ภาณุมาศ ทักษณา
หลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เรื่อง ปรองดองฉบับ “สนธิ” ข้าม “ทักษิณ” ไปให้ถึง “ประชาชน” ในหน้า 15 ของ หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันนี้( 13 ธ.ค.) จบ
ผมพลิกกลับไปที่หน้า 2 ดูรายชื่อกองบรรณาธิการจึงทราบว่า คุณนิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ผู้สัมภาษณ์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มีตำแหน่งเป็น บรรณาธิการข่าวการเมือง ของหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
ผมขอขอบคุณ คุณนิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ บรรณาธิการข่าวการเมือง กรุงเทพธุรกิจ ที่กรุณา “ตั้งคำถาม” สัมภาษณ์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน สมกับเป็น “มืออาชีพ” ผ่านการเคี่ยวกรำจากต้นสังกัดมาแล้วเป็นอย่างดี
ดูจากหัวข้อคำถามหลัก ๆ นะครับ
1.จะลืมอดีตที่ยังผูกโยงกับคดีความอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค.2553 อย่างไร
2.ถ้าหลักคิดเรื่องการลืมอดีตของท่าน แต่มันยังมีคดีปัจจุบัน จะทำอย่างไร,
3.ถ้าดูเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด อย่างเรื่องการเคลื่อนไหวของพระราชทานอภัยโทษ เตรียมออกกฎหมายนิรโทษ ก็ถูกต่อต้านหนักพอสมควร แนวทางนี้จะไปได้หรือ
4.ประเด็นที่ยังน่าเป็นห่วง คือ จะข้ามคุณทักษิณ ชินวัตร ไปได้อย่างไร เพราะคุณทักษิณก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้น”
5.ปมแก้ มาตรา 112 คนที่อยกาให้แก้ก็ยังเคลื่อนไหวไม่หยุดจะทำอย่างไร
6.ความเคลื่อนไหวและข้อเสนอของนักวิชการ กลุ่มนิติราษฎร์ เสนอล้มล้างผลพวงรัฐประหารที่จะย้อนกลับมายังท่านที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารคิดอย่างไร
7.รู้สึกอย่างไร วันนั้นเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร วันนี้ต้องมานั่งประธานปรองดองระหว่างคนต่อต้านรัฐประหาร และสองฝ่าย
8.การรัฐประหารที่ถูกนำมาถกเถียง เป็นส่วนหนึ่งของปัญญาหรือไม่
9.ได้คุยกับอดีตนายกฯทักษิณ บ้างหรือไม่ เรื่องการเดินแนวทางปรองดอง,
10. นึกอยากคุยไหม เพราะการรับฟังความเห็นจากคุณทักษิณก็น่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลอย่างหนึ่ง
ถ้า 10 คำถามนี้เป็นการปาลูกดอก ก็อยากบอกคุณนิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ว่าคุณปาเข้าเป้าทุกดอกครับ !
ผมอ่านคำตอบของ พล.อ.สนธิ บุบยรัตกลิน แล้ว รู้สึกเห็นใจท่านนะครับเหมือน คุณนิภาวรรณ “ถามไม่ตรงคำตอบน่ะ” (ฮา)
ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างสักข้อก็ละกัน คุณนิภาวรรณ ถามว่า “ถ้าหลักคิดเรื่องการลืมอดีตของท่าน แต่มันยังมีคดีปัจจุบัน จะทำอย่างไร” พล.อ.สนธิ ตอบว่า
“สิ่งที่ผ่านมา มันอยู่ที่ทาง คอป.เขาคิดไว้แล้ว ไปดูผลของ คอป.แล้วทางสถาบันพระปกเกล้า จะไปดูว่าอะไรสามารถให้อภัยกันได้” พล.อ.สนธิ ทำให้ผมคิดถึง พล.อ.ชวลิต ขึ้นมาตะหงิด ๆ เท่านั้นไม่พอ ท่านขยายความว่า
อย่าลืมนะว่า การให้อภัยต่าง ๆ ในประเทศไทย เกิดขึ้นหลายสิบครั้งแล้ว แม้กระทั่ง 66/23 สมัยที่มีนักศึกษาที่เข้าป่า เราก็ลืมอดีต ให้อภัยกัน เมื่อกลับเข้ามา ณ วันนี้ เป็นรัฐมนตรีเยอะแยะ ก็ไม่เป็นไปไร่”
ผมไม่ทราบว่า พล.อ.สนธิ โยงเรื่องนั้นมาถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่
ความแตกแยกของคนในชาติทุกวันนี้มีต้นเหตุเดียวคือ ทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศจนไม่น่าไว้วางใจ
ประชาชนจึงลุกขึ้นมาขับไล่ แล้ว พล.อ.สนธิก็นำกำลังทหารยึดอำนาจ, ตั้งคณะกรรมตรวจสอบการทำงานของทักษิณ, ส่งผลให้มีการยึดทรัพย์และตัดสินลงโทษ, จน ทักษิณ ต้องหนีเตลิดไปอยู่ต่างประเทศ
ส่วนนักศึกษาหนีเข้าป่าน้นเป็นการ “สูญเสียอิสรภาพทางการเมือง” เมื่อได้รับการอภัย จึงพากันกลับเข้ามาเรียนหนังสือ และช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ
แต่กรณีทักษิณ ชินวัตร มันเป็นเรื่องของการ “สูญเสียอำนาจและทรัพย์สิน”ที่ถูกยึดไป และพยายามทุกวิถีทางที่จะ “สู้” เพื่อให้ได้อำนาจและทรัพย์สินคืนมา
วันวานก็ให้คนใกล้ชิดออกมาโยนหินถามทางขอเปิดการเจรจาด้วยข้อเสนอ 6 ข้อเพื่อให้ได้ “อำนาจและทรัพย์สิน” คืนมา ผมจึงเชื่อว่าทักษิณไม่ต้องการการให้อภัยจากใครสักเท่าไหร่หรอกครับ
วันนี้รัฐบาลก็เป็นของพรรคตัวเอง นายกรัฐมนตรีก็เป็นน้องสาวตัวเอง สภาผู้แทนราษฎร์ก็เหมือนของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรอการให้อภัยจากใครเพื่อเดินทางกลับเมืองไทยนะครับ
แต่ที่ทักษิณไม่กลับ เพราะทักษิณกลัวถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.อ.สนธิรู้ไหม ทักษิณ ชินวัตร อยากกลับมาเมืองไทยด้วยความรู้สึกว่าเขายังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ แต่บังเอิญเผลอหลับยาวในต่างประเทศต่างหาก
นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของ ทักษิณ ชินวัตร ครับ พล.อ.สนธิ !
หรือว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ ก็เพื่อสนองความปรารถนาสูงสุดของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
หวังว่าท่านคงมิได้คิดอย่างนั้นนะครับ เพราะถ้าท่านคิดเช่นนั้นมัน คนจะมองว่ากำลัง “ใช้เท้าลบสิ่งที่ท่านเขียนด้วยมือ” ครับ !