วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จับตาแผน “นิวไทยแลนด์” ฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม


Logo



กลายเป็นประเด็นตามหน้าสื่อทุกฉบับทันที เมื่อนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ในวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2554 ว่าคณะรัฐมนตรีได้หยิบโครงการ “นิวไทยแลนด์” มาฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม
New Thailand
ขณะนี้ รายละเอียดของแผน “นิวไทยแลนด์” ยังไม่ชัดเจนนัก และยังมีเฉพาะเท่าที่นายพิชัยเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเท่านั้น เราทราบเพียงแต่ว่าแผนทั้งหมดจะใช้เงิน 6-8 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นการฟื้นฟูประเทศระยะสั้นภายในปีแรก 1 แสนล้านบาท และที่เหลือจะเป็นแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจากหลายกระทรวง ว่า  ที่ประชุมเห็นว่าแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะหากประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤตลักษณะนี้อีก จะเป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้นต้องมีการแก้ไขปัญหาระบบน้ำของประเทศทั้งหมด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเป็นการวางแผนประเทศไทยใหม่ หรือ “New Thailand” โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 6 – 8 แสนล้านบาท
“ขณะนี้มีประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ได้เสนอแผนฟื้นฟูประเทศไทยเป็นแบบแพ็คเกจมาแล้ว ทั้งเงินทุนและวิทยาการ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้แผนใด เนื่องจากจะต้องประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อได้แผนรวมทั้งหมดเสียก่อน ส่วนความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้ ต้องรอให้น้ำลดก่อน”นายพิชัยกล่าว
สำหรับการฟื้นฟูระยะแรกภายใน 1 ปีหลังน้ำลดจะใช้งบประมาณ 1 แสนล้านบาทเข้าไปฟื้นฟู เช่น การฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจและอัตราการว่างงาน ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานได้สั่งซื้อเครื่องสูบน้ำอีก 140 เครื่องมาเตรียมการไว้แล้วที่จะมาถึงภายใน 20 วันรวมทั้งการฟื้นฟูรถยนต์ที่เสียหายจากน้ำท่วม พร้อมพิจารณาลดค่าน้ำมันเครื่อง และอาจจะพิจารณาลดค่าไฟฟ้า ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน
ที่มา – โพสต์ทูเดย์
จากข้อมูลของนายพิชัยได้อธิบายว่าแผนการฟื้นฟูระยะสั้นมีประเทศต่างๆ เข้ามาให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำ ส่วนแผนการระยะยาวนั้นยังไม่ชัดเจนนัก และยังไม่มีคำยืนยันว่าจะเห็น “เมกะโปรเจคต์” อย่างการสร้างเขื่อนรอบปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตามไอเดียของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงการหาเสียงหรือไม่
นายพิชัยให้ข้อมูลเพียงว่า เงินทุนสำรองของประเทศไทยมีมาก จึงไม่มีปัญหาเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน รวมถึงได้รับข้อเสนอให้เงินฟื้นฟูจากต่างประเทศอีกด้วย
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาวิจารณ์แผนการ “นิวไทยแลนด์” ในประเด็นด้านแหล่งที่มาของเงินทุนเป็นหลัก รวมถึงวิจารณ์ความเหมาะสมของเวลาในการนำเสนอ ซึ่งตอนนี้ควรเน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากเป็นอันดับแรก นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังเตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติใน ประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนอีกด้วย
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา กล่าวว่าจากแนวคิดของโปรเจค “นิวไทยแลนด์” เพื่อฟื้นฟูประเทศนั้น ตนเห็นด้วย แต่ตนมีข้อกังวลว่ารัฐบาลจะนำเงินจากแหล่งใดมาดำเนินการ ดังนั้นรัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า เป็นงบตาม ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2555 หรือ ออกเป็นพระราชกำหนด หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงิน นอกจากนั้นแล้วในส่วนของรายละเอียดโครงการตามเม็ดเงินที่ใช้จ่าย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน
“เบื้องต้นผมมองว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาระบบน้ำทั้งประเทศ รัฐบาลควรยกให้เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพและมีรูปแบบการทำงานแบบคณะกรรมการ มีการศึกษาข้อมูล แผน การปฏิบัติ และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน อาทิ นักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ, สมาชิกรัฐสภา และ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพราะผมมองว่าการแก้ไขปัญหาระบบน้ำทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อน หรือ ฟลัดเวย์ นั้นอาจสร้างผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เป็นระยะเวลานานหลายปี ดังนั้นจำเป็นที่ต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่” นายอนุรักษ์ กล่าว
นายอนุรักษ์ กล่าวอีกว่าก่อนที่จะปิดสมัยประชุมสามัญ ของวุฒิสภา ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางสมาชิกวุฒิสภา เตรียมยื่นญัตติของเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ต่อประธานวุฒิสภา ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐบาลได้ชี้แจงต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมถึงมาตรการเยียวยาผู้ประสบภัย และการฟื้นฟูภาพรวมของประเทศ
ด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขงบประมาณที่รัฐบาลจะใช้ในโครงการนิวไทยแลนด์ ที่ระบุผ่านสื่อจำนวน 8 แสนล้านบาท นั้น รัฐบาลจะนำงบมาจากไหน เพราะขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดวงเงินที่จะใช้ชดเชย ฟื้นฟู และเยียวยาเรื่องน้ำท่วม เพียง 1.2 แสนล้านบาทเท่านั้น ซึ่งในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ไม่ได้ระบุถึงส่วนโครงการนิวไทยแลนด์แต่อย่างใด หากรัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเข้ามาใช้จ่าย ควรคำนึงถึงภาระหนี้ที่จะเกิดกับคนทั้งประเทศด้วย
คมชัดลึก
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในวันที่ 31 ตุลาคม 2554 ว่า งบประมาณที่จะนำมาเยียวยาจำนวน 800,000 ล้านบาท นั้น ไม่ได้นำมาจัดทำโครงการนิวไทยแลนด์ แต่จะนำมาแก้ไขปัญหาน้ำอย่างถาวร และฟื้นฟูเยียวยาทุกภาคส่วน – INN

ข่าวและข้อวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนที่น่าจะรับฟัง

00197
ข่าวและข้อวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนที่น่าจะรับฟัง
รามอินทรา
        แม้จะทุกข์ยากจากน้ำท่วม  แต่ก็ยังซาบซึ้งในน้ำพระทัยฯของในหลวง ที่ทรงห่วงใยประชาชน
        -นิตสารไทม์ รายงานเกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม กทม. อย่างใกล้ชิดโดยระบุว่ากระแสน้ำเริ่มไหลเข้าใกล้หัวใจทางประวัติศาสตร์ที่ สำคัญของ กทม.ระดับน้ำที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวังขณะนี้(28 ต.ค.54)ได้สูงถึงหัวเข่าแล้ว  นอกจากนั้นยังมีวัดและพระราชวังอีกมากมายที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่าน ผบ.ทบ.ว่าไม่โปรดให้ป้องกันพระราชฐานเป็นพิเศษปล่อยให้น้ำไหลตามธรรมชาติ  ขณะเดียวกันทางกองทัพไทยระบุว่าได้ใช้กำลังทหารกว่า 5 หมื่นนาย  สนับสนุนรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ (ไทยรัฐ)
        -พล.อ.ประยุทธ์ฯ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่า  กองทัพจะทุ่มเทศักยภาพต่างๆอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน ขอให้เชื่อมั่นทหารจะไม่ทอดทิ้งประชาชนทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยพวกเราทุกคน พระองค์มีรับสั่งให้ทหารดูแลประชาชนให้มากที่สุดถึงแม้ว่าพระองค์จะยัง ประชวรอยู่ก็ตาม (ไทยโพสต์)
        -ทรงพระเจริญ
        ใครทำเพื่อประชาชนใครเอาแต่เล่นการเมือง
        ชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าทำไมน้ำในคลองของ กทม.หลายแห่งไม่มีน้ำ  ทั้งๆที่พื้นที่ตอนเหนือ กทม. กำลังมีน้ำท่วมขังจำนวนมาก  ทาง กทม.ได้โทษกรมชลประทานสั่งปิดประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้าพื้นที่  ขณะที่กรมชลประทานและศปภ.ก็โทษ กทม.ว่าไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำ  ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ “อันดามัน”มั่นใจว่าต้องมีใครคนหนึ่งที่โกหก  ถึงเวลาประชาชนต้องจดจำว่าใครทำเพื่อประชาชน  ใครเอาแต่เล่นการเมือง (เดลินิวส์)
        -ก็มีนักวิชาการอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย แต่คนไทยก็เป็นแบบนี้ถ้าคนละฝ่ายจะมีปัญหาพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เละเทะ  ประชาชนต้องรับกรรมไป
        สว.ค้านแก้พรบ.กลาโหม
        พล.อ.สมเจตน์ฯ สว.สรรหาให้ความเห็นยืนยันคำเดิมว่าการที่นักการเมืองจะแก้ไข พรบ.จัดระเบียบ กห. ก็เพื่อต้องการทำลายกองทัพ ต้องการเข้ามาแทรกแซงโยกย้ายข้าราชการในกองทัพ  โดยกองทัพมีหน้าที่ปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์  เพราะฉะนั้นถ้าสามรถทำลายกองทัพได้ก็สามารถเปลี่ยนโครงสร้างประเทศได้  เห็นว่าหน่วยราชการต่างๆที่นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงคิดดูว่า  กองทัพจะเป็นอย่างไร  แม้แต่ของที่ประชาชนนำมาบริจาคยังแย่งกัน  ยังเอามาติดป้ายซื่อเป็นของตัวเอง (เดลินิวส์)
        -การเมืองไทยมันต่ำติดดินไม่ยอมเงยขึ้นมาสักที
        ขู่เพิ่มโทษจำคุกมิจฉาชีพ
        พล.ต.ต.อำนวยฯ รองผบช.น.ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องบรรดามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสโจรกรรมทรัพย์สินของ ประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมในขณะนี้ว่า  ถือเป็นการสร้างภัยซ้ำซ้อนให้กับผู้ที่กำลังประสบภัยเป็นการกระทำที่ชั่ว ร้ายมาก  ซึ่งกฎหมายมีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าต้องโทษสูงกว่าการลักทรัพย์ทั่วไป  และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดูแลเป็นพิเศษโดยทุกกองบังคับการได้จัดชุดลาด ตระเวนตรวจสอบความปลอดภัยในส่วนนี้ด้วย (เดลินิวส์)
        -แต่ที่ผ่านมาก็รู้ๆ กันอยู่คนธรรมดาไปแจ้งความเรื่องถูกโจรกรรมแล้วเป็นยังไง  จับขโมยได้เมื่อไหร่ก็ช่วยบอกด้วยแล้วกัน
        กิตติรัตน์จนปัญญาแก้ไข่แพง
        นายกิตติรัตน์ฯ รองนรม.และ รมว.พาณิชย์เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการผลิตสิ้นค้าอุปโภค บริโภคว่า ยอมรับปัญหาไข่ไก่แพงและขาดแคลน  ซึ่งแก้ไขได้ยากเพราะปัญหาน้ำท่วมกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ทำให้แม่ไก่ตาย จำนวนมาก  จึงแก้ไขไม่ได้จนกว่าจะเลี้ยงแม่ไก่รุ่นใหม่ออกมา  ดังนั้นในช่วงนี้หากสินค้าไข่ไก่ที่มีราคาสูงขึ้นมาถึงฟองละ 8 บาท ประชาชนก็อย่าซื้อไปกินซื้อสินค้าอื่นแทน (มติชน)
        -สิ้นค้าที่หาง่ายและถูกกว่า มันก็เหลือแต่ลูกอม แกลบ และก้อนกรวดเท่านั้นจะกินเข้าไปยังไงท่านอำมาตย์ ไอ้ที่อยากให้ตายไม่ตายดันมาตายแต่แม่ไก่
00196

        เผด็จการที่มีทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเถื่อนอยู่ร่วมกัน
        ข่าวที่กำลังดังและสร้างความไม่พอใจกับคนเสื้อแดงบางคนได้แก่ คลิปประจานถุงยังชีพที่ศปภ.ดอนเมือง(ตอนนี้ย้ายที่ตั้งแล้ว) โดยกล่าวหาว่าคลิปดังกล่าวใส่ร้ายคนเสื้อแดงและทักษิณ  ถึงกับมีการขู่ฆ่าคนทำคลิปผ่านทางเฟตบุ๊ค โดยใช้ชื่อว่า “แดงใต้ดิน” (ยูทูป)
        -แบบนี้ ออกจะเกินเลยไปหน่อยใครจะวิพากษ์วิจารณ์หรือเอาเหตุการณ์จริงที่พบเห็นออกมา เผยแพร่ให้สาธารณาชนรับรู้ไม่ได้เลย  มันก็เป็นเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จที่มีทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเถื่อนคอยจ้องกดหัว ประชาชน ใหนชอบอ้างประชาธิปไตยยังไงแค่นี้ก็ทนไม่ได้เสียแล้ว
                                                        

“ถามอย่างนี้เหรอคะ ขอโทษเถอะ เห็นใจกันบ้างเถอะคะ”

“ถามอย่างนี้เหรอคะ ขอโทษเถอะ เห็นใจกันบ้างเถอะคะ”
น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
31 ตุลาคม 2554
นายกฯแหวกวงล้อมสื่อกลับบ้านหลังเจอถามคลองสามวา
  
เนชั่นทันข่าว  31 ตค. 2554 18:49 น.
เมื่อเวลา 15.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากศปภ. เพื่อเดินทางกลับบ้านพักถึงกรณีการตกลงระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้านชาวเขตคลอง สามวาที่ไม่พอใจการเปิดประตูระบายน้ำว่า เรื่องของคลองสามวานั้นเพราะมวลชนมีความเป็นห่วง ดังนั้นต้องปรับในเรื่องของการหรี่น้ำบานประตูระบายน้ำที่คลองสามวาให้ลดลง ไป เพราะเป็นห่วงในส่วนของนิคม จึงได้มีการหารือแนวทางกันเรียบร้อยแล้วคงไม่มีปัญหาแล้ว และคงต้องทำการซ่อมแซม
เมื่อถามว่าสรุปแล้วการจัดการที่คลองสามวาเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เปิดเต็มที่ เพราะต้องมีการหรี่ลงบ้างเพื่อจะบรรเทาปริมาณน้ำ แต่ต้องควบคุมในส่วนของปริมาณประตูน้ำบานอื่นลงไป ซึ่งได้มีการหารือกันในหลักการและมีความเข้าใจตรงกันเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหา แล้ว
ส่วนที่ยอมเปิดประตูคลองสามวาความเสี่ยงของเขตอุตสาหกรรมบางชันจะเพิ่ม ขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ให้หลักการไปว่าไม่เปิด 100 เปอร์เซ็นต์ เราหรี่ลง เพราะห่วงนิคมอุตสาหกรรม จึงให้กทม.และคณะบริหารติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำลงไปดู และให้เปิดปริมาณที่ไม่กระทบกับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน
ส่วนที่ล่าสุดเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเขตคลองสามวาได้รวมตัวกันเพื่อเรียก ร้องให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มอีก 70 เซนติเมตร เป็น 150 เซนติเมตรแต่กทม.เปิดประตูระบายน้ำ 80 เซนติเมตร แนวทางที่นายกฯ มอบไปเป็นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตกลงกันแล้วที่ 80 ซม.เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามย้ำว่าการขอให้เปิดเพิ่มจากที่เปิด 75 ซม. ตกลงแนวทางเป็นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยสีหน้ามึนงงว่า “อะไรคะ มัน ร้อยนึง แล้วจะเปิดอีก 70 ซม. ได้ยังไง ถามใหม่ได้ไหมคะ อะไร ยังไง ตรงนี้ไปถาม กรมชลฯดีกว่าไหมคะ ทำไมต้องมาถาม เดี๋ยวนะคะถามยังไงนะคะ”
ผู้สื่อข่าวพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์และถามว่า หมายถึงตอนนี้ชาวบ้านอีกฝั่งอยากให้เปิดเพิ่ม 70 ซม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ขออนุญาตนะคะ เมื่อคืน (30 ต.ค.) เดิมทีเขาอยากจะเปิด 70 ซม. เรามาขอต่อรองกันไป สุดท้ายจบที่ 80 ซม.แบบนั้นค่ะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่าทุกอย่างจบแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรขึ้นมาอีกใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หันมาทางผู้สื่อข่าวพร้อมนำมือจับไปที่แขนนักข่าวที่ตั้งคำถามว่า “ถามอย่างนี้เหรอคะ ขอโทษเถอะ เห็นใจกันบ้างเถอะคะ”
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์แหวกวงล้อมสื่อด้านข้างและเดินหนีการตอบคำถามด้วยสีหน้าที่ ไม่พอใจ ที่สื่อพยายามไล่บี้ถามคำถามต่อกรณีที่ชาวบ้านคลองสามวา ทะเลาะกัน เรื่องการเปิดประตูระบายน้ำของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกฯ เดินทางกลับไป คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พยายามเดินมาชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงข้อพิพาทของชาวบ้านที่ต้องการให้เปิด ประตูระบายน้ำที่คลองสามวา โดยล่าสุดปัญหาได้ยุติลง โดยนายกฯ ได้เซ็นตามข้อเสนอของ กทม.และชาวบ้านที่ตกลงจะเปิดประตูระบายน้ำ 1 เมตร แล้ว
0000
นายกปูแดงหนีไปทางไหนก็ไม่พ้นต้องตอบคำถามหรอกครับ
หนีนักข่าวก็ต้องเจอคำถามจากประชาชน ทั้งโลกจริง โลกอินเตอร์เน็ต
ที่สำคัญ จะต้องเจอการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา
จะใช้ลีลาโวหาร น้ำตา มารยาทั้งหลาย ประชาชนรู้ทันหมดแล้ว
ไม่ยอมระบายลงฝั่งตะวันออก เพราะห่วงนิคม แต่ปล่อยให้ประชาชนเหนือกทม.ระทมทุกข์มากมาย
แล้วมาป้ายขี้ให้กทม. ป้ายขี้ให้คนกทม. ไม่ยอมเปิดพนังกั้นน้ำ แบบนี้เค้าเรียกว่า หาแพะมารับเคราะห์
คนกทม. ไม่ได้ดักดานจนคิดอะไรไม่เป็นนะครับ
เข้าใจมั๊ย
แคน ไทเมือง
000000
หลักฐานที่บ่งบอกว่าเพิ่งสั่งให้ปล่อยน้ำไปทางตะวันออกเมื่ออวันที่ 20 ตุลาคม ก่อนหน้านั้นทำไมไม่สั่งการ?
ศปภ.เด้ง”อุเทน”ยกเลิกกรรมการผันน้ำ
  
เนชั่นทันข่าว  31 ตค. 2554 07:53 น.
แฉบิ๊กศปภ.- สามนิคม ตกลงร่วมกันหวั่นระบายน้ำทำอุตสาหกรรมพัง 3นิคมท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัย (ศปภ.) ฉบับที่ 37/2554 เรื่องยกเลิกคำสั่ง หลังจากที่มีคำสั่ง ศปภ. 12/2554 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2554 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลและคำสั่งศปภ. ฉบับที่ 16/2554 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2554 เรื่องเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมคณะกรรมการลงทะเลนั้น เนื่อง จากนายกฯ ได้มีคำสั่งที่ 20/2554 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2554 สั่งการให้กรมชลประทานระบายน้ำจากคลองรพีพัฒน์ แยกตะวันตกออกสู่ทะเลอ่าวไทย และคำสั่งที่ 18/2554 ลงวันที่ 20 ต.ค. 2554 แต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารภัยร้ายแรง อาศัยอำนาจตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 193/2554 ลงวันที่ 8 ต.ค. 2554 เรื่องการตั้งศูนย์ศปภ.
และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 17/2554 ลงวันที่ 20 ต.ค. 2554 เรื่องกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสาธารภัยร้ายแรง ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ข้อ 3 จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งศปภ. ฉบับที่ 12/2554 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2554 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลและคำสั่งศปภ. ที่ 16/2554 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2554 เรื่องเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 2554 โดยคำสั่งยกเลิกดังกล่าว ลงนามโดย พล.อ.ต.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรม ฐานะผู้อำนวยการศปภ.
ทั้งนี้รายงานข่าวจากศปภ.แจ้งว่า เหตุผลที่มีคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล ที่มีนายอุเทน ชาติภิญโญ เป็นประธานคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลนั้น เนื่องจากทางศปภ.เกรงว่าคณะกรรมการชุดนี้จะทำงานซับซ้อนกับคณะทำงานบริหาร จัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ที่มีนายวีระ วงศ์แสงนาค เป็นประธานคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารภัยร้ายแรง
รายงานข่าวยังเปิดเผยอีกว่า การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเป็นเพราะทางผู้ใหญ่ระดับสูงของศปภ.มีการตกลงกับตัว แทนนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 นิคม คือ บางชัน นิคมอุตสาหกรรมสุวินทวงศ์ และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งทางตัวแทนของ 3 นิคมเห็นควรว่าหากยังมีคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลที่มีพื้นที่รับผิดชอบระบาย น้ำจากคลองรพีพัฒน์ แยกตะวันออก สู่ทะเลอ่าวไทย ซึ่งการผันน้ำดังกล่าวจะผ่านที่ตั้งของ 3 นิคมอุตสาหกรรมด้วย
ดังนั้นอาจส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมทั้ง 3 นิคมได้ จึงต้องมีการยกลงคณะกรรมการผันน้ำชุดนี้ลงทันที ดังนั้นทางศปภ.จึงมีคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการชุดนี้

About แคน ไทเมือง

นิเทศศาสตร์จุฬา-ชาวนาแก่ ๆ

เจาะขุมทรัพย์ เก่ง- “การุณ โหสกุล” ผู้มีบารมี ศปภ.รวยเงียบๆ 60 ล้าน

แกะ รอยธุรกิจ เก่ง-“การุณ โหสกุล” นักการเมืองนามกระเดื่องแห่งทุ่งดอนเมือง จากคดีวิวาทสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์  คู่ปรับมัลลิกา บุญมีตระกูล สู่เรื่องวุ่นๆใน ศปภ. กรณีอมสิ่งของบริจาค เรือห้องสุขาลอยน้ำ สวนทางบทบาททางการเมือง ฐานะขั้น “เสี่ย” รวยเงียบๆกว่า 60 ล้าน
นอกจากมีอาชีพนักการเมือง น้อยคนที่จะรู้ว่า นายการุณ โหสกุล (เก่ง)  ส.ส.กรุงเทพฯนามกระเดื่องแห่งพรรคเพื่อไทยทำธุรกิจเหมือนกัน

ธุรกิจที่ว่าคือ บริษัท เค.โซน จำกัด  ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ประกอบธุรกิจสถานออกกำลังกาย จดทะเบียนวันที่  24  มี.ค.49  ทุน  1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่  159/161 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ นายการุณ โหสกุล และ น.ส.พัชณี เพ็ญวุฒิกุล เป็นกรรมการ  ผลประกอบการปี 2553  รายได้  1,396,277  บาท  ขาดทุนสุทธิ 117,035 บาท
ขณะเดียวกันข้อมูลจากบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่นายการุณยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่ามีรายได้จาก “ตลาดนัด” อีกด้วย
ทั้งนี้ตอนรับตำแหน่ง ส.ส. 22 ม.ค. 51 นายการุณยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุสถานภาพ “หย่า” มีรายได้ (นอกจากเงินเดือน) ประกอบการตลาดนัดประมาณ 100,000 บาท มีทรัพย์สิน 46,524,842  บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดิน 31,109,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,200,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน รถยนต์ ไม่ระบุว่ามีหนี้สิน
ตอนพ้นตำแหน่ง ส.ส. 10 พ.ค.54 ระบุว่า มีรายได้จากประกอบการตลาดนัดประมาณ 200,000 บาท  โดยทรัพย์สิน 43,436,917.74  บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดิน 22,401,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,200,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น มีหนี้สิน 507,444.76 บาท
ที่น่าสนใจการยื่นบัญชีฯครั้งนี้ระบุว่า นางพิมพ์ชนา คู่สมรส ซึ่งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพฯ ลูกสาวนายทหาร  มีทรัพย์สิน 18,705,230.39 บาท หนี้สิน 3,958,008.76 บาท
ตอนรับตำแหน่ง ส.ส. 2 ส.ค.54 (เลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ) ระบุว่ามีทรัพย์สิน 42,343,398.45  บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดิน 22,401,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,200,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น มีหนี้สิน 1,498,954.82 บาท
นางพิมพ์ชนา คู่สมรส มีทรัพย์สิน 19,732,052.17  บาท  มีหนี้สิน 7,234,999.33 บาท
เปรียบเทียบตอนรับตำแหน่งและพ้นตำแหน่งเท่ากับนายการุณมีทรัพย์สินลดลง 3,087,925 บาท
ก่อนหน้านี้นายการุณตกเป็นข่าวคาวอันดับต้นๆ ตั้งแต่กรณีกระโดดถีบ “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขณะฝ่ายหลังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการแจ้งความฟ้องร้องกันไปมา
กรณีวิวาทกับ “ติ่ง-มัลลิกา บุญมีตระกูล” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์  อันเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าไม่ให้เกียรติ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ขณะเดินทางเข้าร่วมประชุมแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่ศูนย์ปฏิบัติช่วยเหลือผู้ ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สนามบินดอนเมือง จนเกิดวิวาทะและมีข่าวว่าถูก“มัลลิกา”ถีบก้นจนหัวคะมำ เจ้าตัวปฏิเสธทำนองว่าแค่เบียดเสียดกันเท่านั้น
ล่าสุดนายการุณถูกกล่าวหาว่ามีอำนาจในการเบิกจ่ายสิ่งของบริจาคที่ศูนย์ ปฏิบัติช่วยเหลือผู้ประสบอุทักภัย ได้รับบริจาคจากประชาชนขณะตั้งอยู่ในอาคารสนามบินดอนเมือง รวมทั้งกรณีอมเรือห้องสุขาลอยน้ำ ขณะที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงว่าไปปรากฏกายที่ ศปภ.ในช่วงแรกๆ ตอนหลังมิได้เข้ายุ่งเกี่ยว  สิ่งของบริจาคทั้งหมดอยู่ในการดูแลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งเก็บไว้เพื่อแจกจ่ายไปยังพื้นที่ๆ เหมาะสม ไม่ได้ทิ้งไว้ หรือสต็อกไว้เป็นของส่วนตัว
ถ้าดูจากกองสินทรัพย์ที่เข้าขั้น “เสี่ย”กับเรื่องอื้อฉาวที่ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องและความใหญ่โตทางการ เมือง  ต้องนับว่า“เก่ง”สมชื่ออยู่เหมือนกัน 


ที่มา;  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ,สำนักข่าวสถาบันอิศรา รวบรวม
ที่มาภาพ : http://www.chaoprayanews.com/2010/06/02