วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

!หลักฐานมัดมาร์คคอมีสิทธิ์เลือกตั้งอังกฤษ3หน


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์




อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยเป็นนักเรียนในอังกฤษ นอกจากเกิดที่อังกฤษ เขายังเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถึง 3 หนในประเทศนั้นด้วย นี่จึงเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะส่งตัวขึ้นศาลอาชญากรระหว่างประเทศ



อภิสิทธิ์บอกว่าจำไม่ได้ว่าเคยมีชื่อในทะเบียนบ้านผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อังกฤษ ส่วนศิริโชคแถว่าแค่เคยลงสมัครประธานนักเรียน งั้นไปดูกันเอกสาร 3 ฉบับด้านล่างนี้ เผื่อจะหายความจำเสื่อม แล้วเลิกแถซะที



เอกสารระบุชื่อนายมาร์ค เวชชาชีวะ กับนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในอังกฤษปี 2527-2528 (สะกดชื่อถูก คือ VEJJAJIVA,MARK A. หรือ อภิสิทธิ์ มาร์ค เวชชาชีวะ)



เอกสารระบุชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี2529 ระบุชื่อนายมาร์ค วาชชาชีวะ(สะกดเพี้ยนเป็นVAJJAJIVA , MARK A. )



เอกสารระบุชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี2529 ระบุชื่อนายมาร์ค เวย์ชาชีวะ(สะกดเพี้ยน เป็น VEYYAYIVA, MARK A.)





ตอนผมเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ หากผมอยากได้ประโยชน์จากการเป็นคนอังกฤษ ผมไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แต่ผมก็แสดงตนตั้งแต่ตอนนั้นว่าผมเป็นนักเรียนต่างชาติ คุณแพ่คุณม่อ คุณพ่อคุณแม่ผมก็เป็นออกค่าใช้จ่าย-อภิสิทธิ์






วันนี้ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า มีข่าวดีมาบอก เนื่องจากใกล้ถึงวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะศาลรับพิจารณานำนายอภิสิทธิ์ขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ตั้งแต่มีการยื่นเรื่องไปจนถึงวันนี้ ไม่มีการโยนเอกสารลงตะกร้า แต่ส่งหนังสือมายังนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความคนเสื้อแดง รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่านายอภิสิทธิ์มีสัญชาติอังกฤษ มีฐานะเป็นพลเมืองอังกฤษ เป็นการแสดงให้เห็นว่าศาลอาญาระหว่างประเทสสนใจและต้องการนำเรื่องของนายอภิสิทธิ์พิจารณาคดี



“ โดยนายโรเบิร์ตได้มีหลักฐานยืนยันว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนอังกฤษ หลักฐานสำคัญก็คือสิทธิการเลือกตั้งของนายอภิสิทธิ์ และยังพบอีกว่าในทะเบียนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของอังกฤษ วิทยาลัยเซนจอห์น มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ส่งชื่อนายอภิสิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในอังกฤษปีในช่วงพ.ศ.2526 – 2529 ทำให้นายอภิสิทธิ์มีสถานภาพเป็นพลเมืองอังกฤษเต็มรูปแบบ ซึ่งนายโรเบิร์ตได้นำมาจากทะเบียนราษฎรของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศอังกฤษ”นพ.เหวง กล่าว



เว็บไซต์นปช.นิวส์ อ้างรายงานการสืบสวนของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความนปช.ที่อยู่ระหว่างยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)โดยจะดำเนินคดีในฐานะอภิสิทธิ์เป็นชาวอังกฤษ ได้พบหลักฐานว่าอภิสิทธิ์มีชื่อในฐานะัผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในอังกฤษถึง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นการมัดแน่นว่าเขาคือชาวอังกฤษ ที่ต้องโดนดำเนินคดีในICC



ทนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมแสดงหลักฐานว่า ชื่อของอภิสิทธฺ์ปรากฎชื่อเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3 ครั้ง นี่เป็นบัญชีรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะลงคะแนนเสียงในสหราชอาณาจักร ซึ่งในทศวรรษที่ 1980 ครอบคลุมทั้งชาวอังกฤษ, ชาวไอริช และชาวสหราชอาณาจักร นี่หมายความอภิสิทธิ์ได้ปรับระดับสถานะของเขาอย่างเต็มที่ในฐานะชาวอังกฤษ



บุคคลแต่ละคนถูกลงในทะเบียนโดยที่อยู่ของพวกเขา อภิสิทธิ์ถูกลงทะเบียนตามที่อยู่วิทยาลัยของเขา, เซนต์จอห์น (บนถนน เซนต์ กิลส์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยอ็อซฟอร์ด นี่หมายความว่าเขาถูกลงทะเบียนในสถานะนักศึกษาอังกฤษตามมหาวิทยาลัย โดยมีต้นตอมาจากมหาวิทยาลัยที่เขาลงทะเบียน มหาวิทยาลัยได้ส่งชื่อของผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะลงคะแนนเสียงเหล่านี้ให้กับคณะกรรมการท้องถิ่นซึ่งบรรจุชื่อของพวกเขาในสมุดลงทะเบียน



ปีที่ 1 ที่อภิสิทธิ์มีชื่ออยู่ในทะเบียนคือ พ.ศ. 2527/28 (นี่เป็นปีที่เขามีสิทธิลงคะแนนเสียง), ซึ่งวันที่มีคุณสมบัติในการลงทะเบียนคือ 10 ตุลาคม 2526 (นี่เป็นวันสุดท้ายที่ชื่อของอภิสิทธิ์สามารถเพิ่มเข้าไปในบัญชีรายชื่อ), ที่เมืองอ็อซฟอร์ดในหน่วยเลือกตั้งที่เรียกว่า HA



ปีที่ 2 คือ พ.ศ. 2529 โดยวันที่มีคุณสมบัติในการลงทะเบียนคือ 10 ตุลาคม 2527 ที่เมืองอ็อซฟอร์ดในหน่วยเลือกตั้งที่เรียกว่า HA โดยนามสกุลของอภิสิทธิ์ถูกสะกดผิดเพี้ยนไป



ปีที่ 3 คือ พ.ศ. 2529/30 โดยวันที่มีคุณสมบัติในการลงทะเบียนคือ 10 ตุลาคม 2527 ที่เมืองอ็อซฟอร์ดในหน่วยเลือกตั้งที่เรียกว่า HA โดยนามสกุลของอภิสิทธิ์ถูกสะกดเพี้ยนไปอีกครั้ง



นี่ไม่ได้เพียงหมายความว่า เขามีสิทธิลงคะแนนเสียงเท่านั้น แต่เขายังยังมีคุณสมบัติถือสัญชาติอังกฤษโดยที่มหาวิทยาลัยของเขาจัดการลงทะเบียนเขาเป็นชาวอังกฤษ



ทั้งนี้ไทยไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญากรุงโรมของICC ทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีฐานอาชญากรระหว่างประเทศได้ แต่อังกฤษเป็นสมาชิก ICC ทนายโรเบิร์ตจึงดำเนินคดีฟ้องร้องอภิสิทธิ์ในฐานะเป็นชาวอังกฤษ





***********

ทำไมไม่ก้าวข้ามทักษิณ


เวทีอิสระ



สาวกทักษิณ มักจะกล่าวหาฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณอยู่เสมอว่า“เกรงกลัวทักษิณ ไม่ยอมก้าวข้ามทักษิณ มุ่งแต่จะโจมตีทักษิณอย่างเดียว” ข้อกล่าวหานี้ เป็นความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงของสาวกทักษิณทั้งสิ้น

ความจริงแล้วบรรดาผู้ที่มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่รวมใจกันต่อต้านทักษิณ “ไม่มีความเกรงกลัวทักษิณ”เลย แต่เขามีความ “จงเกลียด จงชัง” ในพฤติกรรมการทำร้ายบ้านเมืองของทักษิณทั้งในอดีต และปัจจุบันต่างหาก อาทิเช่น

-ในอดีต รัฐบาลทักษิณได้เข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ และ มีการทุจริตเชิงนโยบาย เช่น การเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจต่างๆ ของตระกูลชินวัตร ได้แก่ กรณีลดค่าสัมปทานให้ บริษัท A.I.S. กรณีให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า และกรณีแก้ไขกฎหมายโทรคมนาคมเพื่อการขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่ต่างชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ ทักษิณยังไม่รับผิดชอบต่อปัญหาฆ่าตัดตอนถึง 2,500 ศพ ในนโยบายทำสงครามกับยาเสพติด และ การเสียชีวิตของประชาชนในกรณีกรือเซะตากใบ

-การสนับสนุนมวลชนคนเสื้อแดงให้ก่อการจลาจล ตั่งแต่ปี 2552 เพื่อล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่พัทยา การทุบรถเลขาธิการนายกฯ และ รถนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่หน้ากระทรวงมหาดไทยโดยมุ่งร้ายหมายชีวิต และ การนำรถก๊าซมาปิดถนนข่มขู่ประชาชน ต่อเนื่องไปถึงเหตุการณ์ในปี 2553 มีการก่อวินาศกรรม วางระเบิดในสถานที่ราชการ และในที่สาธารณะ เจตนายิ่งถล่มวัดพระแก้ว และกระทรวงกลาโหม การปลุกระดมมวลชนให้เผาบ้านเผาเมืองทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ มีกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธปะปนในมวลชนคนเสื้อแดง เข่นฆ่าทหารและประชาชน รวมถึงการบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นต้น พฤติกรรมอันเลวร้ายต่างๆ เหล่านี้ ทักษิณให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

-ทักษิณแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล จัดการให้น้องสาว เป็นนายกฯ หุ่นเชิด และ กำกับนโยบายในการบริหารประเทศให้เป็นไปตามแนวทางที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง ขยายอิทธิพลของตำรวจให้คุมหน่วยงานสำคัญๆ และ นำผู้บริหาร หรือ ผู้ที่เคยอยู่ในแวดวงธุรกิจของชินคอร์ป มาเป็นรัฐมนตรีบริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุมกระทรวงเศรษฐกิจ และ สื่อสารมวลชน

-การล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ทักษิณมีอำนาจ และ ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับในช่วงที่ทักษิณต่อสู้เพื่อฟอกตัวให้บริสุทธิ์ หาช่องทางกลับประเทศไทยมามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง

-ในปัจจุบัน ทักษิณกำลังใช้สภาเป็นเครื่องมือ โดยผ่านทาง ส.ส. พรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นเสียงข้างมากในสภา กดดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตามแนวทางที่ตนต้องการ ในขณะเดียวกันก็สร้างกองกำลังคนเสื้อแดง และ ขยายหมู่บ้านคนเสื้อแดงให้ครอบคุมทั่วทุกภาคของประเทศ เพื่อเป็นฐานอำนาจของตนต่อไป

พฤติกรรมของทักษิณดังกล่าวข้างตน ได้สร้างความ “จงเกลียด จงชัง” ให้ แก่คนไทยโดยทั่วไปที่ยังคงมีสติ และ มีจิตสำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดิน นอกจากนี้ ทักษิณยังปลุกระดมผ่านวีดีโอลิ้งค์หลอกลวงบรรดาคนรากหญ้าเสื้อแดงที่มาชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และตามจังหวัดต่างๆ จนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การโป้ปด หลอกลวง โกหกตอแหล เป็นนิสัยสันดานประจำตัวของทักษิณไปเสียแล้ว เป็นพฤตินิสัยสันดานที่ “น่าขยะแขยง” อย่างยิ่ง

ทักษิณได้สร้างตัวอย่างอันเลวทรามนี้ให้แก่สาวกทั้งหลายถือปฏิบัติเพื่อล้างสมองคนไทยที่ขาดสติ ให้เห็นผิดเป็นชอบ เห็นความชั่วเป็นความดี หากพฤติกรรมอันเลวทรามนี้ติดเป็นสมบัตินิสัยของคนในชาติแล้ว ประเทศไทยคงจะเต็มไปด้วยโจรทั้งแผ่นดิน สังคมไทยก็จะตกอยู่ในภาวะที่อันตรายอย่างยิ่ง

โจรปล้นประเทศ โจรผู้ไม่สำนึกผิด โจรผู้ไม่เห็นผู้พิพากษาหรือตุลาการอยู่ในสายตา ยังจะเสนอหน้ามาสร้างความปรองดองในชาติอีกหรือ? ด้วยความจงเกลียด จงชัง และ ขยะแขยงในพฤติกรรมของทักษิณดังกล่าว คนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน จึงไม่ยอมข้ามพ้นทักษิณ แต่จะร่วมแรง ร่วมใจกันล้าง “อาจม” ที่น่ารังเกียจ และ น่าขยะแขยงให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้