บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขของอังกฤษ

ผลพระคุณ ธ รักษา
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุขของอังกฤษ
                                                                          ศ.ดร.บวรศักดิ์  อุวรรณโณและคณะ
ถ้า ศึกษาประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญอังกฤษ สถาบันทุกสถาบันในอังกฤษเกิดจากพระราชอำนาจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา ศาล หรือคณะรัฐมนตรี ก็พัฒนามาจากสภาที่ปรึกษาของกษัตริย์ (Curia Regis ค.ศ. 1066-1215) ทั้งสิ้น จริง ๆ คณะรัฐมนตรีอังกฤษในทางกฎหมายถือว่าเป็นกรรมการชุดหนึ่งของคณะองคมนตรี (Privy Council) เท่านั้นที่เรียกว่า Cabinct Council ใน ค.ศ. 1605 แต่ว่าในอังกฤษนั้นการปกครองนั้นใช้ธรรมเนียมประเพณีการปกครองมากกว่ากฎหมาย
ในอังกฤษซึ่งเป็นต้นแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเริ่มจริง ๆ คือหลัง ค.ศ. 1832 แล้วว่ากันในอันที่จริงก็คือ ค.ศ. 1867 เมื่ออังกฤษก้าวเข้าสู่ประชาธิปไตยยุคใหม่ โดยมีการปรับระบบเลือกตั้ง ขยายสิทธิเลือกตั้งไปทั่วประเทศจึงถือว่าเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ดังนั้น คำว่า Constitutional Monarchy หรือระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญก็เกิดขึ้นหลัง ค.ศ. 1867 นั่นแหละ
ใน อังกฤษนั้นมีหลักที่ถือกันเป็นหลักทั่วไป  จนกระทั่งมีอิทธิพลถึงเมืองไทยด้วยก็คือหลักที่ว่า  เมื่อพระมหากษัตริย์อังกฤษทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญจารีตประเพณี  ก็จะไม่ทรง มีพระราชดำริทางการเมือง  แต่จะทรงทำตามคำ แนะนำของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี  ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน  โดยกระบวนการที่เรียกว่าการลงนามสนองพระบรมราชโองการ (Counterseign)  เมื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นคนทูลเกล้าถวายคำแนะนำก็จะต้องรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายและการเมืองแทนองค์สมเด็จพระราชินีนาถ  จึงมีหลักว่า สมเด็จพระราชินีนาถอังกฤษไม่ทรงกระทำผิดหรือหลัก The Queen Can Do No Wrong  ก็เพราะว่าถ้ามี Wrong เกิดขึ้นหรือความผิดเกิดขึ้นคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือนายกรัฐมนตรีคนทูลเกล้าถวายคำแนะนำนั่นแหละ  จะปัดไปให้สมเด็จพระราชินีนาถไม่ได้
เพราะ ฉะนั้นในอังกฤษถือหลักนี้เคร่งครัดมาก  พระมหากษัตริย์อังกฤษหรือสมเด็จพระราชินีนาถจะทรงมีพระราชอำนาจที่ไม่ต้องทำ ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีอยู่น้อยมาก  แม้กระทั่งพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์หรือพระราชินีนาถอังกฤษยังต้องให้ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบก่อนจะมีพระราชดำรัส  ในหนังสือเรื่อง “Constitutional Practice” ของนาย Rodney Brazier  พูดไว้ชัดเลยว่ามีพระราชดำรัสเพียงสององค์เท่านั้น  ที่พระราชินีนาถมีพระราชอัธยาศัยอย่างไรจะรับสั่งอย่างไรก็ทำได้
องค์แรกก็คือ Christmas Broadcast หรือพระราชดำรัสในวันคริส์ตมาสต่อประชาชนชาวคอมมอนเวลส์ (Commonwealth) หรือ เครือจักรภพอังกฤษ  แต่ถ้าเป็นพระราชดำรัสคริสต์มาสต่อคนอังกฤษก็ไม่ได้รับยกเว้น  ราชเลขาธิการต้องส่งพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชินีนาถไปให้นายกรัฐมนตรีเห็น ชอบก่อน  กับองค์ที่สองคือ สิ่งที่อังกฤษเรียกว่า Commonwealth Day Message หรือพระราชดำรัสวันเครือจักรภพ  สมเด็จพระราชินีนาถจะรับสั่งอะไรกับชาว Commonwealth  ก็ได้  มีสองพระราชดำรัสนี้เท่านั้นที่จะเห็นได้ว่าพระราชินีนาถมีพระราชอัธยาศัยจะ รับสั่งอย่างไรก็ได้ และถามว่าธรรมเนียมนี้ทำหรือไม่ในประเทศไทย คำตอบว่าไม่เคยมีการทำในประเทศไทย เพราะ พระราชดำรัสทุกองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น รัฐบาลไม่เคยตรวจ รัฐบาลไม่เคยไปถวายคำแนะนำ เป็นพระราชดำรัสที่ออกมาจากพระองค์เองทั้งนั้น จะเอาประชาธิปไตยไทยไปเทียบกับประชาธิปไตยอังกฤษร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นคงทำไม่ ได้
ดัง นั้นในอังกฤษกลไกที่จะทำให้สถาบันที่สืบราชสมบัติอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่ มีการเลือกตั้งโดยประชาชนและประชาชนเป็นใหญ่ทางการเมืองได้นั้น ก็คือพระมหากษัตริย์ต้องไม่มีพระราชดำริทางการเมืองแล้วก็ทำตามคำแนะนำของ รัฐบาลคือนายกรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกตั้งมา แต่ว่ากระนั้นก็ตาม อำนาจที่รัฐบาลอังกฤษ ใช้ทั้งหมดวันนี้เป็นพระราชอำนาจของกษัตริย์อังกฤษที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล ที่ยังไม่มีกฎหมายที่สภาตราขึ้นออกมาแก้ไขทั้งสิ้น ที่เรียกว่า The Royal Prerogative หรือ พระราชอำนาจไม่ว่าจะเป็นพระราชอำนาจในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต พระราชอำนาจในการประกาศสงคราม พระราชอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการ พระราชอำนาจในการเรียกประชุมสภา พระราชอำนาจในการยุบสภา แต่ว่าทรงใช้ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อสังเกต  2 ประการ คือ
         ประการ แรก อังกฤษคงจารีตประเพณีเดิมเป็นพัน ๆ ปีเอาไว้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยจึงทำให้ลักษณะของกษัตริย์อังกฤษหรือ สมเด็จพระราชินีนาถอังกฤษไม่เหมือนกับกษัตริย์ที่อื่น ยกตัวอย่างเช่น  การที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธทรงเป็นประมุขของศาสนจักรอังกฤษที่เรียก ว่า Church of England   ถามว่าพระเจ้าแผ่นดินประเทศอื่นเป็นประมุขศาสนจักรหรือไม่ คำตอบคือไม่ แต่ว่าอังกฤษเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8 ออกกฎหมายมาประกาศตัวแยกออกจากพระสันตะปาปาที่วาติกัน แล้วก็สถาปนาพระองค์ท่านเองเป็นประมุขของ Church of England  วันนี้สมเด็จพระราชินีนาถยังเป็นผู้แต่งตั้งสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่ (The Archbishop of Canterbury) แล้ว ก็ไม่ขึ้นกับวาติกัน หรือ ตัวอย่างหนึ่งซึ่งเราจะเห็นได้ว่าอังกฤษคงเอาไว้ก็คือ ในอังกฤษคนที่แถลงนโยบายของรัฐบาลอังกฤษไม่ใช่นายกรัฐมนตรี  คนที่แถลงคือสมเด็จพระราชินีนาถทรงแถลงในวันเปิดสมัยประชุมสภา โดยทรงเครื่องราชขัตติยภูษาภรณ์เต็มยศเสด็จพระราชดำเนินเข้ามาในที่ประชุม ของสภาขุนนางหรือ House  of  Lords ประทับ บนพระที่นั่งที่เรียกว่าพระที่นั่งหนังแกะ บนพระราชบัลลังก์ซึ่งเป็นไม้ในสภาขุนนางนั้น  แล้วขุนนางก็ใส่วิกนั่งอยู่เต็ม นายกรัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎรเข้าสภาขุนนางไม่ได้  เพราะว่าเป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณพันปีแล้วว่าสมาชิกที่จะเข้าสภาขุนนางได้ ต้องเป็นขุนนาง  เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีอังกฤษและประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องยืนอยู่นอก ห้องเกาะราวประตู  แล้วสมเด็จพระราชินีนาถก็จะทรงรับพระราชดำรัสที่นายกรัฐมนตรีร่างถวายนั้น มาทรงอ่านในสภาขุนนางโดยประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานสภาสามัญและนายก รัฐมนตรีเกาะราวประตูฟังอยู่  ว่ารัฐบาลของข้าพเจ้า  จะออกกฎหมายนี้ในสมัยประชุมนี้เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลของข้าพเจ้า (My Government) เกิดความสำเร็จขึ้นได้         
นี่เรียกว่า Speech From The Throne หรือพระราชดำรัสจากราชบัลลังก์ เมืองไทยก็เคยทำแบบนี้อยู่ระหว่างปี 2493-2500 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงแถลงนโยบายแบบนี้ในสภาเหมือนของอังกฤษแล้วมายกเลิกเอาตอน พ.ศ. 2500  เพราะฉะนั้นถ้าท่านไปค้นพระราชดำรัสในพิธีเปิดสมัยประชุมสภาของประเทศไทยก่อนปี 2500 จะ พบว่านโยบายของรัฐบาลไทยนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงแทนรัฐบาลบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ในพระที่นั่งอนันตสมาคม ทำนองเดียวกับสมเด็จพระราชินีนาถอังกฤษทรงแถลงนโยบายรัฐบาลอังกฤษในที่ ประชุมของสภาขุนนาง.
ขอขอบคุณ เดลินิวส์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง