บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ก๋วยเตี่ยวชามละ 70 แล้วข้าวแกงจะเท่าไร ??


ก๋วยเตี่ยวชามละ 70 แล้วข้าวแกงจะเท่าไร ??
by ณสยาม ,


   ใกล้ตัวใกล้ปากมากขึ้นทุกทีกับนโยบายค่าแรงวันละ 300 บาท หากจะพูดตรงๆ  "กรรมกรเฮ พ่อค้าอ๊วก " เพราะนโยบายนี้กระทบต่อกลุ่มนายทุนเห็นๆ แต่ว่าเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนายทุนแล้ว ในเมื่อมีผู้บริหารอยู่ในมือมากมาย ทางหนีทีใล่เขาคงเตรียมใว้พร้อมหมดคงไม่ปล่อยให้บริษัท เจ็งบรรลัย ล้มละลายหรอก
   ก็ขึ้นอยู่แต่ละกิจการแต่ละมือบริหารว่าจะไปลดต้นทุนส่วนใหนเพื่อจะทดแทนต้น ทุนค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นมา หรือว่าจะไปเพิ่มรายได้ซึ่งแน่นอนต้องอยู่ในใจของนายทุนทั้งหลายที่ต้องการ ผลกำไรจากการประกอบการ
    การเพิ่มรายได้ของคนที่เห็นแก่ตัวคือการเพิ่มราคาขายโดยอ้างถึงต้นทุนขาย ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเขาอาจจะไปปรับลดต้นทุนอื่นชดเชยต้นทุนค่าแรงไปแล้ว ซึ่งในวิธีนี้อาจจะได้สองเด้ง และดูดีในสายตาของคนทั่วไป
    แต่หากว่ากิจการใดไม่สามารถที่จะไปลดต้นทุนอื่นได้เพื่อชดเชยค่าแรงที่เพิ่ม ขึ้นมาก็จะปรับราคาสินค้าขึ้นมาเพื่อชดเชย อาจจะเข้าทางทฤษฏีสองสูง ของเจ้าสัว ค่าแรงสูง ราคาสินค้าสูง คู่กันไป แต่หากจะมองให้ลึกลงไปจริงๆแล้ว ผู้ประกอบการจะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์มากกว่าผู้ใช้แรงงาน
   แต่หากมามองในฐานะลูกจ้างการปรับค่าแรงขึ้น 300 บาท/วัน หากว่าสินค้าอื่นไม่ปรับตามถือว่าค่าครองชีพยังเท่าเดิมยอมจะมีเงินใช้มากขึ้นหรือว่าจะเหลือว่าเป็นเงินออมมากขึ้นเช่นกัน
   แต่ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในเมื่อค่าแรงขึ้นตามธรรมชาติของนายทุนก็ จะขึ้นราคาสินค้าควบคู่กันไปซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ให้สินค้าอื่นๆแห่ขึ้น ตามกันมาทั้งหมด ผลสุดท้ายหรือท้ายสุดผลกระทบก็มาสู่ตัวเราเอง จากค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น
   จากข่าวการปรับค่าแรง 300 บาท/วัน จะส่งผลให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 40% และส่งผลให้ราคาอาหารปรับเพิ่มขึ้น 40% นั้นหมายความว่าก๋วยเตียวจากปกติชามละ 35-40 บาท อาจปรับเป็น 60-70 บาท
      หากก๋วยเตี่ยว ชาม 70 บาทจริง ข้าวแกง ปกติจานละ 35-40 บาทเหมือนกัน ก็คงจะเพิ่มขึ้นพอๆกับราคาก๋วยเตี่ยว คือต่อไป ข้าวแกงก็คงจะจานละ 70 บาท
     หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านพอจะรับได้หรือไม่ ??
  คนที่มีรายได้สูงคงมีผลกระทบบ้างเล็กน้อยจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นเพราะการใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามตัวสินค้าที่ปรับขึ้น
   แต่ถ้าคนที่มีรายได้ต่ำจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คิดง่ายๆหากท่านทานข้าววันละสามมื้อ หากมื้อละ 70 บาท จะตกวันละ 210บาทซึ่งหากรวมค่าน้ำไปด้วยจะประมาณ 231 บาท เทียบเท่ากับ 77% ของรายได้ต่อวัน คือ 300 บาท เพราะฉนั้นจะมีเงินเหลือแค่ 69 บาท/วัน เท่านั้นเอง
   นโยบายการปรับค่าแรงของรัฐบาลใหม่หากจริงใจจะทำและต้องการทำให้ดี ต้องการปรับเพื่อกรรมกรผู้ที่มีรายได้น้อยที่ไม่ถึง300บาทต่อวันจริงๆ
  สิ่งที่ต้องทำ รัฐบาลใหม่ต้องควบคุมราคาสินค้าให้ได้ ไม่ให้มีการปรับราคาให้สูงขึ้น
   หากรัฐบาลใหม่ทำได้ ก็หวังว่า ราคาก๋วยเตี่ยวและข้าวแกง ก็คงจะไม่ถึง 70 บาท นะครับ
  
      ขอบคุณภาพจากhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bless&month=12-04-2008&group=9&gblog=2

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง