคนในแก๊งอื่น
พร้อมเปิดเผยตัวการสำคัญในแก๊งคู่แข่งที่ชื่อ “สมศักดิ์ หวานใจ” แถมโวยวายกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่ากลั่นแกล้ง ละเว้นการจับกุมแก๊งสมศักดิ์หวานใจ เพราะถูก "เงินปิดปาก"
เนื่องจากสมศักดิ์ หวานใจ ถือเป็นโจรระดับหัวแถวที่มีความช่ำชอง
มีกลเม็ดเด็ดพลายในกลวิธีหลอกลวงที่เหนือชั้น
แถมมีเงินมหาศาลจากที่ได้จากการทำธุรกิจสีเทานี้
การกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของพีระเดชนี้จึงเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีการทำงาน
ทั้ง
นี้จากการสืบสวนพบว่าสมศักดิ์เคยมีประวัติการซื้อขายทองเช่นเดียวกัน
แต่ข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะระบุตัวหรือชี้ชัดว่าเป็นใคร
ได้ อีกทั้งชื่อ “สมศักดิ์ หวานใจ” อาจเป็นชื่อปลอมหรือฉายาที่ทางโจร VIP ใช้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน และเพื่อ
พิสูจน์ว่าไม่ได้ลำเอียง เลือกปฏิบัติกับโจร หากมีสมาชิกในแก๊ง Gunther
Franz Rosinus หรือสมาชิกในแก๊งสมศักดิ์ รวมถึงเหยื่อที่ถูกสมศักดิ์
หวานใจหลอกลวง สามารถติดต่อร้องเรียนให้ข้อมูลได้
เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นกลางในการ
ปฏิบัติงาน
จากการสืบสวนสอบสวนในทางลึก ยังพบรายชื่อคนที่เกี่ยวข้องรายสำคัญรายใหม่ เป็นผู้หญิงที่ชื่อ “พ.” ด้วย โดย "พ." ถือเป็น VIP คนหนึ่งในฟากฝั่งของรัฐบาลและคนเสื้อแดง เนื่องจาก "พ." ถือเป็นแม่งานรายใหญ่ที่ให้เงินบริจาคการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้ง จนกระทั่งในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีการระบุว่า "ผู้หญิง" ชื่อ "พ." รายนี้...เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับเวทีเสื้อแดงมาแล้ว ขณะเดียวกัน "พ." ยังคือผู้สนับสนุนรายใหญ่ บริจาคเงินให้กับพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
ความเกี่ยวโยงของ "พ." ในชั้นนี้ เชื่อว่าอาจเป็นเพียง "เหยื่อ" ที่ถูกหลอกเข้ามาซื้อทองเหมือนเหยื่อรายอื่น ซึ่งจากหลักฐานที่พบ "พ." มีการออกเอกสารใบมอบอำนาจให้คนที่ชื่อ “พงศ์สรร” เป็นตัวแทนในการนำเงิน 20 ล้านบาทเพื่อซื้อทองคำจากแก๊ง Gunther Franz Rosinus
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในชั้นนี้ มีการวางตัวให้ "พ." เป็นแค่เหยื่อที่อาจถูกขบวนการต้มตุ๋นขายทองหลอกลวง แต่จากข้อมูลอีกด้านหนึ่งพบว่า "พ." เป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่งของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” จึงเกิดข้อสงสัยตามมาว่า ในฐานะ "มือไม้ทำงาน" ให้นายกรัฐมนตรีระดับเศรษฐี ซึ่งมี
เงินมากมายที่สามารถซื้อขายทองได้เป็นพันล้านบาท
แต่เหตุใดจึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการต้มตุ๋นซื้อขายทองคำได้
หรือมีการรับมอบอำนาจมาจากผู้ใดให้มาดำเนินการซื้อขาย
โดยใช้ชื่อตัวเองปิดบังอำพรางหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่ต้องสืบหาความจริงต่อไป
..............................................
ทีมข่าว "ไทยอินไซเดอร์" รายงาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น