บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

"วิเชียร-เพรียวพันธ์" ปมเงื่อนกฎหมายกับความ(ไม่)เป็นธรรม

By ปกรณ์



ถึงนาทีนี้ หากลองทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชนคนไทยทั้งประเทศ คงไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ปลด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากเก้าอี้ ผบ.ตร. เพราะรองนายกฯเฉลิม อยู่บำรุง ออกตัวแรงเสียขนาดนี้ เรียกว่าถ้าเป็นรถก็ดอกยางไหม้ ถ้าไม่ย้ายก็ไม่รู้จะมองหน้ากันอย่างไรแล้ว

เช่นเดียวกัน หากมีการปลด "บิ๊กน้อย" พล.ต.อ.วิเชียร เรียบร้อย ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ก็ย่อมจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ "บิ๊กออฟ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าตนเองนั้นอาวุโสสูงกว่า พล.ต.อ.วิเชียร ตั้งแต่เมื่อครั้งคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร ขึ้นเป็น ผบ.ตร.เมื่อปีที่แล้ว

ปัญหา ณ เวลานี้จึงไม่ได้อยู่ที่ พล.ต.อ.วิเชียร จะถูกปลดหรือไม่ หรือ ผบ.ตร.คนใหม่จะเป็นใคร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะปลดอย่างไร และทำไมถึงต้องรีบร้อนปลดกันตั้งแต่รัฐบาลยังไม่เริ่มงานจริงจังเลยมากกว่า

เอาประเด็นหลังก่อน เพราะเหตุผลไม่ค่อยซับซ้อน กล่าวคือสาเหตุที่ต้องเร่งเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.ในช่วงนี้ และมีข่าวมาตลอดตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็เพราะ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะเกษียณอายุราชการในปีหน้า (พ.ศ.2555) ขณะที่ พล.ต.อ.วิเชียร มีอายุราชการยาวนานถึงปี พ.ศ.2556 เพราะฉะนั้นถ้าไม่เปลี่ยนตัว ผบ.ตร.เป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ภายในปีนี้ เจ้าตัวก็จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเก้าอี้ ผบ.ตร.อีกแล้ว

เรื่องราวของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ นั้น ไม่ควรมองในแง่ของการเป็นพี่ชายของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ดามาพงศ์) อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เพียงด้านเดียว เพราะหากพูดกันอย่างแฟร์ๆ แล้ว "บิ๊กออฟ" เติบโตในหน้าที่ราชการเพราะฝีมือล้วนๆ ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ นายชวน หลีกภัย

แม้ในห้วงของการไต่ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รองผบ.ตร. จะมีการแต่งตั้งแบบนอกวาระปกติเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่งในระนาบเดียวกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก ถ้าพูดตามความเห็นของข้าราชการตำรวจน้อยใหญ่ในกรมปทุมวัน ต้องบอกว่าพลพรรคสีกากีส่วนมากให้การยอมรับในฝีไม้ลายมือ ความทุ่มเทในการทำงาน และบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อย่างไม่ต้องสงสัย

เรียกว่ามีแต่คนรัก ไม่ค่อยมีคนเกลียด ก็น่าจะพอสรุปได้!

และในห้วงของการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ขึ้นเป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร. (เพราะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนใน ก.ต.ช.ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ทั้งๆ ที่นายกฯในขณะนั้น คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามเสนอชื่อหลายครั้ง) ตอนนั้น พล.ต.อ.ปทีป ยังอาวุโสน้อยกว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เสียอีก

ต่อมาในการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ซึ่งตลอดชีวิตราชการเป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ เพิ่งออกมาเข้าไลน์ "พลตำรวจเอก" ในตำแหน่งประจำ ตร.เมื่อไม่กี่ปีมานี้ และเพิ่งได้เข้าแถวเป็น รองผบ.ตร.ไม่นาน ก็ยังมีข้อกังขาว่า พล.ต.อ.วิเชียร นั้น อาวุโสสูงกว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ตามที่ฝ่ายการเมืองอ้างจริงหรือ

ฉะนั้นหากจะตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ด้วยเหตุผลเพื่อ "คืนความเป็นธรรม" ก็ต้องถือว่า "ฟังขึ้น"

แต่ปัญหาไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เพราะวันนี้หรือสิ้นเดือนกันยายนนี้ เก้าอี้ ผบ.ตร.ไม่ได้ว่างลงเพราะ พล.ต.อ.วิเชียร เกษียณอายุราชการ แต่เจ้าตัวยังมีเวลาทำงานอีกถึง 2 ปี ประกอบกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ก็ไม่ได้บัญญัติไว้ให้แต่งตั้ง ผบ.ตร.จากข้าราชการตำรวจที่อาวุโสสูงสุด เพียงแต่ให้แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอก (มาตรา 51) 

ฉะนั้นเรื่องลำดับอาวุโสจึงเป็น "ธรรมเนียมปฏิบัติ" หาใช่ "กฎหมาย" คำว่า "ความเป็นธรรม" จึงต้องพิจารณาประกอบพอสมควรว่าเป็นความเป็นธรรมแง่ไหน

เพราะที่ผ่านมาก็มีบทพิสูจน์มากมายว่าหลายเรื่องที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย แต่ก็ไม่มีความเป็นธรรม!

ประเด็นต่อมาคือการปลด ผบ.ตร.จะทำอย่างไร เพราะกฎหมายไม่ได้เปิดช่อง "ตรงๆ" ให้ฝ่ายการเมืองทำได้ง่ายนัก ตรวจสอบดูใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และแนวปฏิบัติของฝ่ายการเมืองที่ผ่านมา จะพบว่ามีอยู่ 2 ช่องทาง คือ

หนึ่ง มาตรา 62 การโอนข้าราชการตำรวจไปรับราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น จะกระทำได้เมื่อเจ้าตัวสมัครใจและส่วนราชการหรือหน่วยงานต้องการจะรับโอนผู้นั้น...ฯลฯ แต่ช่องทางนี้ดูจะถูกปิดไปแล้ว เพราะมีข่าวว่าการต่อรองตำแหน่งใหม่ของ พล.ต.อ.วิเชียร ไม่ลงตัว และล่าสุด พล.ต.อ.วิเชียร ก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ลาออก (จากตำแหน่ง ผบ.ตร.) 

สอง มาตรา 61 ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือส่วนราชการใด หรือสำรองราชการในส่วนราชการใด โดยให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เดิมและโดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนในตำแหน่งเดิมหรือไม่ก็ได้

ช่องทางนี้ดูจะเข้าทีสำหรับฝ่ายการเมือง แต่การจะออกคำสั่งได้ต้องมี "เหตุ" เสียก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการย้ายไปช่วยราชการเฉยๆ ซึ่งไม่ขาดจากตำแหน่ง ผบ.ตร. หาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้รับแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ก็เป็นได้แค่ "รักษาราชการแทน" เท่านั้น ไม่ได้เป็น ผบ.ตร.อย่างเต็มภาคภูมิว่างั้นเถอะ!

ฉะนั้นจึงต้อง "หาเหตุ" และ "เหตุ" ที่ว่านี้ก็คือ "ความผิด" อย่างน้อยต้องมีการชี้มูลความผิดหรือบกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งในอดีตไม่ใกล้ไม่ไกลก็เคยมีฝ่ายการเมืองทำกับอดีต ผบ.ตร.รายหนึ่งมาแล้ว...และสำเร็จเสียด้วย

นี่คือช่องทางตามกฎหมายที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น "ช่องโหว่" ให้ฝ่ายการเมืองล้วงมือเข้าไป "ปรับ ลด ปลด ย้าย" ได้ถึงเบอร์ 1 กรมปทุมวัน ซึ่งแน่นอนว่าเกมเปิดคลิปบ่อนการพนันและยาเสพติดกันกลางสภา ก็น่าจะเป็นการ "หาเหตุเพื่อการนี้" ซึ่งผลของมันอาจทำให้ พล.ต.อ.วิเชียร ยอมฮาราคีรีตัวเอง เข้าข้อกฎหมายมาตรา 62 ได้เหมือนกัน

ข่าวแว่วว่าถ้าหมากเกมนี้ "บิ๊กน้อย" ยังไม่ถูกน็อค พรรคเพื่อไทยยังมีข้อกล่าวหาว่าด้วยเรื่อง "งบลับ" รออยู่อีกเป็นคิวต่อไป

และหากดำเนินการต่อไปได้จนสุดทาง ย่อมตอบคำถามเรื่องข้อกฎหมายได้ระดับหนึ่ง แต่จะตอบคำถามเรื่องความเป็นธรรมได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่อง...

น่าคิดว่าการคืนความเป็นธรรมให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ โดยการก่อความไม่เป็นธรรมใหม่ขึ้นมา จะเรียกว่าความเป็นธรรมได้หรือ?


///////////////////////////////////////////////////

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง