วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 – หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าว
“มาตรการเชิงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูประเทศ”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนยังเป็นหน้าที่ของ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) แต่ในบางพื้นที่ ปัญหาน้ำท่วมเริ่มบรรเทาลง และเข้าสู่ระยะฟื้นฟูแล้ว
1) ระยะเฉพาะหน้า – จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1-2 เดือน คือการกู้ภัย (Rescue) โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) ขึ้นมาเพื่อดำเนินการรับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความต้องการ รับบริจาค ส่งมอบสิ่งของ ฯลฯ ให้แก่ผู้ประสบภัย ทำการรักษาพยาบาล ให้ที่พักพิงชั่วคราว ฯลฯ ดำเนินการจัดการเรื่องน้ำท่วม
2) ระยะสั้น – กำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี คือการซ่อม (Restore) เป็นการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูให้ระบบต่างๆ สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้งหนึ่งโดยเร็ว รวมถึงการเยียวยา ให้เงินช่วยเหลือ เงินกู้ สิทธิประโยชน์ ต่างๆ ด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 230/2554 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานคณะกรรมการร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการทำหน้าที่วางแนวทาง/มาตรการ/บูรณาการ/ ติดตามการดำเนินงานในภาพรวม
หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดของคณะกรรมการระยะสั้น 9 ชุดที่รัฐบาลแต่งตั้งได้จากข่าว ยิ่งลักษณ์ตั้งคณะกรรมการ 9 ชุด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัย ที่ SIU นำเสนอไปแล้ว
3) ระยะยาว – เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นความเชื่อถือ และ สร้างความมั่งคั่งและมั่นคงของประเทศให้กลับคืนมาโดยการออกระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)
คณะกรรมการที่เหลือได้แก่
ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ
ดร.โกร่ง ให้สัมภาษณ์ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น เตรียมพบนักลงทุนญี่ปุ่น
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า วิกฤติอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนชาวต่างประเทศที่อาจจะทบทวนการลงทุนในประเทศไทยและย้ายฐาน การผลิตจากประเทศไทยไปที่อื่น ซึ่งหากเกิดขึ้นก็จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของประเทศในอนาคต ดังนั้นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ในเรื่องการวางระบบป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำในช่วง ต่อไปเท่านั้น แต่จะต้องให้ความมั่นใจในภาพรวมของเศรษฐกิจอย่างเชื่อมโยงกันในทุก ๆ ด้าน เช่น เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของระบบการเงินการคลัง ศักยภาพในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โอกาสการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงด้านพลังงาน โอกาสในการขยายพื้นที่การลงทุนใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีการพัฒนาในพื้นที่ใกล้ กับประเทศไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการลงทุนในทุกประเทศล้วนมีความเสี่ยง ทั้งจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติหรือปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งนักลงทุนก็จะพิจารณาว่าผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงแล้วเป็นอย่างไร คณะกรรมการชุดนี้จึงได้รับมอบหมายให้วางแผนการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศที่คำนึง ถึงความจำเป็นรอบด้านดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าหลังจากวิกฤตอุกทกภัยครั้งนี้ประเทศไทยจะกลับมา เป็นแหล่งลงทุนที่น่าลงทุนมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำงานอย่างประสานกันอย่างใกล้ชิดกับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อให้เกิดการลงทุนที่เกิดประโยชน์มากที่สุดและมีวินัยการคลัง และสามารถอธิบายให้นักลงทุนมั่นใจทั้งสองด้าน คือ ด้านระบบบริหารจัดการน้ำและด้านศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ขณะเดียวกันการสื่อสารกับนักลงทุนถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้นักลงทุนทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นในเดือนนี้ (พ.ย.) ในฐานะประธานของคณะกรรมการชุดนี้ก็จะเดินทางไปพบนักธุรกิจและนักลงทุน ญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่สำคัญสำหรับประทศไทยและเป็นกลุ่มนักลงทุน ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในวิกฤติอุทกภัยครั้งนี้ เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่นักลงทุนเป็นห่วง และให้ความมั่นใจถึงภารกิจที่ รัฐบาลชุดนี้ได้มอบหมายให้กับกรรมการชุดนี้ และเร่งการวางกรอบการทำงานของคณะกรรมการเพื่อเสนอแนะยุทธศาสตร์ให้กับรัฐบาล อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป
ข้อมูลจาก ทำเนียบรัฐบาล
คณะกรรมการชุดนี้มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นที่ปรึกษา มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจเป็นประธาน และมีคณะกรรมการประกอบด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนยังเป็นหน้าที่ของ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) แต่ในบางพื้นที่ ปัญหาน้ำท่วมเริ่มบรรเทาลง และเข้าสู่ระยะฟื้นฟูแล้ว
แผนฟื้นฟู 3R ระยะเฉพาะหน้า-สั้น-ยาว
รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูประเทศ โดยแยกออกเป็น 3 ระยะคู่ขนานกันไป คือ 3 R ได้แก่ Rescue/Restore/Rebuild หรือ “กอบกู้/ซ่อม/สร้าง” ดังนี้1) ระยะเฉพาะหน้า – จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1-2 เดือน คือการกู้ภัย (Rescue) โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) ขึ้นมาเพื่อดำเนินการรับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความต้องการ รับบริจาค ส่งมอบสิ่งของ ฯลฯ ให้แก่ผู้ประสบภัย ทำการรักษาพยาบาล ให้ที่พักพิงชั่วคราว ฯลฯ ดำเนินการจัดการเรื่องน้ำท่วม
2) ระยะสั้น – กำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี คือการซ่อม (Restore) เป็นการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูให้ระบบต่างๆ สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้งหนึ่งโดยเร็ว รวมถึงการเยียวยา ให้เงินช่วยเหลือ เงินกู้ สิทธิประโยชน์ ต่างๆ ด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 230/2554 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานคณะกรรมการร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการทำหน้าที่วางแนวทาง/มาตรการ/บูรณาการ/ ติดตามการดำเนินงานในภาพรวม
หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดของคณะกรรมการระยะสั้น 9 ชุดที่รัฐบาลแต่งตั้งได้จากข่าว ยิ่งลักษณ์ตั้งคณะกรรมการ 9 ชุด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัย ที่ SIU นำเสนอไปแล้ว
3) ระยะยาว – เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นความเชื่อถือ และ สร้างความมั่งคั่งและมั่นคงของประเทศให้กลับคืนมาโดยการออกระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)
‘วีรพงษ์’ รับประธาน กยอ. สร้างอนาคตประเทศ
สำหรับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) จะมี ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีต รองนายกรัฐมนตรี มารับตำแหน่งประธานกรรมการ มีรองนายกรัฐมนตรี 2 ท่าน คือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นกรรมการคณะกรรมการที่เหลือได้แก่
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์
- นายกิจจา ผลภาษี
- นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์
- นายวิษณุ เครืองาม
- นายศุภวุฒิ สายเชื้อ
- เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
- ประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ
ดร.โกร่ง ให้สัมภาษณ์ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น เตรียมพบนักลงทุนญี่ปุ่น
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า วิกฤติอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนชาวต่างประเทศที่อาจจะทบทวนการลงทุนในประเทศไทยและย้ายฐาน การผลิตจากประเทศไทยไปที่อื่น ซึ่งหากเกิดขึ้นก็จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของประเทศในอนาคต ดังนั้นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ในเรื่องการวางระบบป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำในช่วง ต่อไปเท่านั้น แต่จะต้องให้ความมั่นใจในภาพรวมของเศรษฐกิจอย่างเชื่อมโยงกันในทุก ๆ ด้าน เช่น เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของระบบการเงินการคลัง ศักยภาพในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โอกาสการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงด้านพลังงาน โอกาสในการขยายพื้นที่การลงทุนใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีการพัฒนาในพื้นที่ใกล้ กับประเทศไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการลงทุนในทุกประเทศล้วนมีความเสี่ยง ทั้งจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติหรือปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งนักลงทุนก็จะพิจารณาว่าผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงแล้วเป็นอย่างไร คณะกรรมการชุดนี้จึงได้รับมอบหมายให้วางแผนการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศที่คำนึง ถึงความจำเป็นรอบด้านดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าหลังจากวิกฤตอุกทกภัยครั้งนี้ประเทศไทยจะกลับมา เป็นแหล่งลงทุนที่น่าลงทุนมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำงานอย่างประสานกันอย่างใกล้ชิดกับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อให้เกิดการลงทุนที่เกิดประโยชน์มากที่สุดและมีวินัยการคลัง และสามารถอธิบายให้นักลงทุนมั่นใจทั้งสองด้าน คือ ด้านระบบบริหารจัดการน้ำและด้านศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ขณะเดียวกันการสื่อสารกับนักลงทุนถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้นักลงทุนทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นในเดือนนี้ (พ.ย.) ในฐานะประธานของคณะกรรมการชุดนี้ก็จะเดินทางไปพบนักธุรกิจและนักลงทุน ญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่สำคัญสำหรับประทศไทยและเป็นกลุ่มนักลงทุน ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในวิกฤติอุทกภัยครั้งนี้ เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่นักลงทุนเป็นห่วง และให้ความมั่นใจถึงภารกิจที่ รัฐบาลชุดนี้ได้มอบหมายให้กับกรรมการชุดนี้ และเร่งการวางกรอบการทำงานของคณะกรรมการเพื่อเสนอแนะยุทธศาสตร์ให้กับรัฐบาล อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป
ข้อมูลจาก ทำเนียบรัฐบาล
‘สุเมธ’ เป็นที่ปรึกษา กยน. – ‘กิตติรัตน์’ ประธาน
ส่วน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศในระยะยาวคณะกรรมการชุดนี้มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นที่ปรึกษา มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจเป็นประธาน และมีคณะกรรมการประกอบด้วย
- นายกิจจา ผลภาษี
- นายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล
- นายธีระ วงศ์สมุทร
- นายนิพัทธ พุกกะณะสุต
- นายปราโมทย์ ไม้กลัด
- นายปลอดประสพ สุรัสวดี
- นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา
- นายรอยล จิตดอน
- นายรัชทิน ศยามานนท์
- นายศรีสุข จันทรางศุ
- นายสนิท อักษรแก้ว
- นายสมบัติ อยู่เมือง
- นายสมิทธ ธรรมสโรช
- นายอัชพร จารุจินดา
- นายอำพน กิตติอำพน
- เลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กรรมการและเลขานุการร่วม
- เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการร่วม
- อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
- อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
- นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
- นายเสรี ศุภราทิตย์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
- นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น