การที่ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ (หลานสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้จำคุก เป็นเวลา 2 เดือนพร้อมทั้งปรับเป็นเงิน 4,000 บาท (แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี) โดยมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา
คดีดังกล่าวอาจไม่ใช่คดีสุดท้ายที่คนในวงศ์วานว่านเครือชินวัตรต้องเผชิญ เนื่องจากยังมีคดีที่เกี่ยวพันกับมารดาบังเกิดเกล้าของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ จ่อคออยู่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีก 1 คดี
นั่นก็คือ กรณี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ) ถูกกล่าวหาปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและส่อร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.ประชาธิปัตย์ เป็นผู้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เมื่อปี 2549
คดีนี้นางเยาวภาถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของหมู่บ้านชินณิชาวิลล์ ย่านถนนแจ้งวัฒนะ(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเบเวอร์รี่ฮิลล์) มูลค่า 250 ล้านบาท และนอกจากนี้บุตรชายและบุตรสาว 3 คนถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าของหุ้นมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ นางสาวชินณิชา ขณะอายุ 26 ปี ถือหุ้นอย่างน้อย 13 บริษัท อาทิ หุ้นบมจ.จีสตีล 123 ล้านหุ้น บมจ.เอ็มลิงค์ ฯ 70 ล้านหุ้น บริษัท วินโคสต์ อินดัสเทรียลพาร์ค 58.6 ล้านหุ้น บริษัท อินนิคมีเดีย จำกัด 3.5 ล้านหุ้น บริษัท เอสดับบลิว เทเลคอม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บ.ชินณิชาวิลล์) 1 ล้านหุ้น ฯลฯ รวมมูลค่า 600-700 ล้านบาท
นายยศชนันท์ พี่ชาย ขณะอายุ 27 ปี ถือหุ้น 11 บริษัท อาทิ บมจ. เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ฯ 84.6 ล้านหุ้น บริษัท วินโคสท์ฯ 67.6 ล้านหุ้น บริษัท ทราฟฟิกคอนเนอร์ฯ 20 ล้านหุ้น บริษัท อินนิค มีเดียฯ 1.2 ล้านหุ้น ฯลฯ รวมมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท
น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว ถือหุ้น 7 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 แห่ง ได้แก่ บมจ. วินโคสท์อินดัสเทรียล พาร์ค และบริษัทนอกตลาดฯ 6 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท เอส.ดับบลิว. เทเลคอม จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 928,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 5 บาท 2.บริษัท อินนิค มีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 1,200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท 3.บริษัท ยานัท จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท 4.บริษัท แซนด์ฮอค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 16,500 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท 5.บริษัท วาย.ชินวัตร จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 7,500 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 5 บาท และ 6.บริษัท อินนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด น.ส.ชยาภา ถือหุ้น 7,500 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาทเฉพาะมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯที่น.ส.ชยาภาถืออยู่ 1 แห่ง ประมาณ 279,792,985 บาท (หุ้น บมจ.วินโคสท์ ราคา ณ วันที่ 25 เมษายน หุ้นละ 3.14 บาท)
ไม่รวมหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกประมาณ 200 ล้านบาท
นายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนเคยเรียก น.ส.ชินณิชามาสอบข้อเท็จจริง เจ้าตัวรับว่าเป็นเจ้าของบ้านหรูร่วมกับพี่ชายช่วยกันซื้อไว้ เอาไปจำนองกับสถาบันการเงิน ช่วยกันผ่อนชำระ โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากนายสมชายและนางเยาวภา บิดาและมารดาแต่อย่างใด ส่วนกรณีถือครองหุ้นเกิดจากทำมาหากินตั้งแต่เรียนหนังสือ หุ้นในเครือเอ็มลิงค์จำนวนหลายร้อยล้านบาท แม่ยกให้และมีเงินปันผลปีละนับสิบล้านบาท
ล่าสุดคดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
ก่อนหน้านี้มีคดีที่คนตระกูลชินวัตร ดามาพงศ์ และบริวาร รับวิบากกรรมไปแล้ว 3 คดี ได้แก่
1.คดีซื้อที่ดินรัชดา อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กรณีคุณหญิงพจมานประมูลซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจในการกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐ จึงไม่สามารถทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ ซึ่งรวมถึงคู่สมรสได้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551
2.คดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาท อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัทชินคอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน) หรือชินคอร์ป คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางกาญจนาภา หงษ์ เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้น บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด จำนวน 546 ล้านบาท จากหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่า 738 ล้านบาท ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ให้จำคุกนายบรรณจน์ 2 ปี แต่ให้รอการลงอาญา 1 ปี ปรับ 100,000 บาท ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกนายบรรณพจน์และคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 1-2 คนละ 3 ปี และให้จำคุกนางกาญจนาภา เป็นเวลา 2 ปี
3.คดีร่ำรวยผิดปกติจากการขายหุ้นชินคอร์ป 7.6 หมื่นล้านบาท ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 46,373,687,454.70 บาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
นอกจากนี้มีคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเผชิญอีกอย่างน้อย 4 คดีคือ
1.คดีหวยบนดิน (ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551
2.คดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ (หมายจับศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551
3.คดีแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต (หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 )
4.คดีก่อการร้าย คดีอาญาของศาลอาญา หมายจับเลขที่ 10862/2553
ในจำนวนคดีทั้งหมดที่ พ.ต.ท.ทักษิณเผชิญ มีคดีซุกหุ้นภาคแรกที่หลุดข้อกล่าวหาในศาลรัฐธรรมนูญแบบเฉียดฉิว 8 ต่อ 7 เสียง
คดีข้างต้นจะปรากฏผลตอนจบอย่างไร?
สาวกและคนชัง คงต้องลุ้นกันต่อไป
ที่มา : ISRA Institute Thai Press Development Foundation
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น