วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มหากาพย์องค์กร "กสทช."/งานนี้มีเดิมพัน "หลายแสนล้าน"

by อดิศักดิ์ ,

บ้าน เมืองของเรามักมีเรื่องร้อนๆ ซ้อนๆ กันในห้วงเวลาเดียวกัน  คอลัมนิสต์รายสัปดาห์อย่างผมเลยมักเป็นคนหลายใจไม่รักษาคำพูด  เลือกไม่ค่อยถูกว่าจะเขียนถึงเรื่องอะไร  ทั้งๆ ที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขียนตอนที่ 1 ตั้งคำถามถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะปฏิรูป หรือ Re-Branding จริงหรือเปล่า
    สัญญาว่าสัปดาห์นี้จะมาเขียนตอนที่ 2 เพื่อบอกคนรุ่นใหม่ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่หลงไปว่าตัวเองเป็นกูรูรู้จักสื่อใหม่ แต่กลับไม่เคยทำความเข้าใจสื่อเก่าหรือกลางเก่าใหม่อย่างโทรทัศน์ดาวเทียม ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคเพื่อไทยยับเยิน  แต่ต้องขออภัยที่ขอไม่เขียนต่อในวันอาทิตย์นี้  เพราะดันมีเรื่องร้อน "กสทช." แทรกเข้ามา
   สายๆ วันนี้ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกับอีกหลายองค์กร จัดเสวนาเรื่อง "ผ่าแผนล้ม สรรหา กสทช." ตั้งหัวข้อได้น่าสนใจ คาดว่าเนื้อหาน่าจะอยู่ในระดับพาดหัวไม้ได้ หรือขึ้นข่าวหนึ่งโทรทัศน์ได้  หากวันอาทิตย์ไม่มีข่าวอื่นมาชิงพื้นที่ไปหมด  ฟังจากผู้จัด เดิมจะตั้งหัวข้อประมาณว่า "ผลประโยชน์แสนล้านล้มสรรหา กสทช. เปิดโปงขบวนการเตะหมูเข้าปากสุนัข"  แต่เกรงไปว่าเชิญวิทยากรคนไหนก็คงไม่มีใครกล้ามา เลยตั้งหัวข้อให้เบาลงนิดหนึ่ง
   ท่านผู้อ่านอาจจะงงๆ กับเรื่อง กสทช. ว่า คืออะไร  กสทช. มาจากชื่อเต็มๆ ว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่วุฒิสภาจะต้องเลือกจากรายชื่อ 44 คน จากคณะกรรมการสรรหาให้เหลือ 11 คน ภายในวันที่ 11 ก.ย. 2554   หากวุฒิสภาไม่สามารถเลือกได้ทัน ก็จะโอนอำนาจนี้ไปให้ "นายกรัฐมนตรีหญิงของเรา" สามารถเลือกใครก็ได้ 11 คน จาก 44 คน ให้เป็น กสทช.
    มองเห็นกันหรือยัง  อะไรคือ "หมู"   อะไรคือ "ปากสุนัข" และใครเป็นคนที่กำลังเล่นเกม "เตะถ่วง"   ทำไม สมาคมวิทยุและโทรทัศน์ไทยฯ จำเป็นต้องรีบมากๆ จัดหนักเสวนา "ผ่าแผนล้ม สรรหา กสทช." ที่อยากจะห้อยท้ายไว้ว่าเดิมพัน "ผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท" และการยึดครองสื่อบรอดแคสติ้งกับนิวมีเดียที่ทะลุทะลวงเข้าถึงทุกครัวเรือน ของคนไทยกว่า 21 ล้านครัวเรือน
    หลังจาก กทช.พลาดท่าถูกศาลปกครองสอยจนประมูลคลื่น 3.9จี ไม่สำเร็จในวินาทีสุดท้ายในช่วงปลายๆ ปีที่แล้ว  ทำให้วงการโทรคมนาคมตกอยู่ในภาวะสับสนอลหม่านเปิดศึกตะลุมบอนขั้นประชิดตัว แทงด้วยดาบปลายปืนกันกะแทงตายต่อหน้าต่อตาเพื่อเอาตัวรอด  เมื่อ กทช.ถูกแช่แข็ง "เล็กๆ ใหญ่ๆ ทำไม่ได้ทั้งนั้น" ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป แม้ว่าจะพยายามมีคำสร้อยว่า กทช.ปฏิบัติหน้าที่แทน กสทช.  เมื่อพลาดท่าไม่ทำประชาพิจารณ์ร่างแผนแม่บทการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เสร็จ ก่อนจัดประมูล
   เริ่มจากยักษ์ใหญ่เบอร์ 3 TRUE MOVE วิ่งพล่านไปคว้าสัญญาเก่า CDMA ของบริษัท HUTCH จากบริษัท CAT  แสร้งว่าขอเป็น "ตัวแทนขาย" แต่อัดเงินลงทุนอัพเกรดเครือข่ายเดิมให้เป็น 3จี ท่ามกลางความกังขาของค่าย DTAC ที่เป็นคู่สัญญากับ CAT เดิม  ทนไม่ไหวไปฟ้องศาลปกครองขอการคุ้มครอง  แต่ศาลปกครองกลับไม่เล่นด้วยกับ DTAC เพราะทีมกฎหมาย TRUE MOVE เป็นระดับเทพได้ลงทุนก้อนใหญ่ปะผุอุดช่องโหว่ทุกรูสัญญา
   มิหนำซ้ำ ศึกระหว่าง DTAC กับ TRUE MOVE ยังลุกลามกลายเป็น "สงครามธุรกิจ" ที่กะเล่นกันให้ตายไปข้างหนึ่ง  ทีมกฎหมายขั้นเทพของ TRUE MOVE ซุ่มซ่อนเก็บข้อมูลเอารายชื่อผู้ถือหุ้นทุกคนของ DTAC ไปเอกซเรย์ DNA ว่าเป็นสัญชาติไทยหรือต่างด้าว  ยังถือเป็นโชคช่วย DTAC เมื่อเจ้ากระทรวงอยู่ในช่วงสุญญากาศทำให้ข้าราชการไม่เล่นด้วยกับ TRUE ที่เกมนี้เล่นกันแรงขนาดไล่ฝรั่งเทเลนอร์ถอนหุ้นกลับบ้านไปเลย
  พักนี้จะเห็นว่าค่ายมือถือ 3 ยักษ์ใหญ่ AIS  DTAC  TRUE  ออกมาโหมกระหน่ำอวดเครือข่าย 3จี ที่ใช้วิธีอัพเกรดจากคลื่นเดิม 2จี ที่เคยพัฒนาไปเป็น 2.5จี หรือ EADGE ประเภทครึ่งน้ำครึ่งบกของ 3จี แต่เอาเข้าจริงก็ยังกระท่อนกระแท่นเกินกว่าจะไปทำมาหากินในระยะยาวได้  ยกเว้นว่าบริษัท ทศท หรือ TOT จะเอาจริงสักทีกับการวางโครงข่ายระบบ 3จี ให้เสร็จเร็วๆ หลังจากได้รับการอนุมัติเงินลงทุนไปกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท จากรัฐบาลชุดที่แล้ว
  ฟากของบรอดแคสติ้งก็ยังอยู่ในช่วง "ขุดทอง" บนแผ่นดินว่างเปล่า  ค่ายยักษ์ใหญ่หลายค่ายออกมาประกาศจองโฉนดพื้นที่บนดาวเทียมออกโทรทัศน์ดาว เทียมกันจ้าละหวั่นค่ายละหลายช่อง
   แทบทุกสัปดาห์จะมีช่องทีวีดาวเทียมเกิดใหม่จนคนดูเคเบิลทีวีไม่ยอมสอยลงไป ให้คนดูแล้ว เพราะไม่แน่ใจว่าแต่ละช่องจะอยู่ได้นานแค่ไหน  รวมแล้วตอนนี้น่าจะมีโทรทัศน์ดาวเทียมอยู่บนดาวเทียมไทยคม, ดาวเทียม NSS6 มากกว่า 150 ช่อง
  ในปีหน้า น่าจะเกิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมใหม่ๆ ที่มาจากค่ายหนังสือพิมพ์กระโจนเข้ามาอีกหลายช่อง  เช่น  บางกอกโพสต์แชนนัล, มติชนแชนนัล  ฯลฯ
  ใครจะไปเชื่อว่าช่องสัญญาณดาวเทียมระบบ C-Band ของดาวเทียมไทยจะ "ขาดตลาด" กลายเป็น "ทอง" ต้องจ่ายค่าเช่าช่องจากมือสองนักกักตุนช่องดาวเทียม  จนไม่สามารถทำสัญญาตรงกับบริษัทไทยคมได้ราคาใกล้จะทะลุไปกว่าช่องละ 1 ล้านบาท แพงกว่าเดิมเท่าตัวและทราบมาว่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 6 ที่กำลังอยู่ระหว่างสร้างให้เสร็จภายใน 2 ปี  ช่องสำหรับโทรทัศน์ดาวเทียมได้ถูกค่ายสื่อบันเทิงรายใหญ่จับจองพื้นที่ไป เกือบหมดแล้ว
   ใครจะไปเชื่ออีกว่าผู้ผลิตจานดาวเทียมรายใหญ่ๆ อย่าง PSI, IDEASAT, INFOSAT, DYNASAT ต่างเกิดปัญหาช่างติดตั้งจานดาวเทียมทำงานไม่ทันใจลูกค้าที่อยากจะติดตั้ง จานดาวเทียมแทบทุกบ้าน
   ใครจะไปเชื่ออีกว่าผู้ผลิตจานรายใหญ่สุดที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% อย่าง PSI  สามารถ "ตั้งราคา" ค่าหมายเลขช่องลำดับแรกๆ แพงกว่าราคาค่าช่องสัญญาณดาวเทียมเสียอีก
   ใครจะไปเชื่ออีกว่าเจ้าของโทรทัศน์ดาวเทียมทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างโอดครวญ ว่าแท้จริงแล้ว Content is not the King  หลังจากโดน "เสือหิว" พวกกักตุนช่องสัญญาณดาวเทียมขย้ำโก่งราคาค่าช่องแพงกว่าปีที่แล้วเท่าตัว
     ยังมาเจอ "จระเข้พีเอสไอ"อ้างเทคโนโลยีจัดลำดับช่องและวัดเรทติ้งคิดออกมาเป็น "ราคาค่าเบอร์" ที่พวกทีวีดาวเทียมต้องจ่าย  ถ้าอยากจะอยู่ในช่องหมายเลขต้นๆ ใครไม่จ่ายจะถูกเทคโนโลยี O2 ของ PSI เตะกระดอนไปไกลรีโมตกดไปไม่ไหวไม่มีคนดู
  แต่ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงกับผู้ผลิตจานดาวเทียมรายรองลงมา อย่าง INFOSAT, DYNASAT ยังรักษาระบบการค้าอย่างมิตรภาพและเป็นธรรมกับผู้ผลิตคอนเทนท์ทีวีดาวเทียม แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า  ไม่มีนโยบายคิดค่าเบอร์ช่อง
  ใครจะไปเชื่อว่าธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม สถานการณ์บานปลายไปไกลถึงขั้นขู่จะส่งมือปืนไปยิงหัวกันให้ตายไปข้างหนึ่ง  ถ้าหากยังใช้อำนาจเหนือตลาด "ข่มเหง" กันไม่หยุดไม่หย่อน  ส่วนใครถูกใครเป็นคนขู่ฆ่าขอไม่บอก เพราะเป็นเพียงเสียงร่ำลือแว่วดังๆ ที่น่าเชื่อว่ามีมูลความจริงอยู่ไม่น้อยทีเดียว
   ใครจะไปเชื่อว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ของคุณพี่ธาริตจะขยันขันแข็งมากกกกกกจริงๆ  ออกจะทำงานเกินหน้าที่คดีอาญาดันข้ามฟากมาทำคดีปกครองเป็นคดีเร่งด่วนสุดๆ   จัดชุดสืบสวนสอบสวนเร่งด่วนปานประหนึ่งว่าคณะกรรมการสรรหา กสทช.ของวุฒิสภาที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.กสทช. เป็นโจรผู้ร้ายทำลายความมั่นคงของประเทศ  ทำงานแค่ 14 วันเสร็จสิ้นสรุปความว่ากระบวนการสรรหา กสทช. มิชอบด้วยกฎหมาย  มิหนำซ้ำยังไปกล่าวหาว่าสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ฯ เป็นองค์กรอุปโลกน์กำมะลอเสียงั้น
    แถมอีกหนึ่งเรื่องก็ได้ ใครจะไปเชื่อว่าการแจกแทบเล็ตของกระทรวงศึกษาธิการให้แก่นักเรียนประถม 1 ปีหน้ากว่า 8 แสนเครื่องจะเกิดประโยชน์เชิงความรู้สู่ลูกหลานของเราผ่านกระดานชนวน อิเล็กทรอนิกส์  หากอินเทอร์เน็ตบ้านเรายังเต่าคลานไม่ใช่บรอดแบนด์หรือเครือข่ายเป็น 3จี ทั่วประเทศ
    เห็นหรือยังว่า กสทช. เข้าไปเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุค New Media แทบทุกอณู   ตราบใดที่ยังไม่มีการจัดตั้ง กสทช. ให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อมากำหนดกติกามารยาทและบริหารการจัดสรรคลื่นความ ถี่ของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้  สภาพความสับสนอลหม่านก็ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
    ผู้บริโภคเสียประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว  บริการโทรศัพท์ 3จี แบบห่วยๆ ไม่ใช่เครือข่ายของแท้สมบูรณ์แบบ,  โทรทัศน์ดาวเทียมผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ดมิหนำซ้ำยังเป็นเห็ดพิษมีแต่ขายยา ปลุกเซ็กซ์มากกว่าการให้ความรู้ประชาชน ,  วิทยุชุมชนออกอากาศเถื่อนๆ ภาษาหยาบคายและลบหลู่สถาบันเยอะไปหมด ฯลฯ
    ผมไม่อยากเท้าความไปมากเรื่องมากความย้อนไปตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540  จนมาถึงรัฐธรรมนูญปี 2550,  พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ฯ และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ กสทช. ฯลฯ
    อยากฝากไปถึงคณะผู้พิพากษาศาลปกครองที่จะออกนั่งบัลลังก์ในวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม อ่านคำวินิจฉัยคำร้องของผู้สมัครสรรหา กสทช.คุณสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร ให้การสรรหาในสายผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เป็นการกระทำมิชอบ  ลำพังคำวินิจฉัยเฉพาะบุคคลจะมิชอบหรือชอบแล้วคงไม่ได้ทำให้กระบวนการเลือก กสทช. ชะงักไปทั้งกระบวนการ
    แต่อยากให้คณะผู้พิพากษาศาลปกครองคำนึงถึงผลเสียหายจากการไม่มี กสทช. ว่า จะมีผลอย่างไร   หากคำพิพากษาออกมาจำกัดเฉพาะคำร้องก็จะไม่เกิดผลกระทบ  แต่ถ้าหากขยายความไปทั้งกระบวนการก็เป็นห่วงว่ากระบวนการสรรหาที่เริ่มมาได้ หลายเดือนจะเป็นอันต้องล้มเลิกไป   ผลจะนำไปสู่การใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเลือกได้เองเลย 11 คน จาก 44 คน
   และขอถามกันตรงๆ ว่า คุณธาริต อธิบดีดีเอสไอว่างมากหรือไง หรือกำลังรับงานใครมา "เตะถ่วงเวลา" กระบวนการสรรหาและเลือกคณะกรรมการ กสทช. ให้ทำไม่ทันวันที่ 11 ก.ย. 2554 แล้วอำนาจการเลือก กสทช. จะไปตกอยู่ในมือของ "นายกรัฐมนตรีหญิงของเรา" คุณยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ที่มีอำนาจเลือก 11 คน จาก 44 คน ไปเป็น กสทช. เลย
   แต่ใครจะเชื่อได้ว่า "นายกรัฐมนตรีหญิงของเรา" จะเป็นผู้เลือก กสทช. 11 คนด้วยตัวเอง  เพราะเริ่มมองเห็นเงาดำของพี่ชายคนเก่งคุณทักษิณ  ชินวัตร ได้ทอดยาวจากดูไบมาครอบคลุมกระบวนการสรรหาและเลือกกสทช.ที่มีผลประโยชน์หลาย แสนล้านบาทเป็นเดิมพัน และยังหมายถึงการกุมอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายธุรกิจสื่อสายบรอดแคสติ้งและนิ วมีเดียที่สามารถเข้าถึงทุกครัวเรือนคนไทยกว่า 21 ล้านครัวเรือน  มองเห็นอนาคตอันมืดมนแล้วน่ากลัวจริงๆ     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น