บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ใครทำ “น้ำท่วม” ?

รายงานพิเศษ / ใครทำ “น้ำท่วม” ? คำถามที่ชาวบ้าน “อยากรู้”

รายงานพิเศษ / ใครทำ “น้ำท่วม” ? คำถามที่ชาวบ้าน “อยากรู้”



คำ ถามที่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นผู้ประสบภัยจากวิกฤติน้ำท่วมรอบนี้ อยากรู้และกำลังให้ความสนใจอย่างมากในเวลานี้นั้น ย่อมไม่พ้นประเด็นที่ว่า “ใครทำให้น้ำท่วม ?”
     ไม่แพ้คำถามยอดฮิตว่า “น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ทั้งหมดหรือไม่ ?” หรือ “เราจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างไร” ยิ่ง เมื่อมีรายการ “วิวาทะรายวัน” ตอบโต้กันอุตลุตระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่างงัด “ข้อมูล” และ “สถิติ” น้ำในสองเขื่อนใหญ่ ออกมา “หักล้าง” กันพัลวัน
     ว่าในช่วงเวลาใด “ปริมาณน้ำ”ในเขื่อน มีมากน้อยเท่าใด แต่ “ใคร” คือผู้ที่บริหารจัดการน้ำ “ผิดพลาด” จะเกิดเป็นมหันตภัยใหญ่ มวลน้ำขนาดยักษ์เข้าถล่มพื้นที่หลายจังหวัดภาคกลาง และกำลังจะกลืนกินกทม.แทบทุกเขตอยู่ร่อมร่อเช่นนี้
     จะเป็นเพราะความผิดพลาดของรัฐบาลในยุคที่ประชาธิปัตย์ นั่งกุมบังเหียนก่อนการเข้ามาบริหารประเทศของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ 1” ในราวเดือนส.ค.ที่ผ่านมาใช่หรือไม่
     หรือ มาจากการตัดสินใจจาก “ฝ่ายการเมือง” บางคนที่ยึดเอา “ประโยชน์ทางการเมือง” เป็นสำคัญ สั่ง “กัก”และ “สกัด” มวลน้ำ ไม่ให้ถูกปล่อยออกมาในเวลาที่ควรจะดำเนินการ แต่กลับเลือกที่จะ “สงวน” เอาไว้ซึ่ง “คะแนนเสียง” โดยมีความเดือดร้อนของ “คนส่วนใหญ่” เป็น เดิมพันเช่นนี้
     และท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งฝ่ายการเมืองและจากประชาชนเอง ทั้งที่ยังไม่ประสบภัยและทั้งที่ได้กลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ครั้งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าลึกๆแล้วในความเงียบงันที่สงบนิ่งทางฟากพรรคชาติไทยพัฒนา ของ “บิ๊กเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา ประธาน ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และยังพ่วงตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์” นั้นกลับมีหลายต่อหลายคนต่างเฝ้าจับจ้องและจับตา “ปฏิกริยา”จากคนดังจากเมืองสุพรรณฯกันแทบไม่วางตา
     เพราะต้องไม่ลืมว่า บิ๊กเติ้ง คือเจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็น “พรรตตัวแปร” ในทุกรัฐบาลและสำหรับในยามวิกฤติรอบนี้ ยังมี “ตัวละครหลัก” ที่อยู่ในสายบังคับบัญชาทั้งทางตรงและทางอ้อม นั่นคือ “ธีระ วงศ์สมุทร” รมว.เกษตรฯ และ “ชลิต ดำรงศักดิ์” อธิบดีกรมชลประทาน
     ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น “เงื่อนไข” สำคัญที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดทั้งในทางการเมืองและการบริหารจัดการโดยเกี่ยว ข้องกับปัญหาใหญ่ ที่จะทำให้ครม.ทั้งหมดจ่อจมน้ำในเร็ววัน !!
     “น้ำไม่ได้มากกว่าปี 2538 และยืนยันว่าน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ เพราะสามารถปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรีไว้ได้แล้ว”
     นี่คือคำพูดของอดีตนายกฯมือหนึ่ง ที่ชื่อ“บรรหาร ศิลปอาชา” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
     “ ทำพิธีไล่น้ำ และมีการวางแผนรองรับไว้พร้อมแล้ว รับปากมั่นเหมาะว่ากทม.เอาอยู่ ไม่ท่วมอย่างแน่นอน”
     และนี่ก็เป็นคำพูดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
     ทั้งสองคนได้ “พูดผ่านสื่อ” เอาไว้ก่อนที่น้ำจะเดินหน้าเข้าสู่กทม.เป็นเวลาเกือบจะสองอาทิตย์ ซึ่งถือว่ามีเวลามากพอที่จะบริหารจัดการน้ำจำนวนมหาศาลที่กำลังไหลลงมาถึง กรุงเทพ ฯ เมืองหลวงของประเทศที่ถูกจัดให้เป็น “หัวใจ” ในทุกด้านของประเทศ
     แต่พอถึงเวลาจริง ๆกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้ง “อดีตนายกฯคนที่ 21”ที่ชื่อ บรรหาร และผู้ว่าฯกทม. ได้คาดการณ์ไว้ เพราะปริมาณน้ำที่พยายามเก็บกักไว้ในเขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ จำนวนมากไม่ยอมปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าเกรงว่าจะเกิดภัยแล้ง จนทำให้ปริมาณน้ำมากขึ้น อีกทั้งจำนวนน้ำที่ไหลมาจากทางแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน รวมทั้งปริมาณน้ำฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงสู่ด้านล่างจำนวนมาก
     และ ทำให้น้ำปริมาณในเขื่อนสูงเกินไป หากเก็บกักไว้อาจจะทำให้ “เขื่อนแตก”ได้ จนต้องระบายน้ำออกมาอีกมวลใหญ่ ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลมามีจำนวนมหาศาล
     จึงทำให้การคาดการณ์ที่ว่าฝีมือดีอย่าง “บิ๊กเติ้ง” ที่ดูแลกรมชลประทานตัวยงยังคาดการณ์ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย มิหนำซ้ำ เสียงโจมตีที่ “คนดังจากสุพรรณ” ถูกโจมตีชนิดหนักหนาสาหัสมากที่สุด จึงยังไม่พ้น “ข้อหา” ที่ว่า พยายามกักน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีของตัวเอง
     แต่ ทำให้มวลน้ำก้อนจำนวนมหาศาลไหลบ่าไปท่วมจังหวัดรายรอบแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และกรุงเทพฯอย่างที่เห็นแทน
     เมื่อหันมองกลับมาที่ผู้นำรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายก รัฐมนตรี “มือใหม่หัดขับ” จะปฏิเสธความรับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย จะบอกว่ามือใหม่หัดขับ หรือไม่เคยผ่านการบริหารงานมาก่อน แต่การตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.)ก็รวบรวมบรรดาหัวกระทิแล้ว
     แต่ “ความเป็นจริง” ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่า ศูนย์ศปภ.แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมสารพัดความวุ่นวาย และ “ข้อมูล” ที่ทำให้ “คนฟัง” ทั้งมึน ทั้งตระหนกแทน แถมยังถูกมองว่าการช่วยเหลือล่าช้า ไม่ทันการณ์ ปล่อยให้ปัญหาบานปลายขนาดนี้
     ห่วงแต่น้ำทะเลหนุนสูงสุด แต่เอาเข้าจริง ๆน้ำทะเลหนุนไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ที่น้ำท่วมกทม.ช่วงจริงๆไม่ใช่เพราะน้ำทะเลหนุนสูง แต่กลับเป็นน้ำท่วมทุ่งที่ “บิ๊กเติ้ง”และรัฐบาลพยายามปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลตามธรรมชาติ กักตรงนั้น กันตรงนี้ ทำให้น้ำจำนวนหลายล้านลูกบาศก์เมตรไหล่บ่าท่วมบริเวณปริมณฑลรายล้อมพื้นที่ กทม. จึงได้เวลาไหลเข้าพื้นที่ชั้นในของกทม.อย่างที่เห็น
     แล้วอย่างนี้จะแก้ปัญหากันอย่างไร...เพราะคนบอกว่าน้ำไม่ท่วมกทม.ก็ปิดปากเงียบ บ้านตัวเองก็เอาไม่อยู่....
     อย่างไรก็ดี มีข่าวว่า ในราวเที่ยงวันที่ 5 พ.ย.นี้ “บิ๊กเติ้ง” คนดังแห่งเมืองสุพรรณ มีกำหนดการนัดหมายสื่อมวลชน เปิดที่ทำการพรรค เพื่อชี้แจงแถลงไข ตอบโต้ “ทุกข้อกล่าวหา” หรือจะแถมท้าย ทิ้งทวน ด้วยการ “แฉกลับ”เปิดประเด็นใหม่ ก็ต้องคอยลุ้นกันเอาเอง...!!!
                                                                                                        

   เรื่อง : ชนิดา  สระแก้ว. 
 l

  สยามรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง