พี่-น้องเล่นคนละบทบาท แต่เขย่าอำนาจชนชั้นนำ เกมรอคอย'กำแพง'ถล่ม ไม่เกินเม.ย.หน้า'แรงแน่'

เห็นการขับเคลื่อนของ “รัฐบาลปูกิ๊” กับ “โจกแดง” ที่หนีคดีไปต่างแดนแล้ว...ต้องบอกว่า “น่ากลัว...ม๊ากมาก” และเป็นการขับเคลื่อนที่วางแผนอย่างเป็นระบบ ค่อยๆ นวด...ตอกย้ำเรื่อง “สิ่งมิบังควร” หลายอย่าง อย่างวีคก่อนที่เกิดรายการเตะบอลกระชับมิตร...ก็ปรากฏกายให้เห็น “หลายคน” ที่รับรู้กันว่า เผ่นไปอยู่ต่างแดน แบบชนิดที่เรียกว่า “พร้อมหน้า-พร้อมตา”
แต่รายที่สร้างความฮือฮามากสุด...คงหนีไม่พ้น “เจ๊หน้าเด้งปากเจ่อ” ที่เผ่นแน่บไปตั้งหลังสงกรานต์ปี 2552 โดยถูกข้อกล่าวหาหนัก...ในเรื่อง “คำพูด” ที่ “หมิ่นเหม่” และ “น้อยคน” กล้าจะพูดแบบ (S)he คนนี้
เที่ยวนี้...เมื่อเห็นบรรดาสาวกแดงแห่แหนไปให้กำลังเพียบ อาการปากเจ่อก็หลุดอีกตามเคย เพราะวันนั้น...หากใครได้ยิน-หากใครได้ฟัง...ในสิ่งที่ (S)he เอื้อนเอ่ยออกมาแล้วละก้อ “คงรับไม่ได้กันแน่” เพราะมีการลากไส้ “ชนชั้นนำในไทย” แบบไม่มียั้ง โดยเฉพาะการเหน็บแนมว่า “คนคุมกระดาน” ต้องกระโดดลงมาเล่นเอง แต่ “เค้า” ดัน “ประมาทประชาชน” เกินไป
แถมมีย้ำด้วยว่า “อะไรที่พูดในเมืองไทยไม่ได้ ก็ให้ไปพูดที่เขมร” รวมถึง “ถ้าเขาไม่ให้เราอยู่ประเทศ ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องง้อ เราก็มาอยู่ที่นี่(กัมพูชา) ได้” เป็นประโยคเด็ดที่รู้กันดีว่า “จงใจสื่อ...อะไร” และ “ต้องการเหยียบย่ำ...อะไร”
การทิ้งวลีเด็ดที่ว่า “ฝากบอก(คน)ที่โน่นด้วย ว่าให้ค่อยๆ ปรับตัวพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ค่อยๆ ปรับตัวไปพร้อมๆ กัน” เป็นการส่งโค้ดลับที่ “สาวกแดง” จะเข้าใจในความหมายได้ทันที
และใครจะรู้บ้างมั๊ยว่า...โผรายชื่อโยกย้ายในกระทรวงบัวแก้ว ว่าใครจะไปอยู่ที่ไหน จะเตะใครไปที่ไหน ก็ได้ผ่านมือ-ผ่านตา-ผ่านการกลั่นกรอง จาก (S)he คนนี้ ที่ได้เขย่าโผชุดใหญ่ โดยทำร่วมกับ “ผู้ช่วยคนหนึ่ง” และอีกคนก็แน่นอนคือ “นักโทษเหลี่ยมจัด” ชนิดที่หลายคนตะลึงตึงๆ เพราะ “เสนาบดีโป๊งเหน่ง” แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ที่อยากให้จับตาดูดีๆ ก็คือ “คู่ขา (S)he” ที่ตอนนี้เป็นระดับ “รอง” จะได้เผยอหน้า เขย่งก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นใหญ่ เพื่อคอยปรนนิบัติ-ปรนเปรอ (S)he ในต่างแดนหรือไม่...ก็ต้องคอยดู...555
เมื่อมองเกมที่ (S)he เดินในต่างแดน ที่ใช้ “วาจาปาก” เป็นตัวเขย่า “ชนชั้นนำในไทย” ขณะที่การกระทำของ “นักโทษเหลี่ยมจัด” ที่ใช้กลยุทธ “โลกล้อมไทย” ทั้งผ่านทีมกฎหมายข้าวนอกนา และการเดินเกมป่วนด้วยตัวเอง ถึงขนาดกล้าประกาศมีพี่น้อง 3 คนคือ “พี่ชายแขกคนโต-ชายคนกลางเหลี่ยมจัด-น้องคนเล็กแขมร์” ก็ถือว่า “ไม่ธรรมดา” และเป็นการประกาศชัดๆ ว่า “พันธมิตรข้า” มีใครบ้าง??? แถมยังมีแนวโน้มว่า จะอยู่ใน “อำนาจ” ของประเทศนั้นๆ อีกยาวนาน
ขณะที่เกมในประเทศ ก็ยืมมือ “น้องบาร์บี้ปูกิ๊” ที่ฉากหน้าก็เล่นบทหน่อมแน้ม อ้อนขอโอกาสทำงาน แต่ฉากหลังก็เล่นบท “เพชฌฆาตหน้าสวย” ที่จงใจหักดิบ-ตั้งใจหักหน้า “ชนชั้นนำในไทย” แบบเลือดเย็น
ตัวอย่างแรก...ที่เห็นชัดๆ ก็คือ ช่วงฟอร์มรัฐบาล ที่ “พี่ชายเหลี่ยมจัด” ก็เล่นบทประนีประนอม ทำทีประสานผ่าน “คนกลาง...ที่ขันอาสา” เชื่อมต่อถึง “ชนชั้นนำ” เพื่อขอยืมตัวคนมาช่วยทำงานเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีการเจรจาต้าอ่วย จนได้รับไฟเขียว และคนที่ถูกยืมตัว ก็ขอเพิ่มเพียงเก้าอี้เดียว ที่จะมาช่วยทำงาน โดยมีใบรับประกันจาก “นายห้างตราดูไบ” เป็นเครื่องรับประกัน
แต่เมื่อมีการต่อสายถึง “บาร์บี้ปูกิ๊” ก็เล่นบทเพชฌฆาต  เขี่ยนิ่มๆ บอก “แล้วจะติดต่อไป” โดยไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งๆ ที่ “ผู้ใหญ่...เคลียร์กันแล้ว” ทางหนึ่งก็เพราะต้องการ “เด็กตัวเอง” มานั่งแทน แต่อีกทางหนึ่งคือการจงใจ “หักหน้า-ไม่ไว้หน้า” เพื่อแตะไปถึง “ชนชั้นนำ” ว่า วาจาไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม
เรียกได้ว่า เป็นการจงใจเล่นคนละบทของ “พี่น้องตระกูลเหลี่ยมจัด” แต่ทำเอา “คนกลาง...ที่ขันอาสา” ถึงกับ “ไปไม่เป็น” ทีเดียวเชียว
อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นจะจะ ก็คือกรณีการจงใจ “ดองโผทหาร” เรียกว่าเก็บในลิ้นชักเล่นๆ ยื้อเวลาไปเรื่อยๆ แล้วก็ตีกลับให้ไปเคลียร์กันใหม่ พอส่งกลับเข้าไป ปากก็บอกว่า นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว แต่นัยยะที่ซ่อนเร้นนั้น ถือว่า “แรงมาก”
จะเห็นว่า ช่วงเวลาที่โผยังไม่เข้าที่เข้าทาง...จึงได้เห็นแรงบีบให้ “สฤษดิ์น้อย” ต้องมาเดินตามต้อยๆ เพื่อไปตรวจน้ำท่วม โดยมีดาราสาวขายแพนเค้ก (ดองญาติกับผัวนอกสมรส)...ที่หน้าสลอนมาตีหน้าสวยเด้ง เพื่อ กลบหน้าเข้มของ “สฤษดิ์น้อย” ให้ออกมาแบบ “ดูไม่ดี” และ “สื่อในเครือ” ก็รับลูกตีทั้งภาพ-ตีทั้งข่าว...ที่ส่อนัยยะว่า “ท็อปบู้ต” ยังมาอยู่ใต้อาณัติ
ที่สำคัญ...การยื้อโผทหารนี้ ก็เพื่อจงใจทำให้บรรยากาศการอำลาในวันสุกดิบ 30 ก.ย.ปีนี้ ต้องกร่อยไปโดยปริยาย “คนเก่า” ก็ต้องจากไปอย่างเหงาๆ “คนใหม่” ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช่ตัวเองหรือป่าว เรียกว่า...ยิงนัดเดียว-ได้กำไรอื้อ แต่สุดท้าย “รายชื่อ” ก็มาออกในช่วงหัวค่ำของวันอำลาอายุราชการ ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามคาด

อย่าลืมว่า การเจาะ-การทลายหน่วยงานไหนก็ไม่สำคัญเท่า “กองทัพ” เพราะเป็นสถาบันหลักที่อยู่คู่กับ “สถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนไทย” และตั้งแต่ “ขั้วอำนาจเหลี่ยมจัด” ได้อำนาจคืนมา “กองทัพ” ก็เป็นหน่วยงานเดียวที่ “แข็งขืน” กับ “ขั้วอำนาจเหลี่ยมจัด” และ “ตีกัน” ไม่ให้เข้าไปยุ่ง อย่างที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่า กฎหมายกองทัพที่ออกมาในยุครัฐบาลขิงแก่ ก็เพื่อคานอำนาจและตีกันไม่ให้ “การเมือง” เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ “กองทัพ” และก็ใช้ได้ดีมาตลอด แต่รอบนี้ ให้ระวังการ “ตั้งใจโค่น” เพราะเท่าที่ดู “รายชื่อบิ๊กๆ” ที่ปรากฏ ก็เท่ากับว่า 6 เสียงในสภา เสียงยังคานกันที่ 3 ต่อ 3 เสียง
ก็อยาก...ให้จับตาว่า “ฝ่ายการเมือง” จะเล่นบทหักดิบ ตั้ง “เสนาบดีตัวช่วย” มาอีกคนหนึ่ง เพื่อเข้าไปยึดครองเสียงข้างมาก เพื่อจะได้เขย่าบัลลังก์ใครหลายคนในการโยกย้ายเม.ย.ปีหน้า...ที่รับรอง “ดุเดือดเลือดพล่าน” แน่ๆ
ตัวอย่างถัดมา...ที่บอกว่า “ไม่ธรรมดา...เช่นกัน” ก็คือ การยืมมือ “อำมาตย์เชือดอำมาตย์” ด้วยกันเอง ถือเป็นการทลายกำแพงกั้น ด้วยคนกันเอง เพราะเหตุที่เกิดขึ้นในกระทรวงหนึ่ง ที่จงใจตั้ง “ตัวแทนอำมาตย์” ขึ้นมาเป็นใหญ่ โดยอ้างเรื่อง “อาวุโส” และ “คืนความชอบธรรม” แต่ก็มีใบสั่งให้ต้องไปเล่นงาน “นายเก่า” ที่เป็น “ตัวแทนอำมาตย์” และยัง “ดองญาติ” กันด้วย
งานนี้ถือเป็นการบ่งบอกชัดว่า “อำนาจ” นั้น...หอมหวน จนทำให้ “คนกันเอง” ยังต้องมาแทงข้างหลังกันเอง แต่การเดินเกมนี้ ถือว่า “ขั้วเหลี่ยมจัด” มีแต่ได้กับได้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไม...มองเกมนี้กันไม่ออกหรือ???
ทั้งหลายทั้งปวงที่บอกมานี้ ทำให้เห็นภาพอนาคตชัดว่า ไม่เกินเม.ย.หน้า...ร้อนแรงอีกแน่ๆ เพราะในขณะที่ “ฝ่ายหนึ่ง” กำลังแข็งแกร่ง สร้างอาณาจักรความยิ่งใหญ่ ต่อยอด-เลี้ยงไข้ฐานมวลชน แต่ “อีกฝ่าย” กำลังอ่อนแรง-อ่อนร้า...กำแพงกำลังถูกบ่อนแซะ-บ่อนทำลายทีละนิด อิฐแต่ละก้อนกำลังถูกเคาะให้หลุดออก เพื่อรอคอยให้ “กำแพงถล่ม”
จึงเป็นเรื่องที่ “คนไม่มีสี-คนไม่มีค่าย” ต้องตั้งสติ รับมือกับ “ความร้อนแรง” ที่จะอุบัติขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ “ฝ่ายหนึ่ง” เค้าบอกชัดๆ แล้วว่า “ให้ค่อยๆ ปรับตัว พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น” แต่ “อีกฝ่าย” เมื่ออำนาจกำลังหลุดลอย...ก็ต้องพยายามดิ้นรนหาทาง “รักษาฐานอำนาจ” ของตัวเอง...มันส์แน่ๆ...พี่น้องชาวไทยที่เคารพ
..........................................
คอลัมน์ “ซุบซิบไทยอินไซเดอร์”
โดย “ไต่กอ”