บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กิตติรัตน์ “พยานปากเอก ว.๕ ชั้น ๗”


เปลว สีเงิน

เย็นวาน (๒๐ ก.พ.๕๕) ตั้งใจจะไปดูหนัง The Ides of March หรือในชื่อไทยว่า “การเมืองกินคน” ที่เขาฉายให้ดูที่พารากอน แต่ก็ “ตกรอบ” จนได้ เพราะมัวคุยตรงนี้นั่นแหละ แต่ยังไงก็ต้องตามไปดูวันหลังให้ได้ เขาจะเริ่มฉายจริงวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ก.พ. เหตุที่ต้องดู นอกจากผม “ชอบผู้ชาย” ที่ชื่อ “จอร์จ คลูนีย์” แล้ว โครงเรื่องนี้มาจาก “การเมืองสหรัฐ” กล่าวกันว่า นักการเมืองไม่ดูก็ได้ เพราะเลวอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว แต่ระดับชาวบ้านต้องดู จะได้รู้ว่า เบื้องหน้าสวยงามของนักการเมืองนั้น ล้วนมาจากเบื้องหลังแสนทราม กระทั่งระหว่าง “เพื่อนรักร่วมพรรค” ก็ยังหักกันได้!
เมื่ออดดูหนัง ก็มานั่งจ๋องๆ คุยต่อ แต่ภาพยนตร์จากเรื่องจริง “ว.๕ ชั้น ๗” ที่กำลังฉายทั่วประเทศ และทั่วโลกอยู่ตอนนี้ ทำท่า “ปิดฉากไม่ลง” ไปเรื่อยๆ ตัวพระ-ตัวนาง อันเป็นตัวแสดงนำ ก็ค่อยๆ ออกฉาก “เผยโฉม” ทีละตัว…ทีละตัว เหมือนหนังสืบสวน แต่แทนที่จะคลายปม
กลับขมวดปม ชวนให้ผู้ชมตามจินตนาการตัวเกร็ง!?
ก็ดูซี ตอนเปิดฉากมี “เธอ” คนเดียว คือตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต่อมาก็มี “เขา” คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้เปิดเผยโฉมหน้าเข้ามาร่วมฉากเรื่อง ว.๕ ชั้น ๗ ด้วยตัวเอง
แล้วเมื่อวาน (๒๐ ก.พ.) รองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็รำป้อเข้ามาร่วมฉากเป็นบุคคลที่ ๓ อีกคน โดยบอกว่า วันนั้น…ก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ว.๕ ชั้น ๗ ด้วย!
ผมก็มานั่งคิดๆ อืมมมม…จากวันเกิดเหตุ ๘ ก.พ. จนห่างออกไป ๑๐ วัน ๑๒ วัน สังคมตะโกนถามกันขรม แต่คน “อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ” กลับนั่งเฉย
นายเศรษฐา กับนายกิตติรัตน์ คงจะเพิ่ง “คิดอะไรได้” จึงยอมเผยตัวออกมาว่าเป็นผู้ร่วมในรายการ ว.๕ ของนายกฯ อย่างที่เธอบอกนักข่าววันแรกว่า…”ในฐานะนายกฯ สามารถไปเจอกับใครก็ได้”!?
เออออ…ถามจริงๆ เถอะ คุณกิตติรัตน์เป็นรองนายกฯ ทำงานร่วมคณะรัฐบาลกับยิ่งลักษณ์ จะให้ความคิดเห็นเรื่องเศรษฐกิจ-การเมือง-การเงิน กันในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้หรือไง หรือไม่พบหน้า-พบตากันเลย จึงต้อง ว.๕ หนีประชุมสภาฯ หลบคณะทำงาน ไปหารือกันถึงในที่รโหฐานแบบนั้น
คือโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ชั้น ๗?
และนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อนรักคนดีของท่านรองฯ กิตติรัตน์นั้น ก็ถามจริงๆ เถอะ ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าสันถวะพบปะหน้าค่าตา หรือให้ความคิดเห็นประเสริฐทางเศรษฐกิจ-การเมือง-การเงินกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์มาก่อนเลยอย่างนั้นหรือ?
พูดชัดๆ คือ คุณเป็นเพียงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้มีความปรารถนาดีต่อรัฐบาล ต่อนายกฯ หญิง และต่อประเทศชาติบ้านเมือง ประเภทแฟนการเมืองผู้มีศรัทธา “อยู่วงนอก” แบบนั้นใช่ไหม
จึงทั้งไม่สามารถ และทั้งไม่มีโอกาสจะได้เข้าพบนายกฯ แบบคนรู้จักใกล้ชิดแม้ซักครั้งหนึ่ง แม้กระทั่ง “เต็มที่” ตอนแดงจลาจลเมือง ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๓ และตอนเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ตาม…ในฐานะผู้ศรัทธาเพื่อไทยและ นปช.
คุณเศรษฐาก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้พบปะนายกฯ ยิ่งลักษณ์แบบตัวเป็นๆ มาก่อนเลยใช่ไหม?
ถ้าแบบนั้นก็น่าเห็นใจ!
และพอเข้าใจได้ว่า ทำไมนายกฯ ยิ่งลักษณ์จึงต้อง “หนีประชุมสภาฯ” หลบหลีกผู้คน ไปภารกิจลับส่วนตัวกับคุณเศรษฐาและคนอื่นๆ อีก ๖-๗ คน (ตามที่คุณเศรษฐาอ้าง) ที่ชั้น ๗ โฟร์ซีซั่นส์
เป็นนักการเมืองก็ต้องเอาใจและเลี้ยงน้ำใจ “ผู้มีอุปการะพรรค” อย่างนี้แหละ…ยิ่งเป็นน้ำใจจากนักธุรกิจใหญ่อย่างคุณเศรษฐา ผมเป็นยิ่งลักษณ์ จะให้ขึ้นไปหารือถึงชั้น ๘ โน่นเลย
และกรณีอย่างนี้ ไม่เพียงคุณเศรษฐา กับผู้สนับสนุนขาใหญ่รายอื่นๆ วิสัยนักการเมืองก็จำเป็นต้อง “เจียดเวลา” ไป ว.๕ ด้วยเรื่องเศรษฐกิจ-การเมือง-การเงิน ตามจังหวะสุดแต่จะฉกฉวยได้ด้วยเช่นกัน!
ความจริงน่ะนะ แต่แรก…ไม่มีใครเขาว่า การ ว.๕ ชั้น ๗ ของยิ่งลักษณ์ไปในเชิงคบชู้สู่สวาท หากแต่คำพูดแก้ตัวของยิ่งลักษณ์ และของคณะบริวารที่ออกมา ล้วนให้โทน “แก้ตัว-แก้ข่าว” ชี้นำให้คนคิดตามไปในทางนั้น เรื่องราวที่เป็นข่าวจึงเป็น “คาวโฉ่”
ไม่เชื่อก็ลองไปรีเพลย์คำพูด-คำสัมภาษณ์เก่าๆ ของตัวเองดูก็ได้ เพราะแบบนี้ จึงมีคำว่า “กินปูนร้อนท้อง” เป็นศัพท์สำนวนไทยไง!
ในความเห็นผมนั้น เพราะการ “ไม่ทำความจริงให้ปรากฏ” แต่วันแรกที่นายเอกยุทธออกมาแฉ ประเด็นที่นายกฯ บอกว่า “ไปในสถานที่เปิดเผย ไม่เสียหายด้วย” มันจึงเป็นความไม่เสียหายในความมะลำเมลืองทางสงสัยของผู้คน
ถ้าอะไรที่ทำแล้วไม่เสียหาย แล้วจะต้องไปอมพะนำไว้ทำไม ก็เห็นเวลาไป…พี่น้องค้าาาา ที่โน่น-ที่นี่ ยกคณะทีวี-นักข่าวตามก้น ให้คอยเก็บภาพ-เก็บข่าวมาเชย-มาชม แล้วรายการที่เปิดเผย-สง่างาม-เป็นผู้หญิงไม่ทำอะไรเสียหายครั้งนี้
มีเหตุผลอะไรต้องทำแบบลับๆ ล่อๆ ว.๕?
และถ้าจะแค่ให้คำแนะนำ-คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-การเงิน ชนิด “ไม่มีนอก-ไม่มีใน” จะว่าไปแล้ว คนเหล่านั้นกันเองทั้งนั้น
ฉะนั้น “ตรงไหนก็ได้…นั่งกินข้าวแบบเปิดเผยซักมื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องพบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ลับหู-ลับตาอย่างนั้น จริงมั้ย?
ประเด็นที่ต้องตอบประชาชนคือ ตัดเรื่องหญิง-ชายออกไป ก็ต้องตอบให้เคลียร์ว่า…การพบปะของผู้นำประเทศฝ่ายบริหาร กับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ในลักษณะ “ลับลมคมใน” นั้น เจรจาด้วยเรื่องอะไรกัน มีการเมืองเพื่อธุรกิจ และธุรกิจเพื่อการเมืองหรือเปล่า ยิ่งลักษณ์ก็มีธุรกิจจัดสรร นายเศรษฐาก็ธุรกิจจัดสรร
ดังนั้น “พื้นที่รับน้ำ” นี่สำมะคัญ ต้องเคลียร์?
แต่ผมสบายใจแล้ว นายกฯ ไม่เคลียร์ ก็ไม่เป็นไร นายเศรษฐาไม่พูด ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงนาทีนี้ ผลประโยชน์ของประชาชนมีพยานแล้ว คือ…ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์!
ท่านออกมารับเต็มปาก-เต็มคำแล้วว่า ร่วมหารืออยู่ในรายการ ว.๕ ชั้น ๗ นั้นด้วย พูดชัดๆ ก็คือ อย่างน้อยก็มีรองฯ กิตติรัตน์เป็น “บุคคลที่ ๓” สามารถอ้างอิงเป็นพยานในเหตุการณ์ที่จะให้ปากคำต่อกระบวนการยุติธรรมทุกชนิดได้ว่า…วันนั้น
๑.มีใครบ้างร่วมหารืออยู่บนชั้นที่ ๗?
๒.มีการสนทนาหารือด้วยหัวข้อใดบ้าง?
๓.นายกฯ มากับใครบ้าง?
๔.ใครเป็นผู้ลงชื่อจองห้อง กี่ห้อง ชั้นไหนบ้าง?
นี่หัวข้อคร่าวๆ นะครับที่รองฯ กิตติรัตน์ควรเตรียมเป็น “คำตอบพยาน” ไว้เนิ่นๆ ในเมื่อยืนยันว่า “ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน” ก็ต้องเคลียร์ให้ชัด อีกสาเหตุหนึ่งที่ไทยถูกแบล็กลิสต์เพราะอะไรทราบมั้ย
ก็เพราะไทยฉาวโฉ่ทั้งโลกด้าน “การเมืองคอรัปชั่น” นั่นไง!
คอรัปชั่นมันมาคู่กับการฟอกเงิน ก็ฟอกเงินที่โกงบ้าน-โกงเมืองกันไปนั่นแหละ แล้วแบบนี้ FATF เขาจะไม่ว่าเรามีพฤติกรรมสนับสนุนการฟอกเงิน และการก่อการร้ายได้ไง
จำให้ดีนะ ท่านรองฯ กิตติรัตน์ รองฯ เฉลิมระบุว่า มีคนร่วมประชุมบนชั้น ๗ จำนวน ๗-๙ คน ส่วนนายเศรษฐาบอกว่ามีคนร่วมหารือนายกฯ ๖- ๗ คน สำหรับที่นายกฯ ปฏิเสธหน้าตาเฉยว่า “ไม่ได้ไปประชุม” นั้น ก็ปล่อยเธอไปเถอะ เพราะนั่นคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ!
ประเด็นอยู่ตรงว่า ตอนนี้ “สิ่งที่ต้องสำแดง” ปรากฏออกมาเพียง ๓ คน คือ นายกฯ นายเศรษฐา และตัวท่านรองฯ กิตติรัตน์ ก็หมายความว่า ยังเหลืออีก ๕-๖ คน ที่ยังต้องนำมาพิสูจน์ว่า…ผู้ร่วมหารือในวันนั้นด้วย!
คือใครบ้าง?
ท่านกิตติรัตน์ ทั้งในฐานะข้าราชการ ตำแหน่งรองนายกฯ และในฐานะพยานที่เกิดเหตุ เมื่อจำเลยไม่เปิดปาก เมื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ท่านต้องเปิดปากแล้วว่า ๕-๖ คนนั้น คือใครบ้าง?
เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของชาติ พิทักษ์ความบริสุทธิ์ของนายกฯ และพิทักษ์การเมืองระบอบประชาธิปไตย ผมเกรงว่า ในที่สุด…หน้าที่เป็นกุญแจไขปริศนา ว.๕ ชั้น ๗ จะตกอยู่ที่ท่านรองกิตติรัตน์ อดีตนักศึกษา วปอ.ร่วมรุ่น “ยิ่งลักษณ์-กิตติรัตน์-เศรษฐา” ชนิดเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
และเพื่อเน้น “ความบริสุทธิ์” จากครหาทั้งปวง นอกจากรองฯ กิตติรัตน์เป็นพยานบุคคลแล้ว พนักงานโรงแรมผู้บริการบนชั้น ๗ รวมถึงภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด ก็จะถูกเรียกมาเป็นพยานยืนยัน “ความบริสุทธิ์” ด้วยเช่นกัน
จะ ๒ ต่อ ๒ บนชั้น ๗ ตามพยานเอกยุทธ หรือจะ ๑ ต่อ ๗-๙ คน ตามพยานเฉลิม หรือจะ ๑ ต่อ ๖-๗ คน ตามพยานเศรษฐา มั่นใจได้ว่า จากปากคำพยานรองฯ กิตติรัตน์ และจากปากคำพยานพนักงานโรงแรม และจากภาพบันทึกกล้องวงจรปิดบนชั้น ๗
จะ “ตอบโจทย์” ทั้งหมดได้ครบถ้วน!
เอ้า…ก็อย่าลืมไปดู The Ides of March “การเมืองกินคน” ก็แล้วกัน แล้วจะรู้ว่า “สิ่งที่เห็น-สิ่งที่ศรัทธา” หาใช่เป็นดังที่เห็น-ดังที่ (หลง) ศรัทธาไม่

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง