บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นปช.จี้รัฐบาล ร่วมภาคีศาลโลก

 ข่าวสดรายวัน


นปช.จี้รัฐบาล ร่วมภาคีศาลโลก


เมียเหยื่อ สไนเปอร์ ขอเยียวยา



ผู้สูญเสีย - นางสุดารัตน์ ทองผุย ชาวชัยภูมิพร้อมลูก 2 คน ทวงถามความเป็นธรรมให้นายบุญธรรม ทองผุย สามีที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เม.ย.53 เรียกร้องให้เอาผิดคนสั่งการในรัฐบาลชุดก่อน
"ธิดา"แถลง จี้กรรมการเยียวยาชุดยงยุทธ เร่งออกเกณฑ์ชดเชยผู้เสียชีวิตให้ชัดเจน ยกตัวอย่างพ.ค.53 รัฐเยียวยาศพละ 6 ล้านบาท แต่ย้ำตัวเลข 10 ล้านบาทเป็นแค่ข้อเสนอเท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลลงนามในสนธิสัญญากรุงโรม ให้ไทยเป็นภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศโดยสมบูรณ์ เพื่อส่งเรื่องให้พิจารณาหาคนสั่งฆ่าประชาชน หวั่นคุกคามพยานคดี 13 ศพ พร้อมจัดทนายให้คำปรึกษา บัวแก้วแจงขั้นตอนลงสัตยาบันต้องผ่านสภา เปิดใจสาวใหญ่ชาวนา สามีช่างไฟเสื้อแดงถูกสไนเปอร์ดับที่คอกวัว วันที่ 10 เม.ย.53 เล่าสามีไปชุมนุมมือเปล่า อยากเห็นคนใจร้ายยิงได้ลงคอ หลังถูกยิงดับทิ้งลูก 2 คนเป็นกำพร้า ขอรัฐเยียวยาครอบครัว "แม่เกด"ยันรับไม่ได้ทหารเกี่ยวสลายม็อบได้ดียกแผง พ่อจารุพงษ์ ทองสินธุ์ เหยื่อเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 วอนเหตุการณ์ปี "53 เป็นครั้งสุดท้ายที่คนไทยฆ่ากัน

นปช.เร่งรัฐสรุปเยียวยา

เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช. แถลงว่า ขอเรียกร้องรัฐบาล และคณะกรรมการเยียวยาที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เร่งทำงานให้เร็วที่สุด เพราะประชาชนแบกรับปัญหาต่างๆ มาปีเศษแล้วยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ขอให้ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตเท่าใด อย่างเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 มีการเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 6 ล้านบาท ส่วนข้อเสนอ 10 ล้านบาทของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เป็นเพียงการเสนอขั้นต้น รายละเอียดรัฐบาลก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง รวมถึงเร่งทำความจริงให้ปรากฏเพื่อพัฒนาไปสู่ความปรองดอง

จี้ลงสัตยาบันศาลอาญาโลก

นาง ธิดากล่าวต่อว่า นอกจากนี้นานาประเทศกำลังจับตามองประเทศไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยได้เสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งให้สัตยาบันสัญญากรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่าง ประเทศ ซึ่งเป็นศาลอาญาระหว่างประเทศถาวรแห่งแรกและแห่งเดียวของโลก ที่มุ่งจัดการคดีที่มีลักษณะอาชญากรสงคราม อาชญากรต่อมนุษย ชาติและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการที่ประเทศไทยไม่สามารถส่งคดีความเพื่อไปดำเนินคดีใน ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ เนื่อง จากยังไม่ลงสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณา หากขั้นตอนนี้ผ่านแล้วสิ่งที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายคนเสื้อแดงได้ยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็สามารถจะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสังหารประชาชน เมื่อเดือนเม.ย.และพ.ค.53 ได้ ซึ่งคนเสื้อแดงสนับสนุนให้รัฐบาลลงสัตยาบัน เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้การฆ่าคนมือเปล่าไม่เกิดขึ้นอีก

บี้ไม่รับรายงานกสม.

นาง ธิดากล่าวว่า คนเสื้อแดงยังขอเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งประเทศ ไทย เกี่ยวกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าเป็นรายงานที่ไม่จริง เพราะมีความเท็จเกินครึ่ง โดยเฉพาะการปราบปรามประชาชน เนื่องจากขณะนี้ประเทศต่างๆ ไม่เชื่อความเป็นกลางของกสม. ไม่เชื่อคอป. และมีคำถามจากหลายประเทศ อาทิ สาธารณรัฐเช็ก สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในไทย

หวั่นคุกคามพยานคดี 13 ศพ

นาง ธิดากล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดี 13 ศพ ที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ขอให้พยานที่จะเข้าให้การอย่าไปให้การกับตำรวจตามลำพัง ขอให้เข้ามาติดต่อกับศูนย์ของ นปช.ก่อน เพื่อจะได้จัดทนายความให้ความปรึกษา เพื่อให้สำนวนรัดกุม และไม่ถูกคุกคาม ในการสอบสวนพยาน

กต.แจงลงสัตยาบันต้องผ่านสภา

ด้าน นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงเกี่ยวกับเสียงเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ปัจจุบันถือว่าไทยยังไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกของธรรมนูญดังกล่าว แม้จะได้ลงนามไปแล้วเมื่อ 2 ต.ค.2543 แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน โดยทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียดทางข้อ กฎหมาย คาดว่าหากแล้วเสร็จจะต้องเสนอต่อทางรัฐบาล เพื่อเข้าที่ประชุมครม. และหากมีข้อกฎหมายที่ต้องแก้ไข หรือตราขึ้นใหม่เพื่อรองรับ ก็จำเป็นต้องผ่านรัฐสภา

เปิดใจเมียช่างไฟเสื้อแดง

วัน เดียวกัน ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์นางสุดารัตน์ ทองผุย ภรรยานายบุญธรรม ทองผุย คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณสี่แยกคอกวัว โดยนางสุดารัตน์กล่าวว่า นายบุญธรรมมีอาชีพทำงานก่อสร้างเป็นช่างไฟ โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ น้องแพรว ลูกสาวคนโต อายุ 16 ปี กับน้องบิ๊ก ลูกชายคนเล็ก อายุ 9 ขวบ ทุกเย็นหลังเลิกงานนายบุญธรรมจะไปร่วมชุมนุมร่วมกับคนเสื้อแดง เพราะเห็นว่าการเมืองในช่วงนั้นไม่ถูกต้อง ประกอบกับเขาเป็นคนรักความยุติธรรม โดยสามีจะนั่งรถเมล์ไปชุมนุมร่วมกับเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งช่วงนั้นสามีจะโทรศัพท์คุยกับตนที่อยู่ชัยภูมิตลอด ตนก็พยายามถามไถ่ว่าที่ชุมนุมอันตรายหรือไม่ เขาก็ยังบอกว่าไม่อันตราย สนุกดีด้วยซ้ำ แถมช่วงนั้นเขายังมารับน้องบิ๊กลูกชายมาอยู่ที่กทม. แล้วก็พาไปที่ชุมนุมด้วย

ลูกร่ำไห้-เคว้งพ่อตาย

นาง สุดารัตน์กล่าวว่า วันเกิดเหตุในวันที่ 10 เม.ย. 53 น้องบิ๊กเล่าให้ฟังว่าพ่อดูข่าวโทรทัศน์ ทราบว่า ทหารจะเข้าสลายการชุมนุม จึงรีบแต่งตัวออกจากบ้าน ลูกชายก็พยายามห้ามว่าอย่าไป แต่เขาก็ไม่ฟัง โดยก่อนไปได้เอาน้องบิ๊กไปฝากไว้ที่แคมป์ก่อสร้าง เพื่อไปเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ตอนประมาณทุ่มกว่า พอมีข่าวว่าที่เวทีผ่านฟ้าฯ ขอกำลังเสริม เขาก็กระโดดขึ้นรถไปสมทบกับเพื่อนๆ จากนั้นก็หายไปทั้งคืน ตนก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเขาไม่ได้โทร.บอก กลัวว่าเราจะเป็นห่วง น้องบิ๊กสะดุ้งตื่นมาตอนกลางคืนไม่เจอพ่อ ก็หลับต่อ จนรุ่งเช้า เพื่อนของพี่เขามาบอกน้องบิ๊กตอนเช้าว่าพ่อตายแล้ว โดยถูกสไนเปอร์ยิงเข้าที่หน้าผาก น้องบิ๊กก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ไปแอบร้องไห้ เพราะไม่รู้จะติดต่อตนยังไง เนื่องจากเบอร์โทรศัพท์อยู่ในเครื่องพ่อหมด จนกระทั่งวันที่ 12 เม.ย. ครูของน้องบิ๊กที่ชัยภูมิดูข่าวได้ยินว่า มีคนนามสกุล "ทองผุย" จึงรีบโทรศัพท์มาบอก เมื่อรู้ข่าวเราก็ช็อกแล้วรีบลงมาที่กทม.ทันที

อยากรู้ใครฆ่าสามี

"เมื่อ ดิฉันมาถึงกทม.ก็เดินทางไปรับศพนายบุญธรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเอาไปบำเพ็ญกุศล แต่มีตำรวจมาบอกว่าต้องจ่ายค่าโลงกับค่ารถ 8 พันบาท ฉันเองก็ไม่มีเงิน เพราะรีบเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ จึงไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์นปช. เขาก็ให้เงินมาจำนวนหนึ่ง แต่บอกว่าขอเก็บศพไว้ก่อน เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ ตอนนั้นก็คิดว่าดีเหมือนกัน จะได้รู้ชัดเจนว่าคนใจร้ายใจดำที่ทำกับสามีฉัน เขามาชุมนุมโดยไม่มีอาวุธ แต่กลับถูกยิงจนตาย โดยศพเก็บไว้ที่ผ่านฟ้า พอถูกสลายม็อบศพก็ถูกนำมาไว้ที่วัดหัวลำโพง ฉันกับลูกก็ต้องอาศัยนอนอยู่ใต้รถไฟฟ้าบริเวณแยกราชประสงค์ เพราะไม่มีที่ไป และหลังจากนี้จะเผาศพสามีในวันที่ 16 ต.ค. ที่วัดบำเพ็ญเหนือ มีนบุรี" นางสุดารัตน์กล่าว

ชีวิตลำบากขาดที่พึ่ง

นางสุดา รัตน์กล่าวว่า หลังจากที่สามีเสียชีวิต ครอบครัวลำบากมาก เพราะตนไม่มีอาชีพอื่น นอกจากทำนา ตอนนี้ก็ปลูกข้าวรอเก็บเกี่ยว ไม่มีรายได้จากทางอื่น จะไปรับจ้างอะไรก็ไม่มีคนจ้าง ต้องกินอยู่อย่างประหยัด เพราะเงินที่ได้รับช่วยเหลือมาจากสำนักพระราชวัง มูลนิธินปช. และบ้านราชวิถี ก็ต้องนำมาใช้จ่ายค่าเล่าเรียนของลูกทั้ง 2 คน และค่ากินอยู่ในบ้าน อีกทั้งแม่ของตนก็ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทต้องไปหาหมอบ่อย ครั้ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทุกครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่นายบุญธรรมมีชีวิตอยู่จะเป็นเสาหลักที่หาเงินส่งให้ ครอบครัว

จี้รัฐเยียวยาครอบครัว

"ความเป็นอยู่ต่าง จากเดิมมาก ลูกชายจะรักพ่อมากที่สุด พอขาดพ่อไปก็เหมือนขาดหลาย อย่าง จากที่เคยร่าเริงก็เป็นเด็กไม่ร่าเริง เขาคิดถึงพ่อเขาและจะพูดถึงบ่อยมาก ตอนนี้ก็ลำบากมาก ทั้งค่าอยู่ค่ากิน ลูกชายก็เป็นวัยกำลังใช้เงิน แล้วไหนจะต้องดูแลแม่ที่ป่วยอีก" นางสุดารัตน์กล่าว

นางสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว ตนอยากมีร้านขายของเพื่อที่จะมีรายได้มาเลี้ยงลูก บางทีลูกขอเงินก็ไม่อยากดุ เพราะเขาก็เสียพ่อไปแล้ว ขณะที่เรื่องของคดีความตนได้ไปยื่นเรื่องถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้เร่งติดตามคดี และหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้

"มาร์ค"จับตาปคอป.ชี้นำ

เวลา 11.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลงานการดำเนิน งานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงแห่งชาติ (ปคอป.) ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก ต้องจับตาดูว่าคณะกรรมการจะแปลงเจตนารมณ์ของคอป. หรือไม่ เพราะในรายละเอียดการแต่งตั้ง ปคอป. นั้นมีอำนาจชี้นำการปฏิบัติ ดังนั้นจะติดตามตรวจสอบว่าข้อเสนอต่างๆ และการตีความข้อเสนอของคอป.จะเป็นไปตามเจตนารมณ์หรือไม่

"ยงยุทธ"โต้ทำตามแนวคอป.

นาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธาน ปคอป. กล่าวถึงกรอบการทำงานว่า จะรอมติของ คอป.อีกส่วนหนึ่ง แล้วจะนำมาใช้ในทางปฏิบัติ โดยยังไม่เพิ่มความเห็นเรื่องอะไร เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขว่าเราคิดเอง ดังนั้นจะเอาเฉพาะจากมติของ คอป.ซึ่งถือเป็นคณะกรรมการที่รัฐบาลชุดที่แล้วตั้งมาทำเท่านั้น อยากทำเรื่องนี้ให้เร็ว โดยเอามติคอป.มาย่อยให้เกิดผล และอาจตั้งอนุกรรมการขึ้นมาติดตาม

บิ๊กตู่ฉุนแดงค้านย้ายทหาร

ที่ กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ถึงกรณีคนเสื้อแดงมาชุมนุมเผาโลงศพ เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารว่า กลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องอะไรตรงไหนหรือเปล่า เขาอยู่ในกระบวนการกรรมการกลั่นกรองหรือไม่ อยู่ในขบวนการคัดสรรคัดเลือกตามพ.ร.บ.กลาโหมหรือไม่ ก็อย่าละเมิดคนอื่นให้มากก็แล้วกัน อย่าให้เดือดร้อน

มธ.สัมมนา"จารุพงษ์-น้องเกด"

เวลา 16.30 น. วันเดียวกัน ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับโครง การกำแพงประวัติศาสตร์ : ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายเดือนตุลา และคณะกรรมการญาติวีรชน 6 ตุลา จัดเสวนา "จากพ่อจารุพงษ์ถึงแม่น้องเกด" เนื่องในวาระครบรอบ 35 ปี 6 ตุลา 2519 มีนายจินดา ทองสินธุ์ บิดานายจารุพงษ์ ทองสินธุ์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 และ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายชุมนุม 53 ร่วมเสวนา

แม่เกดรับไม่ได้ทหารได้ดี

นาง พะเยาว์กล่าวว่า เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันแทบเหมือนกันตรงที่ประชาชนออกมาเรียกร้องแล้วถูก ฆ่าโดยเจ้าหน้าที่ แตกต่างเพียงเหตุการณ์ในปัจจุบันล้ำลึกมากขึ้น สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือระบอบเผด็จการที่ยังอยู่ หลังเลือกตั้งเราดีใจว่ามีรัฐบาลใหม่แล้ว แต่เมื่อโผทหารออกมา เรารู้สึกเหมือนถูกปฏิวัติอีกรอบ เพราะทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์เดือน พ.ค.ได้รับยศ ได้เลื่อนตำแหน่ง เหมือนได้รับนิรโทษกรรม ขณะที่นักศึกษาต้องติดคุก หรือหนีเข้าป่า เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน แกนนำเสื้อแดงและประชาชนติดคุกไปแล้ว แต่ทหารยังไม่ได้รับการลงโทษ ทั้งยังได้บำเหน็จบำนาญอีก

พ่อจารุพงษ์ขออย่าฆ่ากันอีก

ด้าน นายจินดากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายเมื่อ 6 ตุลา 2519 กระทบจิตใจคนในครอบครัวมาก กรณีของแม่น้องเกดยังดีที่พบศพลูกทันที ขณะที่ตนนั้นมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ เพิ่งรู้ว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อสิบกว่าปีมานี้ และไม่มีโอกาสแม้จะนำเถ้ากระดูกลูกไปบำเพ็ญกุศล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2519 และ 2553 เหมือนกัน เพียงแต่ระยะเวลาต่างกัน เหตุการณ์ของตนเกิดมา 35 ปีแล้ว พอที่จะทำใจได้ แต่ที่เกิดขึ้นเมื่อปี"53 เพิ่งผ่านพ้นไปอาจจะยังทำใจไม่ได้ และขอเรียกร้องให้สังคมช่วยกันประคับประคอง อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ให้เป็นวาระสุดท้ายจริงๆ เสียที

"35 ปีผ่านมา เราไม่เคยได้รับการเยียวยาเลย แม้เราไม่ได้ต้องการเอาค่าสูญเสียมาทำทุนอะไร แต่เพื่อจิตใจของพวกเราที่ถูกกระทำก็ควรจะได้รับการเยียวยาหรือช่วยเหลือ บ้าง วันที่ 6 ตุลา เวียนมาถึงทุกครั้ง ผมไม่เคยเรียกร้องค่าทำศพเลย ยกให้สังคมเป็นผู้วินิจฉัย เมื่อผ่านไปแล้วขอให้ผ่านไป ต่อไปอย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก แม้เราไม่สามารถให้อภัยกันได้ เราก็ต้องข่มใจ เพื่ออนุชนรุ่นหลังอย่าได้ฆ่ากันอีก" นายจินดากล่าว

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง