คนไทยทุก
คนมีบุญที่ได้เกิดมาและอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวง
เพราะนอกจากพระองค์จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่สุดประเสริฐ
ปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม เป็น “ผู้ปกครอง”
ที่ไม่มีผู้ปกครองคนใดในโลกเสมอเหมือน พระองค์ยังเป็น “พ่อของแผ่นดิน”
ที่ทุ่มเทการทำงานเพื่อประชาชนอย่างที่ไม่มีผู้ปกครองคนใดในโลกทำได้
ด้วยความรักความห่วงใยในประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่ได้หวังผลทางการเมืองหรืออย่างอื่นเช่นผู้ปกครองทั่วไป
หาก 65 ปีที่ผ่านมา
คนไทยไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่สุดประเสริฐอย่างพระองค์
บ้านเมืองและคนไทยจะเป็นอย่างไรจากปัญหาการเมืองที่รุมเร้าประเทศไทยมาตลอด
พระองค์ขึ้นครองราชย์ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของ “คณะราษฎร” สองฝ่าย ที่ต่อสู้กันมาภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นผลสำเร็จ
บ้านเมืองระส่ำระสายเพราะการต่อสู้ทางการเมือง
พระมหากษัตริย์หนุ่มต้องยืนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจาก
การแย่งชิงอำนาจของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองตอนนั้น
พระองค์ต้องรับแรงถาโถมทางการเมืองมากมายเพราะคำสัญญาว่า
“จะไม่ทอดทิ้งประชาชน”
สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้น คนไทยไม่รู้จะพึ่งใคร
นอกจากพระเจ้าอยู่หัวของพวกเขา
อันสะท้อนออกมาเป็นเสียงตะโกนของคนไทยผู้หนึ่งว่า “ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน”
นับแต่วันนั้นมา
ในหลวงไม่เคยทั้งประชาชนเลย
แม้ว่าภยันตรายทางการเมืองจะรายล้อมรอบตัวพระองค์ และ
“อะไรก็เกิดขึ้นได้กับพระองค์” แม้แต่ถึงชีวิตถัดจากยุคคณะราษฎรสองฝ่าย
พระองค์ต้องเผชิญหน้ากับเผด็จการทหารเบ็ดเสร็จครองเมืองที่ทั้งข่มขู่กดดัน
พระองค์ แสดงอำนาจบาตรใหญ่เหนือพระองค์
และพร้อมที่จะเป็นภยันตรายต่อพระองค์ทุกเมื่อเช่นกัน
พระองค์ต้องดำรงสถานะพระเจ้าแผ่นดินอยู่อย่างกล้ำกลืนเพื่อให้ประชาชนมีที่
ยึดเหนี่ยว
และทรงแปรความกล้ำกลืนเป็นการออกบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรทุกหัว
ระแหงทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า
“พวกเขายังมีพระเจ้าอยู่หัวอยู่กับพวกเขา”
ยุคลัทธิคอมมิวนิสต์แผ่เข้าสู่ประเทศไทย
พระองค์ต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองอีกครั้ง
เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งลัทธิคอมมิวนิสต์จะต้องทำลายและล้มล้าง
ตามสูตรการปฏิวัติประชาชนที่ทำกันมาในหลายประเทศ
ทั้งที่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ควรถูกยกเว้นการโค่นล้มทำลายและ
เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่นอกเหนือนิยามการถูกทำลายของลัทธิ
คอมมิวนิสต์นี่เอง
ที่ทำให้ในที่สุดลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่สามารถชนะสงครามประชาชนในประเทศไทยได้
เราคนไทยและประเทศไทยจึงรอดพ้นจากการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์มาได้เพราะ
พระองค์ท่านหมดจากยุคลัทธิคอมมิวนิสต์
แทนที่ปัญหาการเมืองจะไม่ต้องไปกระทบพระองค์อีก กลับไม่เป็นเช่นนั้น
การต่อสู้ระหว่างประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตย กับเผด็จการที่ยังตกทอดมา
ก่อให้เกิดวิกฤตการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุการณ์ 14 ตุลา
เหตุการณ์ 6 ตุลา เหตุการณ์พฤษภาปี 35 บ้านเมืองวิกฤตและเสียหายอย่างหนัก
ประชาชนเสียเลือดเสียเนื้อ ใครเล่าจะสามารถดับวิกฤตของบ้านเมืองได้
นอกจากพระองค์
พระองค์ต้องลงมาแก้วิกฤตการเมืองของบ้านเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะไม่อาจทิ้งประชาชนและปล่อยบ้านเมืองให้ลุกลามเสียหายต่อไปได้
การเมืองยังคงวนเวียนอยู่กับพระองค์ทั้งที่ไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้อง
มีใครสำนึกบ้างว่า
พระองค์ทรงยอมเปลืองตัวเพื่อแก้ไขปัญหาการเมืองที่ไม่รู้จักจบสิ้น
เพื่อบ้านเมืองที่พระองค์ทรงฟูมฟักมา
และเพื่อประชาชนที่พระองค์ไม่เคยทอดทิ้ง
จนในที่สุด
วิกฤตการเมืองก็ถาโถมเข้าสู่พระองค์ เมื่อ “การเมืองชั่วร้าย”
หันไปเล่นงานพระองค์
เพราะต้องการอำนาจสูงสุดทางการเมืองโดยที่ไม่ต้องการให้มีใครหรือสถาบันใด
อยู่เหนือกว่าและคอยทัดทาน
การเมืองชั่วร้ายทำลายพระองค์ด้วยการสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชนที่มีต่อ
พระองค์ ก่อเกิดวิกฤตในบ้านเมืองสองปีซ้อนด้วยการจลาจลในปี 2552 และ 2553
สร้างความทุกข์ให้กับพระองค์ที่ทรงห่วงบ้านเมืองและประชาชนมากยิ่งขึ้นในยาม
ที่พระชนมายุมากแล้วและยังทรงพระประชวร
แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อนและสบายพระทัยหลังจากทรงงานหนักและทรงเผชิญกับ
วิกฤตการเมืองมาตลอด 65 ปี
ทั้งที่พระองค์สามารถเอาพระองค์รอดได้ด้วยการลอยตัวออกจากปัญหาการเมือง
แต่เพราะพระองค์ไม่เคยทิ้งประชาชนและไม่อาจปล่อยบ้านเมืองให้เสียหายได้
ทำให้พระองค์ต้องเผชิญคลื่นลมทางการเมืองแทนประชาชนตลอดมา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น