บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

“ทักษิณ vs รัฐประหาร”การเมืองไทยกำลังแปลงร่างเป็นระบอบทักษิณใหม่


ปลักความคิด ทักษิณ vs รัฐประหาร
แก้วสรร อติโพธิ
ระยะนี้กระแสป่าวร้องป้องปรามรัฐประหารในอนาคต โจมตีรัฐประหารในอดีต กำลังกระหึ่มไปพร้อมๆกับกระแสการกลับมาของคุณทักษิณ ผมเองก็รับฟังเขาไปและโผล่ออกมาร่วมวงเฉพาะที่เกี่ยวกับการทำงานของ คตส.ในคดีคอร์รัปชั่นของรัฐบาลคุณทักษิณเท่านั้น แล้วก็เฝ้าดูว่าหลังจากบุกเบิกสร้างกระแสกันมาอย่างนี้แล้ว คุณทักษิณเขาจะลุยล้มคดีต่างๆเพื่อกลับเข้าประเทศได้หรือไม่อย่างไร เมื่อใด
มาวันนี้ได้อ่านคอลัมน์หนังสือพิมพ์หัวขาวสมองสีแดง พยายามนำเสนอให้รับเป็นทางเลือกว่า คอร์รัปชั่นกับรัฐประหารใครเลวกว่ากัน ถ้ามีนักการเมืองคอร์รัปชั่นแล้วทำไมถึงต้องยอมให้เขารัฐประหารด้วย มันใช่ทางออกแน่หรือ ฯลฯ
การนำเสนอขีดวงความคิดอุ๊บอิ๊บให้เห็นเป็นทางเลือกเช่นนี้ ผมเห็นว่าเลอะมากและไปกันใหญ่แล้ว รัฐประหารนั้นเป็นปัญหาจริงที่ต้องขบคิดจริงอย่าเพิ่งเบื่อหน่าย แต่การเอาแต่พูดเอาแต่ใส่สีตีไข่เรื่องรัฐประหารอยู่ทุกวันนั้นต่างหากที่น่าเบื่อเป็นที่สุดและพาความคิดไปไหนไม่ได้เลย ดังจะขอท้วงติงในทำนองปุจฉา-วิสัชนา ไปโดยลำดับดังนี้
กระแสรัฐประหาร ?
ถาม ตู่ จตุพร คอยประกาศทุกสองอาทิตย์ว่า ปัจจุบันมีการส้องสุมจะก่อรัฐประหารในปลายปีนี้ ล่าสุดนี่เติมรายละเอียดว่ามีการส่งกองกำลังไปฝึกที่อิสราเอลเลยทีเดียว
ตอบ หมอนี่มีแต่ข่าวใส่ไข่ตลอด เห็นเคยบอกว่า คตส.ได้สินบนคดียึดทรัพย์หลายพันล้านบาท ผมก็ไม่ได้สักทีมีแต่เจ้าหนี้มาเยี่ยมเยียนจนทุกวันนี้ ผมเข้าใจว่าที่แกนนำแดงเขาต้องกระพือกระแสรัฐประหารไปเรื่อยๆนี่ ก็ เพราะเขาต้องเลี้ยงมวลชนให้พลุ่งพล่านมีฤทธิ์ได้ทุกเวลา เหมือนเลี้ยงลูกกรอก ซึ่งก็ต้องปลุกด้วยความเกลียดชังหมู่และเคลื่อนไหวหมู่ที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา รัฐประหารและขุนศึกจึงเป็นขาประจำที่ต้องพร่ำด่ากันไปเป็นระยะ
ถาม พวกเสื้อแดงชนะเลือกตั้งแล้ว ได้เป็นขุนนางแล้ว แล้วทำไมไม่ช่วยกันทำงานให้ดีๆ อย่าให้มีปัญหา ทำได้อย่างนี้ใครมันจะมีเงื่อนไขก่อปฏิวัติรัฐประหารได้
ตอบ เห็นด้วยครับ…รัฐบาลควรมุ่งทำงานเดินไปข้างหน้า น้ำกำลังท่วมประเทศ หนี้กำลังท่วมโลกตะวันตก สองเรื่องนี่ประเทศไทยก็โดนหลายเด้งแล้วครับ ถ้ารัฐบาลปูทำไม่ไหวไปไม่เป็น พรรค เพื่อไทยก็เปลี่ยนนายกฯ ใหม่ไปเลยหาคนที่พูดปากเปล่าจากสมองของตนเองได้ เป็นผู้นำได้แล้วให้เขาเลือกรัฐมนตรีของเขาเองก็น่าจะดีกว่านี้ อย่าไปมัวสร้างกระแสปฏิวัติเพื่อแบ่งข้างผู้คนแล้วป่าวหมู่อยู่อีกเลย
คอร์รัปชั่นเมื่อใดก็ต้องรัฐประหารเมื่อนั้น ?
ถาม ถ้ารัฐบาลทักษิณไม่มีปัญหาคอร์รัปชั่น จะเกิดรัฐประหาร ๑๙ กันยา หรือไม่
ตอบ รัฐประหารครั้งนั้น กระทำโดยอาศัยเงื่อนไขที่ลึกและกว้างกว่าคอรัปชั่นมากมีหลายปัจจัยที่ประกอบกันเข้ามาจนเห็นเป็นทางตันของการเมืองไทยที่เกิดจาก ระบอบทักษิณได้ ดังนี้
1. ลักษณะการลุกลามของคอร์รัปชั่นที่ร้ายแรงและเรื้อรัง
2. ความล่มสลายโดยสิ้นเชิงของระบบตรวจสอบ
3. ทางตันจากการยุบสภาเลือกตั้งใหม่แล้วไม่ได้สภาผู้แทน
4.เกิดการลุกฮือของประชาชนหลายฝ่าย มีแนวโน้มความรุนแรงชัดเจน
ทั้งหมดนี้คงไม่ต้องแจกแจงให้ซ้ำซากอีกว่ามีความเป็นมาและรายละเอียดอย่างไร การสรุปว่า รัฐประหาร ๑๙ กันยา เกิดขึ้นเพราะต้องการปราบคอร์รัปชั่นจึงไม่เป็นความจริง
รัฐประหารครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะสังคมไทยพบทางตัน และ คมช.เชื่อว่าการรัฐประหารจะพาประเทศพ้นทางตันนี้ไปได้ คอร์รัปชั่นเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งให้เกิดการลุกฮือของประชาชน ซึ่งถ้าระบบตรวจสอบทำงานได้ หรือทักษิณไม่หาทางออกทางการเมืองด้วยการยุบสภาฟอกผิดตนเอง ทางตันนี้ก็จะไม่เกิด
ถาม ถ้า คมช.ไม่ทำรัฐประหาร อะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ ตรงจุดนี้หลายท่านกล่าวว่าไม่ควรถาม เพราะอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่มีทางที่ใคร ทราบได้ แต่โดยระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และ เรียนรู้ได้เองเพราะเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ทหารเข้ามาแทรกแซงก็แก้อะไรไม่ได้ ไม่ควรเสือกเข้ามาอีก
ถาม อาจารย์เห็นด้วยหรือไม่ ?
ตอบ คำประกาศว่า ประชาชนเป็นรัฎฐาธิปัตย์นี่ฟังดูก็โก้ดี แต่ถ้ากลไกทุกอย่างทั้งราชการประจำและการเมืองมันทำงานไม่ได้แล้ว รัฎฐาธิปัตย์ก็ถูกฆ่าหรือฆ่ากันเองเท่านั้น
ถาม ทางตันทางการเมืองอย่างนี้ จะเกิดขึ้นอีกได้ไหม
ตอบ ผมเป็นห่วงอยู่สองจุด จุดแรกคือปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ กับความขัดแย้งในท้องถนนที่จะเกิดจากการผลักดันกฎหมายช่วยคดีคุณทักษิณ ทั้งสองจุดนี้มันเกิดการลุกฮือและการปะทะได้เสมอ โอกาสที่จะสุ่มเสี่ยงรัฐประหารมีสูงมาก
ถาม ถ้าสุ่มเสี่ยงรัฐประหารแล้วอะไรจะเกิดขึ้น ?
ตอบ ก็ต้องมีการต่อต้าน แล้วตามด้วยเผด็จการเบ็ดเสร็จ จะเผด็จการโดยฝ่ายรัฐประหารก็ได้หรือโดยฝ่ายต่อต้านก็ได้ เพราะไม่ว่าใครชนะก็ต้องอยู่ต่อไปด้วยระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จเท่านั้น
ถ้าถลำไปถึงจุดนั้น ประชาชนจะเป็นรัฎฐาธิปัตย์ได้เมื่อใด หรือจะเป็นแค่ราษฎรอยู่ติดประเทศที่มีอนาคตดักดานอย่างไนจีเรียหรือฟิลิปปินส์เท่านั้น..ผมก็ไม่ทราบได้
การเมืองใหม่ ?
ถาม เราจะหนีชะตากรรมที่ว่านั้นได้หรือไม่?
ตอบ มันไม่มีอนาคตใดนอนรอเราอยู่แล้วหรอกครับ ทุกอย่างยังอยู่ที่ปัจจุบันว่าจะก้าวข้ามข้อขัดแย้งที่ไร้อนาคตอย่างนี้ไปได้อย่างไร ทุกวันนี้ลมมันแรงก็จริงอยู่ แต่ถ้าเราเล่นลมเป็น ปรับใบเป็น เรือใบมันก็พาเราเดินทางไปยังจุดหมายได้นะคุณ คุณดูให้ดีๆจะเห็นว่ายังมีคนอิสระเหลืออยู่อีกมาก
ถาม ก็เห็นเป็นพวกทักษิณไปแล้วตั้ง ๑๕ ล้านคนไม่ใช่หรือ?
ตอบ นั่นเป็นคะแนนเลือกตั้ง ไม่ใช่จำนวนสาวก คนที่เลือกเพื่อไทยโดยไม่ใช่พวกเสื้อแดงมีมากมายนัก คนเสื้อแดงที่ไม่ใช่สาวกทักษิณหรือไม่ใช่ทาสของแกนนำ ที่ไปรวมตัวกันก็เพียงเพราะความคับข้องใจร่วมกันนั้น ก็ยังมีเต็มไปหมด ส่วนพวกที่ไม่เลือกเพื่อไทยเองก็ไม่ใช่คนที่เกลียดทักษิณจนพร่ำเรียกหาการปฏิวัติรัฐประหารแต่อย่างใด
อิสระชนเหล่านี้จึงยังมีอยู่เต็มประเทศ ถ้าสามารถพากันก้าวข้ามจากบ่วงความคิดหยุมหยิม หรือถ้อยคำโก้ๆแต่กลวงๆตลอดจนของขวัญประชานิยมนานาไปได้ ไปให้ถึงการปฏิรูปบ้านเมืองที่แท้จริง ผมว่าบ้านเมืองก็หลุดปลักไปได้นะครับ
ถาม ปฏิรูปอะไรครับ
ตอบ ก็ปฏิรูปการปกครองให้พ้นจากโครงสร้างและวัฒนธรรมแบบอุปถัมภ์อำนาจนิยม ปฏิรูปการทำมาหากินให้ผู้คนสร้างกำลังการผลิตที่เข้มแข็งของตนเองขึ้นมาได้จริงๆ ไม่ ใช่ตกปลักอยู่ในเศรษฐกิจพาณิชย์นิยมใหม่ ที่เอาแต่เก็งกำไรซื้อมาขายไปทำให้คนส่วนใหญ่ต้องขายแรงงานในโรงงานหรือท้อง ไร่ท้องนาอย่างไร้อนาคตเช่นทุกวันนี้
ถาม นี่คือทิศทางการเมืองใหม่ใช่ไหม ?
ตอบ ครับเป็นการเมืองใหม่เพื่อเศรษฐกิจใหม่และสังคมใหม่ของบ้านเมือง ที่ทุกภาคส่วนทุกพรรค ทุกสี ปรับตัวปรับความคิดเดินมาทางนี้ได้ทั้งสิ้น
ก้าวให้พ้นปลักคิดทักษิณ VS รัฐประหารได้แล้ว..ปัญหาแท้จริงของบ้านเมืองกำลังรอความคิดรอความสำนึกของเราอยู่…


การเมืองไทยกำลังแปลงร่างเป็นระบอบทักษิณใหม่
แก้วสรร อติโพธิ ๑๘ กันยา ๒๕๕๔
ทักษิณได้เรียนรู้แล้ว วางแผนแล้วและกำลังทุ่มเทจะกลับมาใหม่ เมื่อมอง
ทักษิณให้ไกลและลึกจะพบว่ารัฐบาล”ปู” เป็นเพียงรัฐบาลเฉพาะกาลรับงานจัดตั้งผู้คนปูทางให้ทักษิณกลับมาเท่านั้น ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ในทางสังคมจิตวิทยาการเมืองจะยังผลเป็นเช่นการรัฐประหารที่ราบคาบมาก จากนั้นกระแสนี้ก็จะนำไปสู่การรื้อรัฐธรรมนูญสถาปนาระบอบทักษิณ(รวมศูนย์) ที่เบ็ดเสร็จมั่นคงในที่สุด
ระยะจัดตั้ง
๑. ฟูมฟักขบวนการเสื้อแดง ( ๒๕๕๒ – )
๒. ชนะเลือกตั้งตอบแทนรากหญ้าดึงชนชั้นกลางเป็นแนวร่วม(กรกฎา๕๔ )
๓.ส่งคนยึดราชการสำคัญ ( สิงหา – ตุลา ๒๕๕๔ )
ระยะรัฐประหาร
๔.ตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสครบ ๗ รอบ
ในหลวง ( ธันวา ๒๕๕๔ )
๕.ทักษิณกลับมาถูกกักขังและได้รับอภัยโทษ ( พฤศจิกา ๒๕๕๔ )
ระยะสถาปนาระบบรองรับระบอบ
๖.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ : เนื้อหาและกระบวนการ (กันยา๕๔- มิถุนา ๕๕)
๗.รัฐธรรมนูญใหม่..เลือกตั้งใหม่..ระบอบทักษิณใหม่(สิงหา ๒๕๕๕)
ฐานคิดของบทวิเคราะห์นี้
แผนการกลับสู่อำนาจของทักษิณ
ทักษิณได้คิดและวางแผนและลงมือตามแผนแล้วด้วยว่า ต้องกลับมาครองอำนาจให้ได้เร็วที่สุด และมั่นคงที่สุด โดยมีขั้นตอนสำคัญคือ
๑.ชนะเลือกตั้งด้วยมวลชนแดง+เงิน+สินบนประชานิยมสุดขั้ว
๒.ให้รัฐบาลปูทำหน้าที่พาทักษิณกลับบ้านในช่วงพระราชทานอภัย
โทษ ๕ ธันวาคม พร้อมฉวยโอกาสกำราบกลุ่มขัดขวางให้ราบคาบ
๓.สร้างกระบวนการสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ มี ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
ร่วมกับนักวิชาการที่สำคัญตัวว่าหัวก้าวหน้าอีกจำนวนหนึ่งทำงานออกแบบและเผยแพร่ความคิด จาก นั้นเข้าสวมบทบาทเป็นแกน สสร. แล้วจบด้วยประชามติทั้งประเทศที่ต้องจุดพลุ “ ประชาธิปไตย”กันสุดเหวี่ยง ราวกับวันชาติสหรัฐเลยทีเดียว
๔. เลือกตั้งใหม่ได้ระบอบทักษิณใหม่
ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวิทยาการเมือง
โดยครรลองความเปลี่ยนแปลงข้างต้น แม้ตัวระบบตามรัฐธรรมนูญจะยังดูเป็นระบบผู้แทนอยู่ก็ตาม แต่ตัวความคิดและความเคลื่อนไหวในระบอบการปกครองใหม่จะบิดเบือนไปจากระบอบประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง การกลับมาของทักษิณในธันวา ๕๔ จะมีค่าไม่ต่างจากการรัฐประหาร ทุกสถาบันทั้งสูงต่ำจะชะงักงัน และสยบยอม เปิดทางโล่งต่อการรื้อรัฐธรรมนูญใหม่ในกลางปี ๒๕๕๕
โครงสร้างรัฐธรรมนูญใหม่จะมีเพียงสภาเดียว องค์กรอิสระจะถูกยกเลิกหรือลดอำนาจและถือกำเนิดโดยคัดสรรของสภาผู้แทน สำหรับ อำนาจตุลาการนั้นตุลาการตำแหน่งสูงและคณะกรรมการตุลาการ จะถูกกลืนให้แต่งตั้งโดยความเห็นชอบของสภา อำนาจฝ่ายบริหารจะมีมากขึ้นทั้งอำนาจปรับกระทรวงทบวงกรม โยกย้ายข้าราชการระดับสูงได้โดยลำพัง จนเป็นเสมือนระบบกึ่งประธานาธิบดี
ในส่วนความเคลื่อนไหวนั้น ขบวนการคนเสื้อแดงจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ใช้เครือข่ายเข้ายึดกุมการปกครองท้องถิ่นระดับต่างๆ อย่างไม่หยุดหย่อน สถานีวิทยุชุมชนเสื้อแดงจะถูกพัฒนาเป็นโครงข่ายสื่อสารของขบวนการมวลชนแดงครอบคลุมทั้งประเทศและเจาะลึกได้ทุกพื้นที่ สำนัก ข่าวแดงผลิตสื่อล้างสมองต่างๆ จะลงหลักปักฐานทั้งสื่อเคเบิ้ลทีวี จานดาวเทียม และรายการวิทยุชุมชนแดงด้วยความเคลื่อนไหวแบบสองขาร้อยปากอย่างนี้ ในที่สุดแล้วการเลือกตั้งต่างๆก็จะเป็นเพียงพิธีกรรม รองรับอำนาจของมวลชนเสื้อแดงเท่านั้น
นอกจากระบบและความเคลื่อนไหวแล้ว ในส่วนความคิดนั้น แนวคิดในเชิงอุปถัมภ์อำนาจนิยมจะต้องถูกทำนุบำรุงอย่างเต็มพิกัด ทักษิณ คือความหวังที่พึ่งได้สำหรับทุกคน ใครขวางทักษิณคือคนที่ขวางอนาคตของชาติ ลูกปืนคือเครื่องมือหลักในการแก้ปัญหา ๓ จังหวัดและปัญหายาเสพติด เอ็นจีโอและนักวิชาการคือคนเพ้อเจ้อ อนาคตทุกคนมีทักษิณดูแลอยู่แล้ว พบทักษิณได้ทุกเวลาทุกที่ในสื่อรอบตัวทุกชนิด
ระยะจัดตั้ง
ขั้นตอนสำคัญในการกลับมาของระบอบทักษิณก็คือ การจัดตั้งยึดฐานกำลังทั้งในระบบและนอกระบบการปกครอง ให้พร้อมต่อการยึดอำนาจกำราบเสี้ยนหนามให้จงได้ ซึ่งก็มีสามขั้นตอนย่อยคือ
๑. ฟูมฟักขบวนการคนเสื้อแดง ( ๒๕๕๐ – ปัจจุบัน)
ระบอบทักษิณเดิมมีโครงข่ายอุปถัมภ์ในชุมชนต่างๆอยู่แล้ว ยังขาดแต่
วาทะกรรมแห่งความเกลียดชัง,นักจัดตั้ง,ความเคลื่อนไหวรวมหมู่,ทุนรอน และสื่อล้างสมองที่สมบูรณ์เท่านั้น ซึ่งบรรดานายหน้าค้าอำนาจของชุมชนต่างๆ และซ้ายเก่าทั้งปวง ก็ได้เข้ารับงานพัฒนามวลชนเสื้อแดงอย่างถึงรากถึงโคนมาตลอด
จนใช้งานเปล่งศักยภาพได้สูงสุด นำชัยชนะในสนามเลือกตั้งมาให้ทักษิณได้อย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งที่ผ่านมานี้
ขบวนการเสื้อแดงจะต้องพัฒนาขยายตัวรุกเข้ายึดอำนาจในระบบต่อไป ทั้ง กองทุนหมู่บ้าน,อบต.และเทศบาลต่างๆ สำหรับ การใช้กำลังนั้น คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งจะถูกจัดตั้งแทรกซึมเข้าไปอยู่ในระบบอาสาสมัครต่างๆของ ภาครัฐ ไม่เว้นแม้แต่ระบบลูกจ้างป่าอนุรักษ์ ทั้งหมดนี้ต้องพร้อมที่จะลุกขึ้นมาเป็นทหารบ้านจับปืนต่อสู้กับกองทัพได้เสมอ โดยมิต้องพูดถึงกองกำลังอันธพาลที่พร้อมจะรังควานเป้าหมายได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
การแทรกคนเสื้อแดงเข้าไปถือปืนของรัฐนี้เห็นได้ทั้งในกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากร โดยมุมมองเช่นนี้การแต่งตั้งแกนนำเสื้อแดงเข้าไปมีตำแหน่งในกระทรวงต่างๆส่วนหนึ่ง จึงมิอาจมองอย่างตื้นเขินเห็นเป็นเพียงการให้รางวัลเท่านั้น เพราะถ้าเข้าใจถึงแผนการเข้ายึดฐานที่ตั้งต่างๆในอำนาจรัฐแล้วก็จะเห็นได้ในทันทีว่า นี่คือส่วนหนึ่งของขบวนการแปลงร่างการเมืองการปกครองไทยนั่นเอง
๒.ชนะเลือกตั้ง ขายนโยบายประชานิยมสุดลิ่มทิ่มประตู (กรกฎา ๒๕๕๔ )
ระบอบทักษิณชนะเลือกตั้งปี ๕๔ ด้วยการตลาดประชานิยมที่ต้องตาต้องใจ ด้วยฐานมวลชนที่คึกคักในหลายพื้นที่ และการจัดการที่แม่นยำ
ข้อที่น่าสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คือสินค้าประชานิยมที่ทักษิณคิดและโฆษณาขึ้นมาอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู คลุมเป้าหมายทุกชนชั้นทุกวัย โดยไม่คำนึงเลยว่าจะทำได้หรือไม่ในระยะยาว ขอแต่เพียงให้ได้ใจ ได้คะแนนได้อำนาจก่อนก็เป็นอันเพียงพอ ซึ่งก็ทำให้คู่แข่งทั้งหลายและนักวิชาการทั้งปวงงงงันกันเป็นอันมาก ว่าจะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่งแม้จนปัจจุบันนี้ก็ยังพากันไล่ล่าคาดคั้นกันอยู่ทุกวัน
การไล่ล่าคาดคั้นเช่นที่ว่านี้นับเป็นความหลงผิดอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกวางแผนให้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจทำหน้าที่พาทักษิณกลับบ้านภายใน ๑ ปีเท่านั้น ไม่มีทั้งเวลาและหน้าที่ต้องทำให้นโยบายที่สัญญาไว้เป็นจริงแต่อย่างใด
๓.ส่งคนยึดราชการสำคัญ ( สิงหา – ตุลา ๒๕๕๔ )
ราชการสำคัญในที่นี้คือราชการที่จำต้องใช้เพื่อเป็นฐานในการกลับมาของทักษิณ เริ่มจากที่ต้องใช้งานโดยตรงคือตำรวจและราชทัณฑ์ กองกำลังที่ต้องใช้เสริมหรือแทรกแซงหรือก่อกวนฝ่ายตรงข้ามทั้ง อาสามหาดไทย และลูกจ้างหน่วยอนุรักษ์ป่า จากนั้นจึงเป็นฐานรอบนอกคือสื่อของรัฐทั้งหมด
ระยะรัฐประหาร
๔.เตรียมพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษครบ ๗ รอบในหลวง (ตุลา ๕๔)
การอภัยโทษเป็นการทั่วไป โดยพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ
เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ ๗ รอบ ใน ๕ ธันวา ๒๕๕๔ นี้ หากถือแบบอย่างตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษปีก่อนๆ ก็จะมีบทบัญญัติอภัยโทษด้วยเหตุสูงอายุของผู้ต้องขังที่อายุเกิน ๖๐ ปีและเหลือโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปีอย่างแน่นอน คง เหลือแต่ปัญหาว่าจะวางเงื่อนไขให้ต้องเคยต้องโทษมาก่อนหรือไม่ซึ่งตัวอย่าง ในพระราชกฤษฎีกาปี ๕๐ จะกำหนดว่าต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม มาในปีล่าสุดคือปี ๕๓ ก็ผ่อนคลายเลิกเงื่อนไขนี้ไป
เชื่อได้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องพยายามให้กฤษฎีกาปี ๕๔ ยืนหลักการไม่มีเงื่อนไขเช่นปี ๕๓ อย่างแน่นอน จากนั้นจึงให้ทักษิณกลับมามอบตัวรับฟังคำพิพากษาให้ศาลออกหมายขัง แล้ว ถูกคุมขังในโรงเรียนพลตำรวจบางเขน สักระยะหนึ่งประมาณ๒ อาทิตย์ ( สถานทีนี้ รัฐมนตรียุติธรรม พลตำรวจเอกประชา พรหมนอกได้เร่งประกาศเป็นเรือนจำไปเรียบร้อยแล้ว ) จากนั้นเมื่อประกาศพระราชกฤษฎีกาแล้ว ทักษิณก็จะพ้นการคุมขังประมาณวันที่ ๑๐ ธันวาคม ไปในที่สุด
แผนการนี้เชื่อได้เกินครึ่งแล้วว่าเป็นแผนจริงของทักษิณ เพราะมิใช่การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะรายเหมือนฎีกาแดง ๓ ล้าน เป็นเรื่องที่ยอมเข้ามาถูกคุมขังให้ได้จังหวะจนได้พระมหากรุณาธิคุณเช่นเดียวกับนักโทษอื่นๆ ทำให้ลบภาพสองมาตรฐานออกไปได้ และยังได้อ้างพระมหากรุณาธิคุณปิดปากฝ่ายต่อต้านอีกด้วย
๕.การกลับมาถูกขังและการพ้นโทษของทักษิณ (พฤศจิกา๕๔)
ประเมินได้ว่าช่วงพฤศจิกายน ๕๔ นี้ ทักษิณจะสามารถสร้างภาพในระดับสากลให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและความร่วมมือ มีแรงหนุนจากธุรกิจน้ำมันระดับโลกอย่างแน่นหนา ภายในประเทศเองนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็พยายามลากเข็นนโยบายหลักให้เห็นลวกๆไประยะหนึ่งแล้ว ทั้งการลดราคาน้ำมันและจำนำข้าว
การกลับมาของทักษิณในพฤศจิกานี้ จึงมีความพร้อมในทางการเมืองอยู่มาก คงเหลือแต่ด่านในทางกฎหมายเท่านั้นว่าจะฟันฝ่าต่อไปอีกได้หรือไม่ เพราะมีคดีความที่ฟ้องศาลแล้ว เป็นจำเลยแล้ว และรอดำเนินคดีอยู่หลายคดีด้วยกัน (ดูผนวก ๑) ซึ่งต่อปัญหาคดีเหล่านี้ฝ่ายทักษิณ ก็จะต้องฟันฝ่าต่อไป โดย
๑. ต้องเดินหน้าใช้ สส.เพื่อไทย และ สว.แดงในสภาแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญในนามของการปฏิรูปหลักนิติธรรมแห่งชาติ ตรากฎหมายนิรโทษกรรม หรือเพิกถอนการดำเนินคดีทั้งปวงให้สิ้นสุดไปให้ได้
๒. ระหว่างนี้ต้องไม่ยอมให้ศาลในคดีที่เหลือใช้อำนาจคุมขังทักษิณ โดยการปฏิเสธไม่ให้ประกันตัวเป็นอันขาด
หากผ่านด่านข้อ ๒ ไปได้ ทักษิณก็จะพ้นที่คุมขัง พ้นโทษคดีที่ดินรัชฎา
ในนามของการพระราชทานอภัยโทษ แล้วเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่สถาปนาระบอบใหม่ โดยไม่มีใครมีกำลังเผยอหน้าเป็นเสี้ยนหนามได้อีกต่อไป ทั้งในและนอกระบบ จนสามารถกล่าวได้ว่าการพ้นโทษในธันวาคมนี้ มีผลเทียบได้ไม่ต่างจากการรัฐประหารแต่อย่างใดเลย
ด่านข้อ ๒ นี้ ลูกบอลจะตกอยู่ที่ กระบวนการยุติธรรมว่า จะสามารถตั้งหลักเริ่มดำเนินคดีที่เหลือกับทักษิณได้หรือไม่เมื่อใด และที่สำคัญจะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งหากไปถึงวันพิจารณาเปิดคดี นำตัวจำเลยทักษิณไปศาลพร้อมคำขอประกันเมื่อใด มวลชนแม่ยกแดงจะต้องแห่แหนไปล้อมศาลอย่างแน่นอน โอกาสประทะซึ่งหน้าระหว่างนิติรัฐกับกำลังมวลชน ก็จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดโดยพลัน
การเกิดเหตุการณ์ชุลมุนทางอำนาจเหมือนกรณี ๖ ตุลาคมจะเป็นไปได้สูงยิ่ง
ระยะสถาปนาระบบเพื่อรองรับระบอบทักษิณ(รวมศูนย์)
๖.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ : เนื้อหาและกระบวนการ (กันยา ๕๔- สิงหา ๕๕)
โฟกัสของรัฐธรรมนูญใหม่จะอยู่ที่การปรับระบบตรวจสอบเสียใหม่ แล้วจึงตราบทเฉพาะกาลย้อนหลังไปมีผลลบล้างการเอาโทษทั้งปวงที่กระทำต่อทักษิณไว้ ทั้งในระดับ คตส.,ปปช.,และศาลฎีกาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ทักษิณก็เดินหมากให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการพิเศษ ชื่อ คอ.นธ. มี นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธานทำการศึกษาและประชาสัมพันธ์สร้างกรอบคิดฝังลงไปในสังคมเป็นการปูทางไว้ก่อนแล้ว
จนในราวเดือน มีนา ๕๕ กระบวนการเลือก สสร.ก็จะเริ่มขึ้น โดยต้องมีพิมพ์เขียวเตรียมไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งนอกเหนือจากแนวทางที่ได้จาก คอ.นธ.แล้ว ก็น่าจะล่วงเข้ามามีบทบัญญัติยกเลิกวุฒิสภาด้วยอีกส่วนหนึ่ง
ในส่วนกระบวนการนั้นก็แน่นอนว่าต้องมีการประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นการใหญ่ แล้วนำไปสู่การลงประชามติขอความเห็นจากประชาชน แล้วนำมาขอมติรับรองจากรัฐสภาอีกชั้นหนึ่ง
น่าเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนุญใหม่นี้ จะถูกปรุงแต่งแสดงตัวเป็นประชาธิปไตยอย่างสุดแรงเกิดทั้ง การยกเลิกวุฒิสภา, จำกัดอำนาจองค์กรอิสระทั้งปวง,การให้สภาผู้แทนรับรอง กต.หรือตุลาการระดับสูง หรือองค์กรอิสระ, การนำระบบลูกขุนมาใช้ในศาลไทยฯ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ ในปัจจุบันต้องมีแนวทางและเจ้าของความคิดซุ่มร่างวางแนวไว้แล้วทั้งสิ้น และในไม่ช้าผู้สมคบทางวิชาการเหล่านี้จะปรากฏตัวให้เห็นเป็นตัวเป็นๆอยู่ใน คน.อธ.อย่างแน่นอน
๗.รัฐธรรมนูญใหม่..เลือกตั้งใหม่..ระบอบทักษิณใหม่ ( สิงหา ๕๕)
ประเมิน ได้ว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้จะต้องถูกเร่งรัดอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากการเร่งปล่อยกระแสความคิดเรื่องหลักนิติธรรมแห่งชาติโดยกลไก คอ.นธ.มาตั้งแต่เดือนที่สองของรัฐบาล แล้วต้องตามด้วยการสร้างเวทีสาธารณะกระพือความเห็นตามเป็นระลอกไปตลอด จนไม่ต้องเสียเวลาทำความคิดในสังคมให้มากมายในช่วงร่างรัฐธรรมนูญอีกต่อไป กรณีจึงเป็นไปได้ว่าน่าจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ในราวเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ แล้วอีก ๒ เดือนต่อมาก็จะได้นายกรัฐมนตรีใหม่ชื่อทักษิณ ชินวัตร
การปกครองนับแต่นั้นจะเป็นระบอบทักษิณใหม่ มีฐานมวลชนเสื้อแดงเกลื่อนอยู่ในชุมชนทุกแห่ง นายหน้าหรือแกนนำจะแทรกอยุ่ใน อบต.และเทศบาลต่างๆ ข้าราชการที่สวามิภักดิ์จะถูกแต่งตั้งมาดูแลพื้นที่ทั้งปวง สส.จะลดความหมายลงเป็นอันมาก นายกฯทักษิณ จะมีอำนาจบริหารเข้มแข็งเหนือสภา เหนือพรรค แผ่อำนาจส่งคณะผู้นำยึดกระทรวงกรมต่างๆ โดยไม่ต้องยึดเสียงในสภาไม่ต้องคอยเอาใจให้ สส.ขาใหญ่เป็นรัฐมนตรี เพราะ สส.ทุกคน ได้เป็น สส.เพราะอำนาจพรรคและมวลชนแดง จึงไม่มีซุ้มมีมุ้งให้ต่อรองอะไรได้อีกแล้ว
ในระบอบข้างต้น การตรวจสอบจะไม่มีความหมาย เพราะระบอบทักษิณยึดช่องทางสื่อสารมวลชนทุกระดับทุกชนิดไว้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว องค์กรอิสระจะเหลือแต่สังขารทางกฎหมายเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ความเคลื่อนไหวภาคประชาชนจะเงียบสงัดถูกนักเลงเสื้อแดงหรือลูกจ้างอุทยานกำราบเป็นระยะ เอ็นจีโอจะสยบยอมรอขอเงินอุดหนุนเข้ากองทุนต่างๆจากระบอบเป็นหลัก
สำหรับด้านความคิดนั้น ภาพความเป็นท่านผู้นำของทักษิณ จะถูกสร้างเสริมเข้าสู่จุดสูงสุด ไม่มีอะไรที่พึ่งพาท่านผู้นำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้ ไม่คิด ไม่เห็น ไม่มีอะไรที่ท่านลังเลหรือรีรอหรืออ่อนแอ ไม่มีใครที่มีแสงในตนเองแล้วประชันแสงกับท่านได้ อย่าฝ่าฝืน อย่าขัดขวางท่านผู้นำ แม้แต่จะคิดก็ผิดแล้วตายไปครึ่งตัวแล้ว
สังเขปสำคัญในบทวิเคราะห์นี้
๑. เชื่อหรือไม่ว่าทักษิณต้องรีบกลับเร็วที่สุด
๒. เชื่อหรือไม่ว่า การอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกา ๕ ธันวา ๕๔
เป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทักษิณ
๓.ถ้าเชื่อ…ก็ต้องเห็นต่อไปว่าเขาลงมือจัดตั้งแล้ว เตรียมตำรวจ,
เตรียมราชทัณฑ์,เตรียมที่คุมขังชั้นดี,เตรียมร่างกฎหมายอภัยโทษแล้ว
๓. เห็นการสร้างภาพเพื่อการยอมรับทั้งในและนอกประเทศเพื่อ
ความ พร้อมในการยึดอำนาจคืนของเขาไหม? ทำไมฮุนเซ็นถึงเลือกที่จะรางวัล”ผู้นำสันติภาพ”ให้ทักษิณ? ทำไมนายกฯปู ถึงรีบสร้างความมั่นใจให้บริษัทน้ำมันเชพรอน? ทำไมปูถึงได้เป็นนายกฯ ทำไมนายปึ๊งถึงได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งที่ไม่มีความเหมาะสม อะไรกันแน่คืองานแท้จริงของคนพวกนี้?
๔. ถ้าเชื่อถ้าเห็น ดังเช่นที่กล่าวมาก็ต้องปรับกล้องที่ใช้เสียใหม่
ให้เป็นกล้องดาวเทียม จนสามารถเห็นภาพรวมของแผนเชิงยุทธศาสตร์ของระบอบทักษิณใหม่ได้ ซึ่งโดยธรรมชาติของแผนแบบ Strategic นั้นแผนทุกแผนจะต้องเดินไปพร้อมกัน จนบรรลุผ่านขั้นตอนหลักร่วมกันเป็นระยะไปคล้ายการหมุนของเข็มนาฬิกา กล่าวคือ
แผนหลักมี ได้สี่แผนคือ๑แผนมวลชนเสื้อแดง,๒แผนการเมืองและเลือกตั้ง,๓แผนสร้างภาพครอบ งำความคิด,๔แผนร่างรธน.-นิรโทษกรรม ทั้งสี่แผนนี้ต้องเดินไปพร้อมกันตลอด ตามขั้นตอนหลักสามระยะคือ ระยะจัดตั้ง ,อภัยโทษ และสถาปนาระบอบ ดังแผนผังต่อไปนี้
ตัวอย่างการพัฒนาแผน
ตามแผนผังนี้ ณ กาลเวลาหนึ่งแผน ๑-๔ จะเดินแผนไปตลอด เช่น ณ.กันยา ๕๔ แม้จะอยู่ในขั้นตอนหลักของการจัดตั้งก็ตาม แต่ก็มีการเดินแผนเพื่ออภัยโทษและสถาปนาระบอบแล้ว หาได้ได้อำนาจไป คิดไป ทำไปวันๆ วางแผนเป็นท่อนๆไปแต่อย่างใดไม่ กล่าวคือ
แผน๑ แผนมวลชนแดง ต้องปลุกให้พร้อมต่อไป เช่นจัดชุมนุม ๑๙กันยาเป็นต้น
แผน๒ แผนการเมือง เป็นรัฐบาลแล้วเข้ายึด สตช.และ ราชทัณฑ์ เตรียมอภัยโทษ
แผน๓ แผนสร้างภาพ เปิดญี่ปุ่นให้ผู้นำเข้า, ผู้นำกอดฮุนเซ็นได้ภาพนำสันติภาพ ,
จับมือเชฟรอนได้พันธมิตรยักษ์
แผน ๔ แผนสถาปนาระบอบใหม่ ใช้อำนาจรัฐบาลตั้ง คอ.นธ.เพื่อลงมือปูความคิด
“นิติธรรมแห่งชาติ”แล้วหล่อลื่นด้วยเครือข่าย“นิติราษฎร์”ในนิติธรรมศาสตร์

สรรพกำลังที่พร้อมแล้วในช่วงรัฐบาลปูแดง
ผนวก ๑ คดีความของทักษิณ
หนทางกลับบ้านโดยไม่ติดคุกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
บทความไทยโพสต์ ๙ กันยา แก้วสรร อติโพธิ
นับแต่เกิดรัฐบาลนายกฯปู ขึ้นมา ในชั้นแรกต่างก็เข้าใจและเฝ้าดูกันว่ารัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากในสภาหาทางตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณอย่างไรและเมื่อใด ผ่านไปสักพักก็มีการให้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนรอไปถึงกลางปีหน้าค่อยว่ากัน กระแสไต่ถามก็เบาลงไป แต่แล้วก็กลับมีกระแสผลักดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาแทน ขานรับขึ้นมาเป็นทอดๆจนปัจจุบัน
หนทางกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกของคุณทักษิณนี้ จึงเป็นปัญหาของจริงและมีด่านทางกฎหมายที่ซับซ้อนอยู่มากควรที่จะสะสางภาพรวมให้เห็นกันชัดเจนเสียก่อน ดังต่อไปนี้
คดีคอรัปชั่นของคุณทักษิณ
ปัจจุบันมีคดีคอรัปชั่นของคุณทักษิณ ที่ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองแล้ว สองกลุ่มคือ
คดีฝ่าฝืนกฎหมายเข้าซื้อที่ดินของรัฐ คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีการพิสูจน์ว่าคุณทักษิณทุจริตหรือไม่ แต่เป็นผิดตรงที่ฝ่าฝืนข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมานไปซื้อที่ดินถนนรัชฎา โดยคุณทักษิณให้ความยินยอม ศาลฎีกาจึงพิพากษาลงโทษ จำคุก ๒ ปีแต่คุณทักษิณก็บินหนีคดีไปเสียก่อน
คดีนี้ถ้าใช้วิธีนิรโทษกรรมก็จะยุติไปพร้อมคดีอื่นๆ แต่ถ้าใช้แนวทางอภัยโทษเช่นที่ก่อกระแสกันอยู่ในทุกวันนี้ คุณทักษิณก็จะพ้นไปแต่เฉพาะคดีที่ดินรัชฎาฯนี้เท่านั้น แต่จะถูกคดีหนีอำนาจคุมขังของศาล ( จำคุก ๓ ปี ) กับกลุ่มคดีชินคอร์ปลากขึ้นศาลไปตลอด ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดีชินคอร์ป คดีกลุ่มนี้เริ่มจากการขึ้นเป็นนายกฯโดยซุกหุ้นสัมปทานชินคอร์ป ไว้ในชื่อลูกและพี่น้องก่อน จากนั้นจึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบ ทำให้เกิดเป็นคดีขึ้นหลายคดีมาก กล่าวคือ
๑. คดียึดทรัพย์ คดี นี้ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปแล้วสองประการว่า มีการซุกหุ้นจริงมีมาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบจริง จากนั้นจึงให้ยึดประโยชน์ทีมิควรได้ เป็นเงิน ๔.๖ หมื่นล้านบาท
๒. คดีขึ้นเป็นนายกฯโดยคงถือหุ้นสัมปทาน คดีนี้มี ๒ กระทง กระทงละ ๓ ปี ฟ้องเป็นคดีแล้วแต่พักไว้รอได้ตัวจำเลยก่อน หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
๓. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่บอกว่าตนเองยังเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ มี ๗ กระทง กระทงละ ๒ปีมีขาดอายุความ ๕ ปี ไปบ้างแล้ว คดีอยู่ในศาลแล้ว หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
๔. คดีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในบรรดามาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ ๕ มาตรการนั้น พบหลักฐานว่าคุณทักษิณมีส่วนสั่งการ ๒ คดี คือคดีให้พม่ากู้เงินเอ๊กซ์ซิมแบงค์ กับคดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คุณทักษิณฯจึงถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทุจริตไว้แล้ว ทั้งสองคดี เป็นคดีที่สู้ได้ยากเช่นกันเพราะศาลตัดสินเด็ดขาดในคดียึดทรัพย์ไว้แล้วว่า มาตรการนี้ไม่ถูกต้องและประโยชน์ตกแก่คุณทักษิณ คุณทักษิณเหลือประตูต่อสู้แต่เพียงประเด็นข้อเท็จจริงว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยเท่านั้น
โดยภาพรวมของคดีชินคอร์ปเหล่านี้ เมื่อศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ไปแล้ว ข้อ เท็จจริงสำคัญๆ ก็ยุติเด็ดขาดไปเกือบหมด ทำให้การสู้คดีที่เหลือลำบากมากๆ ครั้นจะดึงจะหน่วงคดีก็ลำบากเพราะฟ้องคาอยู่ในศาลหมดแล้วทุกคดี ถ้าต้องโดนทุกคดีก็ติดคุกรวมกันได้สูงสุดถึง ๔๐ ปีเลยทีเดียว
การแนะให้คุณทักษิณกลับมาสู้คดีจึงเป็นเรื่องที่คนนอกพูดได้ แต่ในจุดยืนของคุณทักษิณแล้วเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากจริงๆ
หนทางอภัยโทษคดีที่ดินรัชฎาฯ
เฉพาะคดีที่ดินรัชฎาฯที่ตัดสินจำคุกไปสองปีแล้วนั้น เป็น คดีที่ตัดสินไปแล้วพร้อมจะบังคับโทษจับตัวไปเข้าคุกได้ในทันทีเลย หนทางที่จะจัดการให้พ้นโทษไปโดยลำพังเฉพาะคดีนี้ก็คือการได้รับพระราช ทานอภัยโทษ ซึ่งก็มีอยู่สองช่องทางคือ
๑. ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะราย แนวทางนี้มีการรวมชื่อคนเสื้อแดงถวายฎีกาไว้แล้วกว่า ๓ ล้านคน แต่ยังมีปัญหาเสียดทานอยู่เป็นอันมากว่า ไม่เคยมีรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีใดเลยกล้าถวายความเห็นให้คนหนีคดีได้รับพระราชทานอภัยโทษได้
๒. ได้ รับพระราชทานอภัยโทษในวาระมหามงคลเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในวาระเวียนบรรจบครบวันเฉลิมพระชนมพรรษา และครบ ๗ รอบที่จะถึง ในวันที้ ๕ ธันวาคมศกนี้ ก็ชัดเจนแน่นอนว่าจะต้องมีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ซึ่งก็จะมีช่องทางให้คุณทักษิณได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษร่วมกับผู้ต้องโทษอื่นๆด้วยดังนี้
๒.๑) การพระราชทานอภัยโทษตามวาระมหามงคลนี้ จะตราเป็นกฏเกณฑ์ทั่วไปไม่ระบุชื่อบุคคล มีทั้งเกณฑ์เจ็บป่วย,สูงอายุ,ความประพฤติดี ผู้ ต้องขังใดเข้าเกณฑ์นี้ก็จะได้อภัยโทษไปตามเกณฑ์ เกณฑ์เหล่านี้จะกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่กรมราชทัณฑ์ เสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเสนอ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วนายกรัฐมนตรีนำขึ้นกราบบังคมทูลอีกชั้นหนึ่ง
๒.๒) เฉพาะเกณฑ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณทักษิณได้ก็คือ เกณฑ์ผู้ต้องขังสูงอายุเกิน ๖๐ ปีและเหลือโทษไม่เกิน ๓ ปี เกณฑ์ นี้เมื่อคราวอภัยโทษปี ๕๐ จะมีเงื่อนไขว่าต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามต่อมาเมื่ออภัยโทษใน ปี ๕๓ นักโทษสูงวัยมีมากรัฐบาลจึงเลิกเงื่อนไขนี้ไป มาในปี ๕๔ นี้ รัฐบาลปูจึงมีอิสระที่จะเลือกถือตามเกณฑ์ปี ๕๐ หรือ ปี ๕๓ ก็ได้แล้วแต่จะเห็นควร
๒.๓) ในกรณีที่รัฐบาลปูวางเกณฑ์อภัยโทษตามปี ๕๓ ว่า ใครอายุเกิน ๖๐ ปี มีโทษเหลือไม่เกิน ๓ ปี ก็อภัยโทษให้หมดนั้น โอกาสที่คุณทักษิณจะกลับประเทศมามอบตัวแล้วยอมติดคุกสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงพ้นโทษหลัง ๕ ธันวาคม ตามเกณฑ์ในกฎหมายจึงมีอยู่สูงมาก เพราะเป็นเกณฑ์ทั่วไปมิได้อภัยให้ใครโดยเฉพาะ คุณทักษิณไม่จำเป็นต้องอาศัยฎีกาแดง นายกฯปู ก็ไม่จำเป็นต้องถวายความเห็นช่วยพี่ชายแต่อย่างใด จึงนับเป็นช่องทางที่ดีมาก
๒.๔) อย่างไรก็ตาม..ปัญหาแท้จริงในการได้อภัยโทษโดยทั่วไปด้วยเหตุสูงอายุตามแนวทางที่กล่าวมา จะ อยู่ที่การตีความพระราชกฤษฎีกาว่าถ้าผู้ต้องคำพิพากษาลงโทษอย่างคุณทักษิณ หนีคดีไป ๒ ปี แล้วคอยหาโอกาสย่องมาติดคุกสัก ๑-๒ อาทิตย์ แล้วก็ได้อภัยโทษไปง่ายๆ พร้อมกับคนอื่นที่เขายอมติดคุกด้วยดีอย่างนี้ จะยอมกันได้หรือไม่
ต่อปัญหานี้ในระบบกฎหมายอภัยโทษ ก็จะมีคณะกรรมการคอยวินิจฉัยปัญหาเฉพาะกรณีอยู่ ถ้าตระกูลชินวัตรสามารถยึดกุมตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้อีกตำแหน่งหนึ่ง กรณีก็คงหมดปัญหาไปได้ โอกาสที่คุณทักษิณจะพ้นโทษจำคุก ๒ ปี ในคดีที่ดินรัชฎาฯนี้จึงมองอยู่เห็นๆ ไม่น่ามีปัญหาทางกฎหมายเท่าใดนักหากยึดไว้ได้ทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.และอธิบดีกรมราชทัณฑ์
จุดแตกหักที่แท้จริง
แม้”ชินวัตร”จะสามารถเดินเกมส์อภัยโทษคุณทักษิณในคดีที่ดินรัชฎาได้ดังแนวทางที่กล่าวมาก็ตาม แต่ในทางกฎหมายแล้วเมื่อคุณทักษิณยอมเข้ามาอยู่ในการคุมขังของกฎหมายไทยนั้น อำนาจควบคุมตัวของคดีอื่นๆที่คาศาลอยู่ก็จะวิ่งมาอายัดตัวคุณทักษิณ มิให้ออกไปสู่อิสรภาพได้ดังที่คิด ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการและศาลที่จะพิจารณาว่า คนหนีคดีเช่นนี้ควรจะให้เสรีภาพในระหว่างการพิจารณาคดีอื่นๆต่อไปอีกหรือไม่
ใน ทางปฏิบัตินั้น ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะแทรกเข้ามาขออายัดตัวคุณทักษิณฯไว้มิให้ ได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับผู้ต้องโทษอื่นๆ แล้วขอให้ศาลพิจารณาว่าควรจะให้ประกันตัวในคดีใหม่ที่เหลือหรือไม่ ซึ่งโดยประวัติการหนีคดีของจำเลยเช่นนี้ โอกาสที่ศาลจะให้ประกันตัวก็น่าจะมีน้อยมากทีเดียว
หากได้คิดตามฉากที่กล่าวมาให้ถึงที่สุดแล้ว ก็ได้ภาพชัดเจนว่าเมื่อคุณทักษิณยอมกลับมาติดคุกอยู่ระยะสั้นๆนั้น มวลชนแม่ยกทั้งปวงจะต้องถูกปลุกและโลดเร่าเข้ามาห้อมล้อมสถานคุมขังเป็นการใหญ่ ครั้นเมื่อถึงวันที่ศาลจะต้องพิจารณาอายัดตัวคุณทักษิณไว้สำหรับการดำเนินคดีอื่นแล้ว ตรงจุดนั้นการเมืองและกฎหมาย คือม๊อบแดงและกระบวนการยุติธรรมจะต้องประทะกันตรงๆ และแตกหักอย่างแน่นอน
ขอจงช่วยกันหวังว่า….”ฉาก”ที่ผมได้วาดมานี้จะไม่เป็นจริง…เพราะถ้าไปถึงจุดแตกหักเช่นที่กล่าวแล้ว สังคมไทยคงสิ้น”ยาง”ที่จะอยู่ด้วยกัน..ต้องแปลกแยกกันเช่นก้อนกรวดที่เผอิญมากองอยู่ ณ ตำแหน่งเดียวกันเท่านั้น
สังคมกองก้อนกรวดอย่างนี้นี่หรือ…คืออนาคตที่เราไม่มีทางหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ ?
…………………

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง