บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

สับขาหลอกเพื่อเลิกม.309?


สับขาหลอกเพื่อเลิกม.309? : ขยายปมร้อน โดย ศรุติ ศรุตา
นับว่าเป็นยุทธวิธีอันชาญฉลาดอย่างหาตัวจับยากจริงๆ หากว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คิดได้อย่างบทสรุปของฝ่ายความมั่นคงในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

วิธีการ "สับขาหลอก" สร้างความสับสนให้แก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่คัดค้านได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตก เพราะตามไม่ทันเกม จับทางไม่ถูกว่า จะไปทางไหน

เพราะมีทั้งข้อเสนอจาก ส.ส.เสื้อแดง จาก นปช. และจาก คอ.นธ.

เป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากว่า จะให้เป็นไปอย่างเนียนๆ และเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นจากมลทินทั้งหมดก็ต้องมุ่งไปที่การยกเลิก มาตรา 309

มาตรา 309 บัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นเเละการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”

"บรรดาการใดๆ" นั่นก็ย่อมต้องหมายรวมไปถึง การตั้ง คตส.ขึ้นมาตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้ด้วย

หากรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาโดยไม่มีมาตรา 309 ก็อาจจะต้องตีความว่า คดีความที คตส.ทำไป ทั้งคดีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วอย่างคดีที่ดินรัชดา และคดียึดทรัพย์ นั้น เข้าข่ายที่จะต้องยกเลิกไปด้วยหรือไม่ หากว่า เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

แต่ประเด็นที่ซีเรียสก็คือการยึดทรัพย์

เพราะในรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ต้องคดียึดทรัพย์ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และก็คงไม่มีใครกล้าลักไก่แก้ไขมาตรานี้เป็นแน่

ดังนั้นจึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่จะต้องสะสางเพื่ออนาคตข้างหน้าหากว่าจำเป็นต้องเข้ามาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้งจะได้ต้องมีเรื่องกวนใจ

ส่วนเงินที่ถูกยึดไปจะได้คืนหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่

แผนถัดมาก็คือ ทำอย่างไรไม่ให้ "ฝ่ายตรงกันข้าม" อยู่ในฐานะที่ขี่คอเป็นภัยคุกคามทั้งในด้านการเมืองและด้านอื่นๆ

"ฝ่ายตรงกันข้าม" ที่ว่าอาจแยกออกได้

1.กลุ่มอนุรักษนิยม อันประกอบไปด้วย อำมาตย์ และกองทัพ

2.กลุ่มพรรคการเมืองและกลุ่มพลังมวลชน

สำหรับกลุ่มพลังมวลชนนั้นประกอบด้วย "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" "กลุ่มสมัชชาประชาชน" ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นเลขาฯ และมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นที่ปรึกษา "กลุ่มเสื้อหลากสี" ที่มี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นแกนนำ และสุดท้ายคือ "กลุ่มสยามสามัคคี"

2-3 กลุ่มท้ายๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะวิเคราะห์แล้วว่า เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ หรือใกล้ชิดกับคนในพรรค การเคลื่อนไหวจึงเน้นไปที่ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตรงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าถึงอย่างไร พรรคเพื่อไทยก็ชนะเลือกตั้ง

ปัญหาคือ 2 กลุ่มแรกนั่นแหละ !

เพราะที่ผ่านมามักเคลื่อนไหวในลักษณะเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา บางครั้งถึงกับปลุกเร้ากองทัพ ถามหาความจงรักภักดี ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ทำให้เกิดความเสี่ยง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใด เรื่องไหนจะ "จุดติด" ทุกเรื่องต้องเน้นความละเอียดโดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งกับกัมพูชา ยิ่งต้องดูกันเป็นพิเศษ

เพราะหากเกิดการปะทะกันอีกครั้ง โอกาสที่เพียรสร้างจนชนะการเลือกตั้งและใกล้ถึงวันกลับบ้านก็คงจะปิดตายลงอย่างถาวร

เพราะทหารยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. ไม่เหมือนกับยุค "ขิงแก่" หรือยุค พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่แม้จะยึดอำนาจ แต่ก็เร่งปล่อยทิ้งพ้นตัว แล้วก็กลายเป็น ขว้างงูไม่พ้นคอ

ถึงแม้ว่าจะยังมีมวลชนคนเสื้อแดงยืนเคียงข้าง แต่ต่างก็รู้ดีว่า เมื่อถึงเวลาเชยชมชัยชนะกระสุนเสบียงที่เตรียมไว้ก็ไม่พอ แถมยังต้องไปทำตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้แต่แรกอีกด้วย การใช้มวลชนจึงไม่อาจพร่ำเพรื่อ และต้องคิดถึงผลข้างเคียงให้มากเข้าไว้

หาไม่แล้วโอกาสที่จะลุกขึ้นมาได้ก็คงไม่มี ขณะที่คดีความที่ค้างคาอยู่ก็คงจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการหาช่องทางบังคับคดีเพื่อสกัดพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเด็ดขาด

ถึงจะรีบ ก็ต้องเป็นการรีบอย่างระมัดระวังและมีชั้นเชิง

ซึ่งเมื่อดูบทบาทของ "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหมแล้ว ก็พอจะเข้าตาคนไกลบ้านอยู่บ้าง โดยเฉพาะกำหนดนัดลงเรือจักรีนฤเบศร ที่เตรียมการแสดง "การสวนสนามทางน้ำ" ขณะที่ กองทัพอากาศก็เตรียม "แอร์โชว์" แสดงแสนยานุภาพด้วยเครื่องบินรบอันทันสมัย

"อีเวนท์" หรืองานพิเศษๆ เจอกับทหารเช่นนี้ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง เพราะภาพที่ออกไปนั้น ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ต่างกับ "หงส์" ที่อยู่เหนือขุนทัพทั้งหลาย

ถ้าภาพโกอินเตอร์เผยแพร่ออกนอกประเทศ ยิ่งลักษณ์ จากที่ถูกตั้งฉายา "นายกฯ นกแก้ว" ก็จะกลายเป็น "หญิงเหล็กแห่งเอเชีย"ไปแค่ชั่วข้ามคืน

บทสรุปที่ว่าคือ ที่มาของการปล่อยให้มีความหลากหลายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อหยั่งกระแสได้แล้วค่อยเลือกฟันธง เพราะเมื่อกำหนดให้มี ส.ส.ร.แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกำหนดเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ

ฉลาด รอบด้าน มองไกล จนน่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ เพราะต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง