"ประพันธ์" ชี้วันนี้ "โหวตโน" สมบูรณ์แบบที่สุดในการหยุดยั้ง "ระบอบทักษิณ - นักการเมืองชั่ว" แจงมีผลทั้งทาง "การเมือง - กฎหมาย - รัฐศาสตร์" ที่ใครจะมาโจมตีให้เสียหายไม่ได้อีกแล้ว คาดคะแนนไม่ประสงค์เลือกใครมีผลต่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เช่นเดียวกับแบบแบ่งเขต แต่ "อนุรักษ์" ยังไม่ได้พูดถึง ลั่นจะตัดทิ้งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรธน.และการเลือกตั้ง
วันนี้ (20 มิ.ย.) เวลาประมาณ 21.30 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า น่าเห็นใจ และเข้าใจ คนที่เชียร์ ประชาธิปัตย์ อย่างเช่น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ท่านก็หาเหตุผลมาว่าทำไมต้องเลือกประชาธิปัตย์ นั่นก็เป็นมุมมองของท่าน เราก็เคารพแต่เราไม่เห็นด้วย ซึ่งเราหวังว่าด้วยการที่ท่านเป็นปราชญ์ก็น่าจะเคารพความคิดเห็นของประชาชน ด้วย ว่าประชาชนได้สัมผัสนักการเมืองเหล่านั้นมาหมดแล้ว จึงมาถึงคำตอบว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนฝากความหวังไว้ได้
ส่วนอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หมดสภาพความเป็นนักวิชาการไปแล้ว เลือกที่จะเชียร์นายอภิสิทธิ์แบบไม่ลืมหูลืมตา หาอิสระทางความคิดแบบในอดีตไม่ได้แล้ว อาจารย์ก็เลยต้องเสียคนไปในช่วงปลายของชีวิตแบบน่าเสียดาย
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์เขียนในเฟซบุ๊กว่าตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้ ประชาชนรู้สึกแสลงใจที่ไปกอดกับนายเนวิน บอกด้วยว่าเลือกพรรคมาร่วมรัฐบาลเพราะไม่มีตัวเลือก พูดเอาดีเข้าตัวสุดท้ายก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนมันเลยสักคน แล้วยังออกมาเถียงเรื่องเด็กๆ ว่าไม่ได้ดีแต่พูด อย่างเรื่องเบี้ยยังชีพ เรียนฟรี ก็ได้ทำแล้ว แต่กฎเหล็ก 9 ข้อ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ๆ ได้ทำหรือไม่ นี่คือนิสัยของเขา ตนรู้นิสัยหมอนี่มานานแล้ว ว่าคนๆนี้เป็นได้แค่โฆษกรัฐบาลเท่านั้น ชอบเถียงเรื่องเล็กเรื่องน้อย
"แผนการไปเอาเขามาร่วมรัฐบาล อภิสิทธิ์รับรู้มาแต่ต้น เพราะนายสุเทพรายงานทุกขั้นตอนในการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ตนรู้ เรื่องอะไรที่สุเทพไปทำ จะรายงานอภิสิทธิ์ทุกเรื่อง เรื่องไปกอดเนวินก็ทำด้วยความเต็มใจ สมัครใจ แต่วันนี้ทะลึ่งมาเขียนแบบนี้ คนแบบนี้คบได้หรือถึงไม่มีใครคบ เห็นแก่ตัว กินในที่ลับแต่พอมีเรื่องฉาวโฉ่โยนให้คนอื่นหมดเลย ทำตัวเป็นคุณชายสะอาด พูดเพื่อหาเสียงกับคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ เพื่อให้เห็นใจ ไม่มีหลักการอะไรเลย ทุกเรื่องทำด้วยตัวคุณเอง วันนี้แก้ตัวไม่ได้ นี่คือสภาพปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าโหวตโนเสียของ วันนี้รู้แล้วเลือกคุณต่างหากที่เสียของ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า พูดถึงบทความท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา คือว่าหัวใจสำคัญของมันคือ ท่านชี้ให้เห็นประเด็นข้อกฎหมาย 2 มาตรา คือมาตรา 88 และมาตรา 89 ของพรบ.เลือกตั้ง ที่ผ่านมาเราเข้าใจมาตรา 88 มาตราเดียว กรณีที่มีผู้สมัครคนเดียวลงในเขตเลือกตั้งนั้นๆในการเลือกตั้งส.ส.เขต คนเดียวที่ได้รับเลือกตั้งนั้นต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และต้องไม่น้อยกว่าคะแนนของผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน นั่นคือต่อให้ถึงร้อยละ 20 แต่น้อยกว่าโหวตโนก็ไม่ได้ ต้องเลือกใหม่ แต่ปรากฎว่าคราวนี้ไม่มีเขตไหนเลยที่มีการส่งพรรคเดียว คนเดียว
กรณีที่มีการแข่งขันแบบนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้เช่นเดียวกัน คือมาตรา 89 จะต้องอยู่ภายใต้มาตรา 88 เช่นเดียวกัน เพราะกฎหมายเขียนว่ามาตรา 89 ภายใต้บังคับมาตรา 88 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้ได้ รับการเลือกตั้ง ในกรณีที่มีผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดเท่ากันหลายคน ให้ใช้วิธีการจับสลากซึ่งต้องกระทำต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขต เลือกตั้งตามวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
นายประพันธ์ กล่าวว่า ทีนี้ทำไมเขาเขียนว่าภายใต้บังคับมาตรา 88 นั่นก็หมายความว่า ในเขตเลือกตั้งใด ถ้าในวันเลือกตั้งมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งคนเดียว ผู้สมัครจะได้รับเลือกตั้งต่อเมื่อได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง
สรุปแล้วเมื่ออ่าน 2 มาตรานี้รวมกัน คนที่จะได้เป็นผู้แทนราษฎรต้องมีองค์ประกอบ 3 ข้อ
1.ได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น
2.ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง
แล 3.ต้องได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดกว่าทุกคนเมื่อรวมคะแนนแล้วในเขตเลือกตั้งนั้น
แต่ต่อให้ได้มากสุด แต่ได้ไม่ถึงร้อยละ 20 หรือไม่มากกว่าไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็ไม่ได้เป็นผู้แทนฯ นี่คือประเด็นของบทความชิ้นนี้
จึงเป็นการตอบคำถามว่าการไปกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน มีผลทางนิตินัยหรือทางกฎหมายตามมาตรา 88 -89 เพราะฉะนั้นถ้าหากมีเขตเลือกตั้งแบบนี้มากกว่า 25 เขต ก็จะไปโยงรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ว่าสภาผู้แทนจะเปิดประชุมสภาได้ต้องมีจำนวนส.ส.ที่ผ่านการับรองแล้วไม่น้อย กว่าร้อยละ 95 ร้อยละ 95 จาก 500 คน ก็คือ 475 คน ถึงจะเปิดประชุมได้
ทีนี้ถ้ามี 26 คน ยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ สภาก็เปิดประชุมไม่ได้ เลือกนายกฯ ไม่ได้ เลือกประธานสภาไม่ได้ ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ในเขตที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องเลือกตั้งใหม่จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ที่ว่านี้
"การโหวตโนนี้หยุดยั้งระบอบทักษิณได้ เมื่อเรามองว่าทักษิณกำลังจะกลับมา โดยเชิดยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกฯ ก็จะไม่สามารถประชุมได้ ไม่สามารถเลือกนายกฯได้ พลังโหวตโนก็เป็นการหยุดยั้งระบอบทักษิณไปในตัว นี่ไงไม่เสียของ แต่เลือกประชาธิปัตย์เสียของ เขาตั้งรัฐบาลฉลุยเลย ไม่สามารถเอาอะไรไปขวางเขาได้เลย" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ทีนี้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ยังไม่ได้พูดถึง แต่ก็อาจมีผลเช่นกัน เพราะแบบเขตยังเอาคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนมารวมด้วย ตนขอเสนอมุมใหม่ว่าปาร์ตี้ลิสต์จะต้องเอาคะแนนคนไปใช้สิทธิ์ทั้งหมด ไม่ว่าเลือกพรรคไหนก็ตาม และคะแนนไม่ประสงค์เลือกพรรคใดมารวมด้วย เพราะเป็นการไปใช้สิทธิ์ของประชาชน แล้วค่อยหารด้วยจำนวน ส.ส. เพื่อคิดสูตรว่าจำนวนส.ส. 1 คนต่อ 1 ที่ ควรจะเฉลี่ยต่อคะแนนเสียงกี่แสนคะแนน จะเอาโหวตโนทิ้งไปไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ คะแนนโหวตโนก็มีความหมาย เพราะเป็นคะแนนของประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เอามาตัดทิ้งไม่เอามาหารไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้ง ที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้รับฉันทานุมัติจากผู้ไปใช้สิทธิ์ แต่นั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่ท่านยังไม่ได้พูดถึง
เมื่อโหวตโนเป็นอย่างนี้ เปิดสภาไม่ได้ มีผู้สื่อข่าวถามตนว่า ถ้าอย่างนั้นบ้านเมืองก็วิกฤติสิ ตนก็ตอบไปว่าต้องทำความเข้าใจวิกฤติชาติก่อน ว่าเกิดจากนักการเมืองชั่ว นักการเมืองโกง ไม่ใช่เกิดจากการที่ประชาชนไม่ไปเลือกนักการเมืองเลว และในเมื่อนักการเมืองชั่วเป็นต้นตอวิกฤติบ้านเมือง นักข่าวควรไปถามเขาว่าทำอย่างไรถึงจะชนะใจประชาชนที่ไม่เลือกพวกเขา
ถ้าไม่สามารถเปิดสภาได้ ไม่ใช่ความผิดประชาชน หรือจะให้ประชาชนหยวนๆเลือกตั้งให้เขาเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำประเทศอย่างไรก็ได้ อย่างนั้นหรือถึงจะเป็นพลเมืองที่ดี ประชาชนที่ดีต้องรู้จักใช้สิทธิ์ของเราให้มีอำนาจต่อรองบังคับให้นักการ เมืองยอมรับแนวทางที่มีประโยชน์ต่อชาติบ้านมืองเสียก่อนถึงจะยอมเลือก ประโยชน์ก็เกิดกับประชาชน และบ้านเมือง เรากำลังทำให้นักการเมืองเลิกพฤติกรรมชั่วๆย่อมเป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย
ถ้าโหวตโนเยอะๆ สามารถบังคับพรรคการเมืองให้ยอมรับแนวทางปฏิรูปชาติบ้านเมืองด้วย เราถึงจะยอมรับการเลือกตั้งครั้งที่2-3 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ พวกเราคือตัวกลั่นกรองเพื่อประโยชน์ชาติ
นายประพันธ์ กล่าวว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้น มีผลทั้งทางการเมือง กฎหมาย และรัฐศาสตร์ ที่ใครจะมาโจมตีให้เสียหายไม่ได้แล้ว บัดนี้ความคิดเชิงยุทธศาสตร์เรื่องไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้นมีความสมบูรณ์สุด ที่จะทำให้บ้านเมืองรอดจากเงื้อมมือนักการเมืองเลว ขอบคุณท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ที่จุดประกายไฟและแสงสว่างทางปัญญาให้ประชาชน อย่างน้อยสังคมจะได้นำไปถกเถียงได้ตกผลึกว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญทุกประการ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น