นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2556 ว่า เริ่มตั้งแต่ต้นปีก็มีประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และเรื่องนี้รัฐบาลคงต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ โดยเป้าหมายคือหาทางออกให้ดีที่สุดด้วยการสร้างอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงตามที่พรรคได้หาเสียงไว้ว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำประชามติ ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน 2 วาระไปแล้วว่าให้แก้ไข ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และรัฐสภา ต้องการคืนอาจประชาธิปไตยให้คนไทยที่ถูกขโมยอำนาจอธิปไตยไปด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร เปลี่ยนคัมภีร์ที่ถูกสร้างไว้เพื่อข่มเหงรังแกลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้เกิดความถูกต้อง ส่วนจะแก้ไขมาตราใดและหน้าตาของรัฐธรรมนูญออกมาเป็นแบบใดสุดท้ายจะจบลงที่ประชาชนต้องเป็นเจ้าของประเทศมีสิทธิในการปกครองประเทศเต็มที่
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้การดำเนินการมาติดกับ เพราะคนที่ไม่ควรยุ่งแต่เข้ามายุ่ง ดังนั้นแนวทางทั้ง 3 ทาง คือ 1.ทำประชามติ 2.สองเดินหน้าโหวตวาระ 3 และ3.แก้ไขเป็นรายมาตรา เท่าที่ทราบมีรายละเอียดประเมิน 9-15 เรื่องที่สำคัญ และบางส่วนพรรคประชาธิปัตย์แก้ไขไปแล้ว แต่สุดท้ายจะเลือกทางใดต้องใช้เวลาให้พรรคสรุปเป็นเอกฉันท์ โดยเจ้าของโจทย์ที่เสนอแต่ละแนวทางต้องนำเสนอให้พรรคทราบที่มาและผลดีผลเสีย จากนั้นจะมีการแบ่งโจทย์ให้ไปศึกษาแล้วนำกลับมาคุยกันว่าวิธีถอดโจทย์หรือแนวทางปฏิบัติของทั้ง 3 ทางจะทำอย่างไร เมื่อชัดแล้วมาตัดให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว โดยมีคำอธิบายข้อดีข้อเสียออกมาก่อนและทำความเข้าใจ ซึ่งตนก็มีโจทย์ของตัวเอง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าทั้ง 3 โจทย์ จะผูกมัดและเกิดผลเสียกับรัฐบาลหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าว สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงไม่เห็นว่าจะมีผลเสียอะไร จะให้อธิบายผลเสียของรัฐธรรมนูญ2550 มีผลเสียอย่างไร จนต้องแก้ไขก็สามารถอธิบายเหตุผลได้ 108 อย่าง เมื่อถามว่าประเมินว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนที่จะแก้ไขแล้วเสร็จ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ และคิดว่าไม่มีใครกำหนดกรอบเวลา เพราะทั้ง 3 โจทย์ ก็มีคนที่เห็นด้วยแตกต่างกัน เป็นเรื่องที่พูดยาก ต่อข้อถามว่าเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านกับโจทย์ที่รัฐบาลสรุปหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแย้งเราได้เลยว่ารัฐธรรมนูญ 2550 มีข้อดีอย่างไร เพราะทุกคนก็เคยพูดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ดี รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยพูดเมื่อตอนหาเสียง แต่ตอนนี้มาเบี่ยงเบนว่าแก้เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อชวนให้เกิดการชุมนุมขึ้นอีก
นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า จากนั้นปลายปีจะมีประเด็นข้อพิพาทในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เนื่องจากศาลโลกจะพิจารณาเรื่องนี้ และมองว่าจะบานปลายเพราะเราก็ไปถอนตัวของคณะกรรมการมรดกโลกแล้วทำให้เรื่องยิ่งบานปลายหนัก และมองว่าเรื่องนี้เราน่าจะเสียเปรียบทางกัมพูชา ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากที่พรรคประชาธิปัตย์ไปสร้างเรื่องเอาไว้ ไปยั่วยุ และเมื่อเราเสียเปรียบกลุ่มพันธมิตรฯก็จะออกมาโหมกระแสว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งๆที่เราไม่เกี่ยวข้องเลย
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++