บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ดร.ณรงค์ เปรียบ 'ประชานิยม' แบบลูกกวาด รสหวาน กินมากฟันผุ


กรรมการสมัชชาปฏิรูป จวกนโยบายประชานิยมทุกพรรคล้วนเฟ้อฝัน แฝงเร้น ไม่มีการมองไปข้างหน้า คิดแต่จะแจกอย่างเดียว ตั้งคำถาม “ไม่จ่ายภาษีจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายสวัสดิการ?” 

วันที่ 17 มิถุนายน เครือข่ายพลเมืองอภิวัตน์ ร่วมกับ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สำนักงานปฏิรูป และอีกหลายองค์กรร่วมจัด เวทีพลเมืองอภิวัตน์ คนเปลี่ยนประเทศเปลี่ยน “20 คมความคิด 20 ปฏิบัติการเปลี่ยนประเทศไทย”  ณ ห้องประชุมชั้น3 อาคารเอนกประสงค์1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวในหัวข้อ ประชานิยมจะพาชาติล่มหรือจะพาชาติรอด ว่า จากที่ได้ศึกษานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง ต้องถามถึงแหล่งที่มาของเงินในนโยบายด้วย เช่น ปัญหาที่จะตามมา การประกาศว่าจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หากนายจ้างไม่จ่ายเงินตามนโยบายจะทำอย่างไร โดยเฉพาะการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
"ทุกพรรคการเมืองใช้นโยบายประชานิยมที่แฝงเร้น ประชานิยมไม่ได้มีความหมายเพื่อประชาชน แต่กลายเป็นประโยชน์แฝงของนักการเมือง เปิดโอกาสให้พ่อค้า นายหน้า นายทุน เข้ามาหาโอกาสจากช่องว่าง ด้วยอำนาจเหนือตลาด เช่น คนผลิตไข่ไก่รายใหญ่ในประเทศมีอยู่ 7-8 ราย มี 4-5 รายสามารถกำหนดราคากลางไข่ได้ หรือเรื่องน้ำมัน ปตท. ขึ้นราคาตามตลาดโลก แต่เมื่อตอนราคาลงกลับบอกว่า อีก 10 วันถึงจะปรับลงโดยอ้างว่า ของเก่ายังขายไม่หมด ที่สุดแล้วจึงถูกเบียดบังโดยผู้มีอิทธิพลเหนือตลาด ที่ไม่มีพรรคใดกล้าประกาศว่า จะจัดการอำนาจเหนือตลาดเหล่านี้ หรือจะจัดการคอร์รัปชั่นอย่างไร”
กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวอีกว่า ประชานิยมลูกกวาดของพรรคต่างๆ ไม่มีการมองไปข้างหน้า คิดแต่จะแจกอย่างเดียว ไม่มีหลักประกันได้ว่า ทำไปแล้วจะเกิดความพอเพียง มันจะไปไม่รอด คนยากจนคนมีปัญหาต้องมีระบบช่วยเหลือมาชดเชย และต้องไม่ใช่ประชานิยมเช่นนี้ ซึ่งการสร้างประชานิยมแบบลูกกวาดแบบ นี้จะกลายเป็นขนมที่ไร้ประโยชน์ รสหวาน กินมากฟันผุ ถามว่า มีเด็กคนไหนบ้างไม่ชอบ แต่เราควรคิดได้มากกว่าเด็กใช่หรือไม่
"ถึงสิ่งที่เป็นห่วงอีก 10 ปีข้างหน้า โลกจะประสบปัญหาอาหารราคาแพง และปัญหาผู้สูงอายุ โดยจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันชาวนาไทยมีอายุโดยเฉลี่ย 50 ปี  อีก 10 ปี ชาวนาแก่ลงจะทำนาอยู่หรือไม่ยังเป็นปัญหาที่น่าคิด ชาวนาอาจจะขายที่ ทำให้ที่ดินตกไปอยู่ในมือบริษัทเอกชน และส่งผลต้องเช่าที่ดินทำนา"
กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่ทำเพื่อประเทศชาตินั้น สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ ปัญหาหลักของชาติคืออะไร ทุกวันนี้นโยบายพรรคการเมืองไม่เคยตั้งโจทย์ถึงปัญหาหลักของชาติ ไม่มีการศึกษา ไม่คำนึงถึงงบประมาณ เสนอสิ่งที่ถูกใจโดยไม่คำนึงว่า ถูกต้องหรือไม่
"นโยบายที่ดีที่ถูกต้อง ฟังแล้วอาจจะไม่ถูกใจ คือ นโยบายที่ต้องวิเคราะห์ว่า ปัญหาหลักคืออะไร เราสรุปว่า ปัญหาของสังคมไทยตอนนี้คือความไม่เป็นธรรมในทุกมิติ ความเหลื่อมล้ำใน5มิติ รายได้  สิทธิ โอกาส เป็นต้น เราวิเคราะห์กันว่า แกนกลางของความเหลื่อมล้ำอยู่ที่ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ถ้าจะยกระดับความเป็นธรรมขึ้นมา ต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจให้คนมีอำนาจมากน้อยลง และเพิ่มอำนาจต่อรองให้ผู้มีอำนาจน้อย ไม่ว่าจะรัฐกับรัฐ รัฐกับประชาชน ประชาชนกับประชาชน หรือระหว่างหญิงกับชาย” รศ.ดร.ณรงค์ กล่าว และว่า ดังนั้น พรรคการเมืองต่างๆ ต้องแสดงความจริงใจ ส่งเสริมอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ส่งเสริมเรื่องรัฐสวัสดิการ ที่ไม่ใช่การลด แลก แจก แถม
สำหรับเรื่องรัฐสวัสดิการ รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวว่า ต้องอาศัยงบประมาณ และภาษี และแรงผลักดัน ประเทศสวีเดนแค่เกิดมาอายุหนึ่งเดือนก็มีเงินเดือนแล้ว เพราะรัฐต้องรับจ้างประชาชนสร้างสวัสดิการให้ โดยการจ่ายภาษีแพงถึง28% เก็บภาษีส่วนบุคคลก็เก็บแบบขั้นบันได ยิ่งรายได้มากยิ่งจ่ายมาก ดังนั้นเมื่ออยากได้สวัสดิการมากต้องจ่ายแพง แต่บ้านเราแจกมากมายทั้งที่ภาษีลดหรือไม่เก็บ แล้วเอาเงินสวัสดิการจากไหน
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า คนไทยไม่อยากได้รัฐสวัสดิการ เพราะไม่อยากจ่ายภาษีเพิ่ม โดยการอ้างว่า ไม่พร้อมทั้งประชาชนและเอกชน ขณะที่พรรคการเมืองที่ทำนโยบายลดภาษี ก็แหกตา เนื่องจากความจริงใน การสร้างรัฐสวัสดิการจะต้องประกอบด้วย 3 ฝ่ายคือ รัฐ ธุรกิจ และชุมชน อีกทั้ง ต้องมี 3 ลักษณะคือ 1. บริการทุกประเภทอย่างถ้วนหน้าโดยบริการฟรีหรือราคาถูกมาก 2.สงเคราะห์สังคมคนแก่ผู้ด้อยโอกาสทุกกลุ่มอย่างพอเพียงและถ้วนหน้า 3.เก็บภาษีหลายประเภทและอัตราภาษีสูง นอกจากนี้แรงจูงใจด้านการลงทุนก็มีส่วนด้วย จะเห็นว่า  รัฐสวัสดิการสร้างกันไม่ได้ง่าย ต้องใช้เวลา รัฐที่จะเกิดรัฐสวัสดิการต้องมีพรรคการเมือง มีมวลชน เช่น การมีพรรคแรงงาน ซึ่งนโยบายแบบนี้ไม่มีทางมากจากพรรคนายทุนได้
"ทั่วโลกกำลังตื่นตัวว่าเงินดอลลาร์จะกลายเป็นเศษกระดาษ  นี่เป็นสาเหตุว่า จีนเริ่มกักตุนทองและแร่โลหะสำคัญ เพื่อค้ำค่าเงินของตัวเอง ชาวบ้านต้องไม่ละเมอเพ้อพกกับเงินเล็กน้อยที่นักการเมืองให้ แค่เรื่องทรัพยากรของชาติสมควรที่จะต้องมีพรรครักษาผลประโยชน์ประชาชนมากกว่าที่จะกอบโกย แต่ก็กลับไม่สนใจประชาชน ดังนั้น การเลือกตั้งในครั้งนี้จะต้องเป็นการเลือกตั้งแบบเปลี่ยนผ่านถึงจะได้ผล"

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง