บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ธ ทรงเป็นดั่งดวงใจไทยทั้งชาติ

อัญชะลี ไพรีรัก

ชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่เป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9  แห่งราชวงศ์จักรี ล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั่นคือความจงรักภักดีต่อพ่อผู้ยิ่งใหญ่ของเราอย่างหาที่สุดไม่ได้
        คน รุ่นปู่ย่าตายายหรือรุ่นพ่อแม่ของดิฉันต่างเกิดและเติบโตมากับพระจริยวัตร อันงดงามของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน นับตั้งแต่พระองค์ยังทรงเป็นพระอนุชาองค์น้อยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 จวบจนกระทั้งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงตั่งมั่น อยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงบำบัดทุกข์สุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์อย่างมิเคยย่อท้อตราบจนถึง ปัจจุบันนี้
        ดิฉัน เกิดมาบนแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เติบโตมากับข่าวในพระราชสำนักที่ฉายภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ สมัยเด็กฯ ข่าวในพระราชสำนักจะเป็นเหมือนนาฬิกาบอกโมงยามกับเราว่าจบข่าวแล้วต้องเข้า นอน แต่เมื่อเราโตขึ้นพอสองทุ่มปุ๊ป ดิฉันกับเพื่อนๆจะหยุดพูด หยุดโทรศัพท์ หยุดทำงาน แล้วบอกกันว่าเดี๋ยวค่อยมาต่อกันใหม่น่ะ เราไปเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวทรงโทรทัศน์กันก่อน รุ่นพี่คนหนึ่งเป็นผู้นำในการยกมือไหว้พระเจ้าอยู่หัวทางทีวีทุกครั้งที่มี ข่าวในพระราชสำนัก นี่จึงเป็นสิ่งที่ปฎิบัติกันมาโดยตลอดในครอบครัว และในกลุ่มเพื่อนผู้ใกล้ชิดของดิฉัน
        ตอน เด็กๆเราถูกสอนให้รักพระเจ้าอยู่หัวเราเห็นหนังสือเรียนมีเรื่องราวเกี่ยว กับพระองค์ท่าน เห็นปฎิทินในบ้านเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวปีแล้วปีเล่า เห็นภาพพระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจอย่างมิเคยว่างเว้น ภาพต่างๆ เหล่านี้จำจดจาร ลงในดวงตาและดวงใจของเรา แม้ จะยังไม่รู้เรื่องราวที่เราซึมซับมานั้นจริงแท้แค่ไหน แต่ดิฉันคิดว่าเป็นพื้นฐานที่ดีมาก เพราะเมื่อเราเติบโตออกจากห้องเรียนสู่โลกกว้าง เราจึงได้ค้นพบด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ถูกสั่งสอนให้จดจำมาตลอดชีวิตนั้นเป็น เรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ เราได้พบว่าพระเจ้าอยู่หัวคือเทพเจ้าที่มีตัวตนอยู่จริงและสัมผัสได้ เราไม่สามารถเอื้อมมือไปสัมผัสพระองค์ท่านได้ก็จริง แต่เราสามารถเอื้อมหัวใจของเราไปสัมผัสพระองค์ท่านได้แนบแน่นกว่ามือเสียอีก สัมผัสได้จากอะไรรู้ไหมคะ จากพระราชกรณียกิจ จากพระบรมราโชวาท และจากสิ่งที่พระองค์ทรงทำมาตลอดรัชสมัยของพระองค์
        นับ ตั้งแต่ทรงย่างพระบาทก้าวแรกกลับสู่แผ่นดินสยาม ดิฉันถือว่าเป็นบุญอันมหาศาลของบ้านเมืองเรา คิดดูนะคะว่าในยามนั้นถ้าพระองค์ท่านไม่เสด็จฯกลับมาก็ย่อมได้และจะไม่มีใคร ตำหนิได้เลย เพราะลมการเมืองในยุคสมัยนั้นเปลี่ยนแปลงและผันผวนแรงมากแต่พระองค์ทรง ตัดสินพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว ในวันนั้นครอบครัวเล็กๆจากเมืองโลซานน์กลับมายังแผ่นดินสยามแล้วไม่ได้กลับ มาเป็นเทพสมมุติผู้จุติอวตารลงมาด้วย แต่ กลับมาเป็นปุถุชนคนหนึ่งที่ทรงงานเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนภายใต้ เงื่อนไขที่ว่า ถ้าหากประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนได้อย่างไร นี่เป็นดั่งพันธสัญญาที่ผูกพันระหว่างพสกนิกรชาวไทยกับพระเจ้าอยู่หัว
        ใน ความคิดของดิฉัน พระเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบเสมือนเอ็นจีโอ ทรงเป็นนักสังคมสงเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ แทนที่จะเสวยสุขส่วนพระองค์เหมือนพระราชาในเทพนิยาย พระองค์ทรงดั้นด้นไปหาประชาชน  เพราะทรงตระหนักรู้ว่าประเทศของพระองค์ยังต้องการการเยียวยาและพัฒนา ขณะ ที่ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่อยู่ภายใต้รอยต่อของการเปลี่ยนแปลงและการเมือง ที่ยุ่งเหยิง แต่ทรงเอาชนะใจประชาชนทุกคน ทรงเอาชนะใจรัฐบาลทุกรัฐบาล ทรงเอาชนะประเทศไทยทั้งประเทศมาโดยตลอด
        ใน หลายประเทศเราจะเห็นว่าลมของโลกาภิวัฒน์หมุนแรงจนทำใหพระมหากษัตริย์บาง พระองค์จำเป็นต้องวางมงกุฎไว้แล้วเดินจากไป ทิ้งให้พระบรมมหาราชวังกลายเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์  และ ระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลายเป็นเพียงตำนาน แต่พอหันกลับมามองเมืองไทย เราจะเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำพาคนไทยทั้งประเทศเดินฝ่าวิกฤติการเมือง เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการถั่งโถมของวัฒนธรรมต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามาในประเทศไทยได้นาน 60 กว่าปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะบารมีอันแผ่ไพศาลของพระองค์ท่าน ดิฉันไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างไรกันแล้ว
        ย่อมไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงทำทุกอย่างเพื่อเราทุกคน มานานหนักหนาแล้ว พระองค่ทานจึงได้ทรงเปลี่ยนจากพระเจ้าแผ่นดินมาสู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาทรงเป็นพระเจ้าอยู่หัว  ในหลวง พ่อหลวงและพ่อของแผ่นดินในที่สุด  วิวัฒนาการ ที่ดิฉันกล่าวมานี้ได้ลดช่องว่างระหว่างข้ารับใช้กับเจ้านาย และฟ้ากับดินมาเป็นพ่อของลูกทั้งแผ่นดิน คิดดูสิคะว่าทรงทำได้ในช่วงรัชสมัยที่พระองค์ทรงครองราชย์
ใน สมัยโบราณประชาชนไม่สามารถเงยหน้ามองพระเจ้าแผ่นดินได้ เพราะเราต่ำต้อยเป็นเพียงเศษฝุ่นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเป็นผู้นำมาซึ่งการปฎิวัติมุมมองที่ไพร่ ฟ้าทั่วราชอาณาจักรเคยเห็นว่าพระมหากษัตริย์เป็นดั่งสมมุติเทพทรงทำให้ ประชาชนชาวไทยทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนสักแค่ไหน ได้รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นพสกนิกรของในหลวง กลายเป็นเพื่อนร่วมชาติและกลายเป็นลูกของพระองค์ท่าน
พระ เจ้าอยู่หัวทรงทำได้อย่างไร ทำได้ด้วยการเสด็จฯ ออกจากพระบรมมหาราชวังไปยังท้องถิ่นทุรกันดารเหนือจรดใต้ ทุกแดนดินถิ่นสยามไม่มีใครเลยที่ไม่เคยเห็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาเยี่ยมเยี่ยน แล้วเสด็จฯมาแบบไหนรู้ไหม มาด้วยรถจิ๊ปเขอระฝุ่น มากับพระราชินีที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเราเห็นพระราชินีเราจึงรู้สึกเย็นจับใจ เวลาเราเห็นพระเจ้าอยู่หัวเราจึงรู้สึกเหมือนมีที่พึ่ง อย่างที่เรียกว่าเย็นศิระเพราะพระบริบาล ที่ใดมีทุกข์ที่นั่นมีพระ เจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปดับทุกข์ พระองค์ทรงมีแต่ให้ขณะที่นักการเมืองผู้ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินกลับ โกงบ้านกินเมืองและไม่เคยช่วยเหลืออะไรราษฎรเลย
อีกสิ่งหนึ่งมีค่ามากมายมหาศาลซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้แก่ชาวไทยทุกคนคือพระบรมราโชวาทของพระองค์ ในสมัยเด็กๆ ทุกวันที่  4 ธันวาคม เวลารับฟังกระแสพระราชดำรัสเราอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อโตขึ้นดิฉันจึงเข้าใจว่าคำสอนของพ่อนั้นแฝงไว้ด้วยปรัชญาอัน ลึกซึ้ง หากเรานำมาตีความผ่านยุคสมัยและเอาสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่เข้ามาจับ ต้อง เราจะเห็นว่าทุกพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัวนั้นเต็มไปด้วยความรักและ ความปรารถณาดีจากพ่อถึงลูก รวมทั้งเต็มไปด้วยหลักแห่งการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พระ บรมราโชวาทที่ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก และคิดว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่ทุกคนจะน้อมนำมาปฎิบัติคือพระบรมราโชวาทเกี่ยว กับเรื่องคนดีที่ว่า ใน บ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ พระ เจ้าอยู่หัวของเราทรงเป็นนักปราชญ์โดยแท้ หากเราลองวิเคราะห์ให้เข้ากับสถานการณ์ ดิฉันเข้าใจความหมายว่าการควบคุมคนไม่ดีนั้น ต้องควบคุมด้วยกฎหมาย ถ้าสังคมใดที่กฎหมายไม่เข้มแข็งก็จะเกิดปัญหาตามมามากมาย
ดัง นั้น สังคมจึงต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะบ้านเมืองเกิดจากทุกสิ่งทุกอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในหน่วยอณูใดของสังคมทุกคนก็สามารถทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองได้ ถ้าเราได้ผู้นำครอบครัวที่ดีลูกหลานก็ดี ถ้าเราได้ผู้ใหญ่บ้านที่ดีชุมชนก็เข้มแข็ง ถ้าเราได้นายกรัฐมนตรีที่ดีบ้านเมืองก็เจริญสถาพร เมื่อทุกอณูเล็กๆที่เข้มแข็งในสังคมมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว  บ้าน เมืองของเราจะก้าวไปได้ไกล เพียงแต่ว่าทุกคนในสังคมต้องช่วยกันแยกแยะว่าใครคือคนดีด้วยมาตรฐานทาง จริยธรรม เห็นไหมว่าหากเราทำตามคำสอนของพระองค์ท่าน บ้านเมืองของเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่เคยรับสั่งว่าทุกพระบรมราโชวาทของพระองค์เราทุกคน ต้องปฎิบัติตาม พระองค์เพียงทรงชี้แนะแนวทาง และทรงเป็นแบบอย่างที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งจะหาองค์พระประมุขผู้เปี่ยมทั้งพระปัญญาและพระเมตตาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว บนโลกนี้
บัด นี้บ้านเมืองเจริญมาไกลถึงยุคที่สังคมวิเคราะห์วิจารณ์กันว่า พระเจ้าอยู่หัวกับสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปด้วยสถานะอย่างไร ดิฉันบอกเลยว่าไม่ต้องถกเถียง ไม่ต้องถามต่อไปอีกแล้ว แค่หยุดแล้วมองย้อนกลับไป สิ่งเดียวที่ตกผลึกในหัวใจของดิฉันคือคำว่า ตายได้เพื่อพระเจ้าอยู่หัวเพราะ ดิฉันไม่เคยเห็น ใครทุ่มเทให้กับประเทศของตัวเองมากเท่ากับพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยเห็นใครรักชาติมากเท่ากับพระเจ้าอยู่หัว ถ้าไม่ทรงเข้มแข็ง ไม่ทรงมีขัตติยะ ไม่ทรงมีทศพิธราชธรรม พระองค์คงไม่ดำรงอยู่มาตราบทุกวันนี้หรอกค่ะ
ดิฉันอยากจะขอฝากให้สังคมพินิจพิเคราะห์พระองค์ท่านในทุกมิติ  อยาก ให้ศึกษาถึงมหาบุรุษพระองค์หนึ่งซึ่งเสด็จฯโดยรถจี๊ป พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือแผนที่ อีกข้างหนึ่งถือดินสอ สะพายกล้อง ทรงฉลองพระบาทผ้าใบ ฉลองพระองค์เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด  อย่าศึกษาพระองค์ท่าน ตามคำบอกเล่าหรือคำสั่งสอน แต่ให้ศึกษาจากพระราชกรณียกิจซึ่งเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ผู้ใหญ่ยิ่งที่สุดในแดนสยาม
ถ้า ได้ศึกษาแม้เพียงสักนิด เราจะรู้ได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงอยู่ในดวงใจ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นดวงใจของคนไทยทั้งชาติ และนั่นคือคำตอบว่าทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว

ขอขอบคุณ Lips magazine

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง