ความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่แสดงเจตนามุ่งมั่นที่จะผลักดันกฎหมาย ให้มีการนิรโทษกรรมแก่ทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารเมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2549 โดยอ้างว่า เพื่อสร้างความปรองดองในชาติถูกจับตาและตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนอำพรางเป้าหมายที่แท้จริงที่ต้องการ ฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลาย เมือง ตลอดจนเป้าหมายเพื่อปูทางไปสู่การทวงทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน
นอกจากพรรคเพื่อไทยแล้วยังมีอีกหลายพรรคการเมืองฉวยโอกาสอาศัยประ เด็นในเรื่องการสร้างความปรองดองมาเป็นจุดขายในการณรงค์หาเสียง สร้างคะแนนนิยมแบบตีกินอย่างฉาบฉวย โดยที่ไม่เสนอแนวทางที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองที่ชัดเจนได้ อย่างแท้จริงซึ่งสร้างความสับสนต่อสาธารณชนเป็นอย่างมากและอาจสร้าง ความเบี่ยงเบนในผลการเลือกตั้งทั่วไปที่จะออกมา
ทั้งนี้ไม่มีใครในชาติบ้านเมืองไม่อยากเห็นประเทศมีความสงบและ เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง แต่การสร้างความปรองดองต้องมีแนวทางที่ชัดเจนและไม่มีเป้าหมายแอบ แฝงทางการเมืองด้วยการออกกฎหมายเพื่อลบล้างโทษความผิดให้กับบุคคลใด บุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่กระทำผิดขั้นร้ายแรงโดยอ้างคำว่า"ปรอดอง"และพยายามพ่วงข้ออ้างการ นิรโทษกรรมความผิดแก่"ทุกฝ่าย"มาเป็นตัวประกันสร้างความชอบธรรมเพื่อ อำพรางเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริง
การที่พรรคเพื่อไทยมุ่งที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ พ.ต.ท.ทักษิณส่อเจตนาอำพราง เป้าหมายที่แท้จริงและถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่านอกจากจะเป็นการทำลายหลัก นิติรัฐแล้วที่สำคัญแทนที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองอย่างที่พายาม สร้างภาพหาเสียงกลับตรงกันข้ามจะยิ่งเป็นชนวนนำไปสู่ความแตกแยกใน ชาติที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นจากการออกมาต่อต้านการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณของพลังมวลชนจำนวนไม่น้อยจนอาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงใน บ้านเมือง
นอกจากนี้ การสร้างความปรองดองที่แท้จริงจะต้องไม่ใช้กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมายและ ใช้ความรุนแรงกดดันเพื่อฟอกผิดให้เป็นถูกเหมือนที่ผ่านมา และควรปล่อยให้การพิสูจน์ข้อเท็จจริงความผิดถูกเป็นไปตามขบวนการ ยุติธรรม
ที่สำคัญสถานการณ์บ้านเมืองจากนี้ไปไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการ หยิบยกเรื่องการนิรโทษกรรมซึ่งซ่อนเป้าหมายที่แท้จริงเพื่อฟอกโทษ ความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณอันเป็นระเบิดเวลาทางการเมืองที่มีความอ่อนไหวมาจุดชนวน โหมไฟวิกฤติความแตกแยกในชาติให้ลุกโชน ทั้งๆที่บ้านเมืองยังมีปัญหาของชาติและประชาชนอีกมากมายที่รอการแก้ไข เพื่อเดินไปข้างหน้าหลังจากที่บอบช้ำเสียหายมาอย่างยัยเยินในช่วงหลาย ปีที่ผ่านมาจากการเผาบ้านทำลายเมือง
ทั้งนี้การที่ไม่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความแตกแยกก็ถือ เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดอง ดังนั้นจึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าพรรคเพื่อไทยยังจะดันทุรังผลักดันให้ มีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อฟอกโทษความผิด ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่โดยเฉพาะหากได้ครองอำนาจบริหารประเทศหลังการเลือกตั้ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น