สุภิญญา
"สุภิญญา" ยอมรับเสียงวิจารณ์สังคม "ทหาร"ครอบงำกสทช.มีมูล ชี้สะท้อนภาพกลุ่มอำนาจในสังคม เตือน 11 กสทช.ต้องพิสูจน์ตัวเอง จับตาเสียง 5 นายทหารกสทช.มีเอกภาพในการทำงานหรือไม่
วันที่ 7 ก.ย.2554 น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ว่าที่คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวกับ "ไทยอินไซเดอร์" ถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อกสทช. 11 คน ที่วุฒิสภา (สว.) โหวตเลือกว่าอาจถูกกองทัพครอบงำการทำงาน เนื่องจากมีคนของกองทัพ 5 คน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 คน ได้รับการคัดเลือกว่า ถ้าดูจากสัดส่วน เราจะเห็นว่าทหารมีอยู่ครึ่งหนึ่งจริงๆด้วย เพราะฉะนั้นคำวิพากษ์วิจารณ์ก็มีเหตุมีผล แต่มุมุหนึ่งมันจะเป็นความกดดัน ภาระที่คนที่เป็นสายทหารที่นั่งในกสทช.จะต้องตอบคำถาม และต้องถูกผลักภาระให้เป็นตัวกลางระหว่าง "สาธารณชนกับกองทัพ" คือถ้ามองมุมหนึ่ง มันก็สะท้อนข้อเท็จจริงของสังคมไทย ว่าสภาพของสังคมไทยเป็นยังไง เรื่องสื่อเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วน เพราะฉะนั้นในที่สุด การที่กสทช.เกิดขึ้นได้ ภาพของคนที่นั่งใน 11 คน ก็สะท้อนภาคส่วนต่างๆ เสียงส่วนมากส่วนน้อย จำนวนนายทหารเยอะ มันเป็นภาพสะท้อนย่อยๆของกลุ่มอำนาจต่างๆในสังคม
"ทีนี้ก็ดีแล้ว ที่สังคมวิจารณ์และตั้งคำถาม แล้วก็ควรตั้งไปเรื่อยๆเพื่อให้กดดันการทำงานของกสทช.ให้โปร่งใส ถ้าเรามองว่าเป็นวิกฤต เราก็ควรแปลมาเป็นโอกาสในการทำงาน"น.ส.สุภิญญากล่าว
เมื่อถามว่า ส่วนตัวจะต้องตรวจสอบกันเองระหว่างคณะกรรมการกสทช.หรือไม่ เพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้กองทัพ น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า "แน่นอน...กรรมการ 11 ท่าน ทุกคนก็ต่างมีความเป็นอิสระของตัวเอง ใครบางคนอาจเป็นเสียงส่วนมาก บางคนอาจเป็นเสียงส่วนน้อย แต่ทั้งนี้ผลในภาพรวมเมื่อผลงานออกมาแล้ว ทุกคนก็ต้องแบกรับร่วมกันหมด เพราะถือเป็นชะตากรรมร่วมกันแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนคงพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการที่จะพิสูจน์ข้อครหาของสังคมและความคาดหวังของสังคม ยิ่งถ้าตัวแทนฝ่ายทหารถูกมอง ท่านเองคงอยู่ในจุดที่เป็นสปอร์ตไลท์มากกว่าคนอื่นๆ ทั้งนี้อยู่ที่สื่อมวลชน ประชาชนที่ต้องติดตามตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ กัดไม่ปล่อย มอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง"
"การทำงานต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เห็น ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะถูกวิจารณ์ว่าเข้าไปรักษาสภาพแบบเดิมๆ ตัวดิฉันแม้เป็นสายเอ็นจีโอ ซึ่งอาจเป็นเสียงส่วนน้อย เราเองต้องแบกรับคำวิจารณ์นั้นด้วย เพราะถือเป็นองค์คณะร่วมกัน เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถปฏิรูปเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ได้ ผลของงานจะถูกตัดสินโดยสังคม ประชาชนต่อจากนี้ไป"น.ส.สุภิญญากล่าว
เมื่อถามว่า ส่วนตัวกังวลอะไรหรือไม่ เพราะถือเป็นคณะกรรมการชุดแรกและสังคมตั้งความหวังในการทำงานไว้พอสมควร น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า "ก็กังวลมาก องค์คณะก็เหมือนหลายท่านที่เซอร์ไพร์ส เหนือความคาดหมาย เราเห้นหลายท่านที่ว่าจะได้ก็ไม่ได้ หลายท่านที่ไม่นึกว่าจะได้ก็ได้ เป็นความท้าทายส่วนตัวที่อยากจะรู้ว่าทำงานได้หรือไม่ เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียว และมาจากภาคเอ็นจีโอ และถือว่าอายุยังน้อยอยู่ด้วย ซึ่งเป็นบทบาทใหม่ ต้องแบกภาระสังคม เพราะภาคเอ็นจีโอพูดเรื่องนี้มาเยอะ สังคมก็คาดหวังมากที่สุด คือกลายเป็นว่าสุดท้ายสปอร์ตไลท์อาจมาที่ตัวเองมากที่สุด ถ้าทำอะไรผิดไปนิดเดียวก็จะเสียเลย แต่ส่วนตัวก้พร้อมที่จะทำงาน แม้รู้ว่าจะมีอุปสรรค"
เมื่อถามว่า คะแนนเสียงที่ออกมาสะท้อนถึงภาพของวุฒิสภาที่มีทหารอยู่ด้วยหรือไม่ น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า ต้องไปดูคะแนนละเอียดๆ เพราะบางคะแนนไม่เหมือนกัน บางคนก็์คะแนนเกินครึ่งเป็นร้อย บางคนก็คะแนน 60-70 บางท่านที่ไม่ใช่ทหารคะแนนเกินครึ่งทั้ง 2 กลุ่ม เพราะฉะนั้นต้องไปดูรายละเอียดในการให้คะแนน ในวุฒิสภาเป็นภาพสะท้อนส.ว.สายสรรหากับสายเลือกตั้ง ผลการลงคะแนนจึงไม่เป็นเอกภาพ มันไขว้กัน บางคนได้ทั้งสองสาย หรือแม้แต่ทหารเองทั้ง 5 ท่าน ก็อยากให้ดูต่อไปว่าท่านเป็นเอกภาพหรือไม่
"ผบ.ทบ." แจง "กสทช." ที่ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร ไม่เกี่ยวกับผลปย.ของกองทัพ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องกระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ส่วนใหญ่ที่เป็นชื่อของนายทหารว่า ตนมองว่า ทหารส่วนใหญ่เกษียณอายุราชการแล้ว เมื่ออยากเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่อยากเข้าไปช่วยบ้านเมือง
"อย่าคิดว่าการเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อต้องการปกป้องผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อยากให้มองว่าเป็นการป้องกันประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า เพราะทุกอย่างมีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว"ผบ.ทบ.กล่าว
ผลนับคะแนนเลือก 11 อรหันต์'กสทช.'
สำหรับการลงคะแนนเลือกกสทช. โดยใช้วิธีลับในที่ประชุมส.ว. เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย
ด้านกิจการกระจายเสียง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณณศรี ได้ 73 คะแนน เป็นนายทหารรุ่น ตท.6 รุ่นเดียวกับพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี และพล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ส.ว.สรรหา ในอดีตเคยเป็น เสธ.ทอ. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร สังกัดสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(องค์การมหาชน)
ด้านกิจการโทรคมนาคม 2 คน คือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้ 112 คะแนน อดีตกทช. ปัจจุบันเป็นรักษาการ กสทช. อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และพ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ได้ 118 คะแนน นายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม
ด้านกฎหมาย 2 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ 109 คะแนน และพ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า อดีตผกก.สภ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ได้ 67 คะแนน
ด้านกิจการโทรทัศน์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ 62 คะแนน
ด้านเศรษฐศาสตร์ 2 คน คือ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า อดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน(เศรษศาสตร์ ประจำกทช.) ได้ 110 คะแนน และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ผอ.ศูนย์คอมพิวเตอร์ และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ 58 คะแนน
สำหรับกลุ่มตัวแทนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในส่วนของด้านกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ คือ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ ได้ 95 คะแนน
ส่วนด้านกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม คือ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผอ.สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. ได้ 78 คะแนน
กลุ่มผู้มีผลงาน มีความเชี่ยวชาญประสบการณ์ด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือการพัฒนาสังคม คือ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ 72 คะแนน
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
533664
Search
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน