มาตรา 112 โดยการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์
ในขณะนี้มีสภาพไม่ต่างไฟป่าที่ตีโอบล้อมเข้าสู่ศูนย์กลาง
คือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พานให้ร้อนไปถึงเก้าอี้ผู้ปกครองสถาบันบ่มเพาะการศึกษาด้านการเมือง
การปกครองอันเก่าแก่ อย่าง “อาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์”
“วันนี้คนไทยพูดเรื่องมาตรา 112 กันมาก แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
รองนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่า
กลุ่มนิติราษฎร์มีเจตนาไม่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีคนมาเผาหุ่น
อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ที่คณะนิติศาสตร์ ในการเปิด หอประชุมเล็ก
ก็ยังมีคนมาคาดคั้นให้กลุ่มนิติราษฎร์ต้องตอบคำถามให้ได้ ซึ่งเป็น
ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น”
เป็นอธิการฯ มธ.ก็ลำบากหน่อย เพราะ 1.แสดงความไม่เห็นด้วยทางวิชาการ
กับนิติราษฎร์ก็มีคนออกมาประท้วง ด่าและข่มขู่คุกคาม ให้ปลดจากตำแหน่ง
2.อนุญาต
ให้นิติราษฎร์ใช้ที่มหาวิทยาลัยก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมากดดันคัดค้านต่อว่า
3.เห็นว่าควร พอได้แล้วกับ 112 (หลังจากอนุญาตไปแล้ว 4-5 ครั้ง)
คนกลุ่มแรกก็ออกมาอีก 4.เห็น ว่าไม่ควรไล่ล่าแม่มดก้านธูป
คนกลุ่มแรกออกมาชม คนกลุ่ม 2
ออกมาว่าอีกสังคมไทยไม่ยอมให้คนยืนบนความถูกต้องและพอดีพองามเลยหรือ
ไง..อาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว
หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ให้โอกาสนิติราษฎร์ใช้สถานที่ในการจัดงานเสวนามาหลายครั้งแม้ว่าตัว
อธิการบดีเองจะไม่เห็นด้วยในเรื่องของการแก้ไข มาตรา 112
แต่ก็มองว่าธรรมศาสตร์เป็นสถานที่เปิดกว้างในด้านของความคิด แลกเปลี่ยน
ในเชิงวิชาการแต่เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกแปลประเด็นไปในเชิงการเมือง
สร้างให้เงื่อนไขจน
ธรรมศาสตร์เองแทบลุกเป็นไฟเพราะการเปิดกว้างทางความคิดครั้งนี้
สุดท้าย อ.สมคิด ต้องสั่งระงับการใช้พื้นที่ของกลุ่มนิติราษฎร์
โดยฉับพลันเพื่อไม่
ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้เพราะไม่ว่าบรรดาศิษย์เก่าและปัจจุบัน
ได้ออกมา ต่อต้านการกระทำของคณะนิติราษฎร์อย่างรุนแรง
ที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัย สร้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวแก้ไขกฎหมายอาญา
มาตรา 112 ทั้งที่มีการเรียกร้องให้สอบวินัย
และปลดคณาจารย์ที่ร่วมในกลุ่มนิติราษฎร์ด้วย
สำหรับในเรื่องดังกล่าว อาจารย์สุวินัย ภรณวลัย
อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ได้แสดงความเห็นผ่านบันทึกชื่อ
“วิพากษ์ผู้วิพากษ์” และนำไปแบ่งปันบนเฟซบุ๊กของนายสมคิด มีเนื้อหาว่า
“มีหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ห้ามกลุ่มนิติราษฎร์เคลื่อนไหวเรื่อง ม.112
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกต่อไป โดย มองว่า
เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
นี่ก็เป็นมุมมองหนึ่งที่เข้าใจได้ครับ
แต่ผมอยากให้พวกเรามองอีกมุมมองหนึ่งด้วยว่า การที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ต้องออกมาตรการนี้ คงเป็นกรณีฉุกเฉินเพราะเกรงว่าอาจจะลุกลามจนกลายเป็น ‘6
ตุลาครั้งที่สองได้’ และถ้าจะเกิดก็คงจะเกิดที่ธรรมศาสตร์เหมือนเมื่อปี
2519...เพราะฉะนั้น ผมจึงมองว่ามาตรการนี้ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยเป็น
‘การตัดไฟแต่ต้นลม’ มากกว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพครับ
เพราะที่ผ่านมาธรรมศาสตร์ก็เปิดโอกาสให้กลุ่ม
นิติราษฎร์ใช้ธรรมศาสตร์เป็นที่เคลื่อนไหวมาหลายครั้งแล้ว...สรุปก็คือผม
เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยครับ”
ในด้านของฝ่ายต่อต้านการตัดสินใจของอธิการบดี
ซึ่งเห็นว่าคำสังนี้เป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพทางความคิด
ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสถาบันแห่งนี้ อย่างองค์การ
นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.)
ได้มีการออกหนังสือคัดค้านว่าองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.)
ขอแสดงจุดยืนที่มีต่อ มติดังกล่าว ดังนี้
1) อมธ. ร้องขอให้ทบทวนมติของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย
ตามที่ท่านอธิการบดีได้ระบุไว้ข้างต้น
เพราะมติดังกล่าวมีเนื้อหาที่กระทบต่อสาระสำคัญแห่ง
สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
2)
มหาวิทยาลัยเปรียบได้กับห้องทดลองในทางสังคมศาสตร์เป็นสถานที่หลัก
ในการขับเคลื่อนพัฒนาการในทางวิชาการ เปรียบได้กับพัฒนาการในทางวิทยาศาสตร์
ที่ต้องอาศัยห้องทดลองเป็นสำคัญ
การไม่อนุญาตให้บุคลากรในมหาวิทยาลัยแสดงความคิดเห็นย่อมไม่ต่างอะไรกับการ
ทำลายเสาค้ำยันในความเป็นมหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพในทางความคิดทิ้งไป
3) เพื่อความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้ท่านอธิการบดี
ชี้แจงถึงมติดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการทั่วไป ทั้งนี้
เพื่อความเข้าใจโดยทั่วกัน
สุดท้ายนี้ อมธ.
ยังคงยืนยันในจุดยืนแห่งการมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความ
คิดเห็นภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเรายังคงเคารพในความเห็นที่แตกต่าง
ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใดก็ตาม
ตราบเท่าที่ความคิดเห็นเหล่านั้นยังคงอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
ทั้งนี้ อมธ. ในฐานะผู้แทนของนักศึกษาซึ่งมีความหลากหลายทางความคิด
ขอรับรองว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ใช่กลุ่มทางการเมืองใด
และไม่มีกลุ่มทาง การเมืองใดเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หากแต่ความสวยงามในความคิดเห็นที่แตกต่างคือภาพสะท้อนแห่งความเป็น
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่แท้จริง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะจบลงในรูปแบบไหนก็ถือว่าไม่มีถูก ไม่มีผิด
หากเป็นเพียงเรื่องของวิชาการองค์ความรู้
หากแต่ถูกเชื่อมโยงไปในประเด็นการเมืองก็นับว่าน่าเป็นห่วงเพราะเป็นเรื่อง
ที่บอบบางและเกี่ยวเนื่องกับสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนทั้งประเทศ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น