วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ถูกคนไม่ดีห้อมล้อม ‘ทักษิณ’พาดพิงในหลวง-กลับธันวาแต่งพินทองทา

"ทักษิณ" ผีเจาะปากพูดของแท้ บอก "ยิ่งลักษณ์" เข้าวินแน่ แต่ไทยเสพติดความรุนแรงอาจถูกขวาง โดยเฉพาะรัฐบาลจะโกงทุกรูปแบบ เหิมเกริมหนัก อ้าง "ในหลวง" ห้ามปรามใช้อำนาจ ทรงแวดล้อมด้วยคนไม่ดี
"ดิ ษฏพร" แจง ผบ.ทบ.ขอปิดปาก 2 สัปดาห์ก่อนหย่อนบัตร ส่วน "ปลอด" โวใช้งบประมาณซื้อใจกองทัพ "มาร์ค-ชวน" แบ่งเส้นทางหาเสียง ปลุกพลัง ปชช. 3  ก.ค. โชว์พลังประเทศไม่ให้ถูกรังแก กอ.รมน.รับหมู่บ้านแดงอนาคตน่าห่วง
เมื่อ วันพฤหัสบดี เว็บไซด์หนังสือพิมพ์ เดอร์ สปีเกล ในเยอรมนี ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ที่เมืองดูไบ  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้ชื่อเรื่องว่า "ประเทศไทยต้องกลับมามีความสามัคคีอีกครั้ง" โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบคำถามที่ว่า อีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย (พท.) น้องสาวจะเป็นผู้นำประเทศใช่หรือไม่ ว่า โพลทุกสำนักชี้ว่าเธอมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคอื่น แต่เป็นห่วงน้องสาวมาก เพราะประเทศไทยมีวัฒนธรรมทางการเมืองของการใช้ความรุนแรง และเรามั่นใจว่ารัฐบาลจะพยายามโกงการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้เธอได้ชัยชนะ
ต่อ ข้อถามว่า ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเหมาะกับตำแหน่งนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า สิ่งที่ไทยต้องการมากกว่าอะไรทั้งหมดในเวลานี้คือความสมานฉันท์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีมลทินทางการเมือง และเป็นนักธุรกิจที่คุ้นเคยกับการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ถามต่อว่า วิตกว่าจะเกิดการรัฐประหารหรือไม่หาก  น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า หวังว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างยุติธรรมและเสรี แม้ว่ากองทัพกำลังใช้อิทธิพลอย่างมาก แต่หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนำจนถึงระดับที่รัฐบาลไม่สามารถบิดเบือนผล การเลือกตั้งได้
ผู้สื่อข่าวซักว่า หากมีการโกงการเลือกตั้ง จะเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยออกมาประท้วงหรือไม่ ทักษิณตอบว่า เราพยายามไม่ให้เกิดการประท้วง เราไม่ต้องการแก้แค้น แต่จะเสนอการปรองดองกับฝ่ายที่ต่อต้าน  ประเทศไทยต้องกลับมามีความสามัคคีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้ทำ ทำให้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง
ซักต่อว่า การปรองดองจะรวมถึงการนิรโทษกรรมแก่ฝ่ายที่มีส่วนรับผิดชอบในการสังหารเมื่อ ปีที่แล้วด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากมีหลักฐาน ควรไต่สวนอย่างยุติธรรม แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความจริงให้เป็นที่ประจักษ์เสียก่อน ไม่ว่าคนคนนั้นจะสังกัดพรรคไหน ทั้งพวกเสื้อเหลือง เสื้อแดง และทหาร ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ตอนที่เป็นนายกฯ ทักษิณก็ไม่ใช่นักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์พร้อมเช่นเดียวกัน ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง  เขาตอบว่า "ผมยอมรับข้อวิจารณ์นี้ เราทำผิดพลาด โดยเฉพาะในสงครามปราบปรามยาเสพติด" เพราะคาดหวังสูงเกินไป ต้องการให้เกิดผล ต้องการขู่ให้พวกอาชญากรหวาดกลัว แต่ไม่เคยสั่งฆ่าใคร แม้แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล
สปีเกลถามว่า มีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงได้รับการจ้างวานให้ออกสู่ท้องถนนเมื่อปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า คุณไม่สามารถจ้างใครให้ไปถูกยิงได้หรอก และเมื่อซักต่อไปถึงกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งในยุค พ.ต.ท.ทักษิณก็มีผู้ถูกตัดสินโทษด้วยกฎหมายนี้เช่นกัน เขากล่าวว่า "เมื่อคุณอยู่ในอำนาจ บางครั้งคุณก็ถูกยั่วยวนใจให้ใช้อำนาจนี้ อย่างไรก็ดี พระมหากษัตริย์ได้ปรามในเรื่องการใช้อำนาจนี้
SPIEGEL : When you were prime minister, many critics of the monarchy were also convicted.
Thaksin : When you're in power, you can sometimes fall for the temptation to use this power. However, the king talked me out of it.
ผู้สื่อข่าวถาม อีกว่า ทำไมพระมหากษัตริย์ไม่ทรงเข้าจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทักษิณตอบว่า พระองค์ทรงมีพระชนมายุมากแล้วและทรงประชวร และทรงถูกห้อมล้อมด้วยคนไม่ดี
SPIEGEL : Why won't the king step in and sort things out now?
Thaksin : He is very old and sick, and he's surrounded by the  wrong people.
เปิดใจเหตุแท้จริงอยากกลับไทย
ใน ช่วงท้ายสปีเกลถาม พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า ทำไมไม่กลับไปสู้คดีในไทย  เขาตอบว่า จะกลับหากมีหลักประกันว่าจะได้รับการไต่สวนโดยยุติธรรม แต่ในเวลานี้ตนเอง ครอบครัว และผู้สนับสนุนไม่อาจคาดหวังถึงความยุติธรรมได้ ในตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อยากกลับเมืองไทยในเดือนธันวาคม ซึ่งบุตรสาวคนโตจะแต่งงาน และถึงตอนนั้นน้องสาวอาจกำลังเป็นผู้นำประเทศ
 แต่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงเหตุผลในการกลับประเทศช่วงปลายปี ว่า ต้องการมาถวายพระพร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา
 ส่วน ความเคลื่อนไหวในไทยเกี่ยวกับการออกรายการโทรทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นั้น พล.ต.ดิษฏพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ย้ำว่า ผบ.ทบ.ได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่า กองทัพวางตัวเป็นกลาง ไม่อิงพรรคการเมืองใด ซึ่ง ผบ.ทบ.เป็นห่วงมากคือเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีบางกลุ่มพยายามสร้างประเด็นทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ เพราะกองทัพมีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องสถาบัน โดยเฉพาะเรื่องความจงรักภักดี
“หากพรรคการเมืองใดยึดถือและมีจุดยืน เรื่องจงรักภักดี โดยที่ไม่มีใครเข้าไปแตะในสิ่งที่กองทัพและทุกคนหวงแหน ก็อยากให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองนั้นเข้ามาบริหารบ้านเมือง“ พล.ต.ดิษฏพรระบุ
พล.ต.ดิษฐพรยังระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง ผบ.ทบ.จะงดให้สัมภาษณ์รายวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างประเด็นโต้ตอบกันไปมา และป้องกันไม่ให้ ผบ.ทบ.ถูกดึงไปเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ถ้าหากมีข้อมูลหรือประเด็นที่สำคัญต้องชี้แจงก็จะออกทีวี
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ (มภ.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “โค้งสุดท้ายขึ้นเขา หรือลงเหว” กล่าวตอนหนึ่งถึงบทบาทกองทัพกับการเมืองว่า ปัจจุบันการเมืองกับกองทัพถูกดึงขึ้นมา เป็นสิ่งน่าห่วงใย เพราะจะเกิดความขัดแย้งในสังคม ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ถ้าวันข้างหน้ารัฐบาลเกิดเปลี่ยนขั้ว  กองทัพจะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดความสับสนอลหม่านในกองทัพหรือไม่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้ผู้นำกองทัพต้องถอยตัวเองกลับไปตั้งหลัก
“กอง ทัพต้องฟังอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เพราะนายกฯ คือผู้บังคับบัญชา  และเชื่อว่าถ้าผู้หญิงเป็นผู้นำกองทัพจะได้รับการดูแลอย่างดีกว่าที่ควรจะ เป็นด้วยซ้ำ” พล.อ.สนธิกล่าวกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ 
ปลอดหวังใช้งบซื้อใจกองทัพ
นาย ปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานร่วมกับกองทัพหากได้เป็นรัฐบาล ว่า พรรคเข้าใจบทบาทของกองทัพที่ต้องปกป้องสถาบัน ปกป้องประเทศ และหากพรรคเป็นรัฐบาลก็ต้องร่วมปกป้องสถาบันด้วย ซึ่งพรรคไม่มีนโยบายทั้งต่อหน้าและลับหลังทำร้ายกองทัพ หากเราได้เป็นรัฐบาล กองทัพอาจได้งบประมาณมากกว่าในปัจจุบัน มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย
ในขณะ ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย  ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดเป็นสิ่งที่ควรพูดหรือไม่ เพราะ กกต.ได้ออกระเบียบการเลือกตั้งว่าห้ามพรรคและผู้สมัคร ส.ส.พูดเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งสิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดไปนั้นเป็นเรื่องดี แต่อาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พูดแบบนี้เหมือนยั่วยวน ชักชวนและบีบให้พรรคต่างๆ ออกมาพูดเรื่องนี้กัน รวมทั้งคำพูดก่อนหน้านี้นั้นทำให้สังคมคิดว่า ผบ.ทบ.กำลังวางตัวไม่เป็นกลาง
ส่วนการหาเสียงของ 2 พรรคใหญ่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินสายหลายจังหวัดในพื้นที่อีสานอีกรอบหนึ่ง โดยเฉพาะในเขตที่มีการแข่งขันสูง รวมทั้งเป็นพื้นที่เดิมของพรรคคู่แข่ง ซึ่งเริ่มที่ จ.มุกดาหาร ยโสธร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ โดยยังคงใช้รูปแบบเดิมคือ ขอความเห็นใจแทนพี่ชายและออดอ้อนด้วยน้ำเสียงหวานแหววต่อชาวบ้านว่า ขอโอกาสผู้หญิงมาทำงานรับใช้ประชาชน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอ พ.ต.ท.ทักษิณให้ดึงพรรคเล็กร่วมรัฐบาลว่า เข้าใจว่าท่านคงอยากเห็นการเมืองมีหลายพรรคมาร่วมกันทำงาน ถ้าพรรคมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล จะดึงพรรคใดมาร่วมด้วย ต้องดูว่าพรรคนั้นมีอุดมการณ์ร่วมกัน และเห็นชอบในนโยบายที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายเป็นสัญญาประชาคมได้หรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้พรรคเพื่อไทยก็ยินดี แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เล็งไปที่พรรคใดเป็นพิเศษ คงต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน
พร้อม กันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้กล่าวถึงภาพถ่ายคู่กับนายอริสมันต์ว่า ไม่มีอะไร เป็นมุมกล้อง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบดีว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ขอวิจารณ์ และพร้อมจะอดทน
ด้านพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำได้แยกกันเดินสายหาเสียงช่วยลูกพรรค โดยนายอภิสิทธิ์ได้เดินสายหาเสียงที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่งก็มีอาสาสมัครสังเกตการณ์เลือกตั้งนานาชาติ (ANFREL) 2 คน ตามดูบรรยากาศการหาเสียงครั้งนี้ในทุกจุดด้วย
 โดยนายอภิสิทธิ์ได้ ปราศรัยปลุกเร้าประชาชน โดยได้เล่าถึงการกรณีถูกคนเสื้อแดงทุบรถ รวมถึงการชูป้ายประท้วงในการหาเสียงที่ต่างๆ รวมถึงแผนการการปรองดองของพรรคเพื่อไทยที่เป้าหมายหลักคือการล้างความผิด ให้  พ.ต.ท.ทักษิณ และการให้คนเสื้อแดงซึ่งเคยทำลายทรัพย์สินของประเทศมาเป็นผู้ดูแลประเทศ
ปลุก 3 ก.ค.อย่าให้ถูกรังแก
“ถาม ว่าจะปรองดองไหมครับการล้างความผิดเนี่ย คนไทยคนอื่นละครับ  ผิดกฎจราจร ทำผิดกฎหมาย ทำกินในที่ดินของรัฐ จะทำยังไง มีใครล้างความผิดให้ไหม” นายอภิสิทธ์กล่าว และว่า ผมบอกอย่างเดียวว่าไม่เป็นไร รังแกผม  นายชวนและพรรคจะทำได้อีกสิบกว่าวัน แต่วันที่ 3 ก.ค. คนส่วนใหญ่จะบอกว่า  จะไม่ให้ใครมารังแกประเทศไทยอีก เสียงที่ลงในวันที่ 3 ก.ค. จะบอกชาวโลกว่า  พอแล้วกับกฎหมู่ ความรุนแรง การข่มขู่คุกคาม
 นายอภิสิทธิ์ยังชี้แจง ถึงการให้สัมภาษณ์ว่าจะลาออกหากได้เสียงต่ำกว่า  170 ว่า มีคนถามผมว่า 170 เสียงลาออกหรือไม่ ก็ได้ตอบว่า สมมุติน้อยกว่า  170  ถ้าเกิดมาที่ 1 จะไปออกได้อย่างไร แต่ถ้าพรรคถดถอยกว่าเดิมทุกคนเข้าใจดีอยู่แล้ว ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่สามารถที่จะนำพาพรรคไปได้
 และในช่วงเย็น นายอภิสิทธิ์ก็ได้ไปหาเสียงบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ ซึ่งก็มีกลุ่มคนประมาน 10 คน ยืนถือแผ่นป้ายต่อต้าน อาทิ “91 ศพต้องมีผู้รับผิดชอบ” , “นายกฯ 2 สัญชาติ” และ  “ดีแต่พูด” แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
ส่วนนายชวนที่ เดินสายหาเสียงที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยนายชวนเชื่อว่าคะแนนของพรรคจะดีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย  ส่วนช่วงเย็นนายชวนพร้อมคณะได้เดินทางมารณรงค์หาเสียงที่ จ.นครสวรรค์  โดยได้กล่าวว่า รู้มาว่ามีคนในหมู่บ้านบางแห่งที่เป็นคนหมู่น้อยพยายามปลุกปั่นใช้ถ้อยคำ หยาบคายต่อสถาบัน ขอให้พี่น้องอย่าร่วมมือ ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นจุดศูนย์รวม เรามีวัฒนธรรมของเรา ใครมาบอกอย่างไร อย่าไปร่วมกับใคร ระบอบประธานาธิบดี  แม้เป็นระบอบประชาธิปไตยอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็เหมาะกับพื้นฐานสังคมของเขา ซึ่งเราก็มีวัฒนธรรมพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว ต้องรักษาไว้ อย่าให้ใครมาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้
สำหรับเรื่องหมู่บ้านคนเสื้อ แดงนั้น พล.ต.ดิษฏพรระบุว่า เรื่องนี้ต่อไปจะกระทบต่อความมั่นคง ถ้าหากมีการใส่ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกแบ่งแยกหรือมีความรู้สึก ตามที่เขาต้องการ ซึ่ง กอ.รมน.ติดตามอยู่อย่างใกล้ชิด และถ้ามีเงื่อนไขในลักษณะที่จะเข้ามาตรา 116 ของกฎหมายอาญา เจ้าหน้าที่คงต้องเข้าดำเนินการ
“ข่าวบอกว่ามีมาก แต่เรายังไม่มีตัวเลขที่แน่นอน เพราะในบางหมู่บ้านมีไม่กี่หลัง แต่เขาก็มาอ้างยกระดับแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่า จ.อยุธยา มีหมู่บ้านคนเสื้อแดง 444 หลังนั้น ยังไม่ทราบข้อมูล” พล.ต.ดิษฏพรกล่าว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ  นปช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการแสดงจุดยืนและสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงว่าต้องการให้บ้านเมืองมีความ ยุติธรรมและมาตรฐานเดียว ไม่มีกิจกรรมใดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนที่คนเสื้อแดงออกมาต่อต้านนายอภิสิทธิ์ระหว่างหาเสียงนั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ จะไปห้ามก็คงไม่ได้ แต่หากทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบ ยืนยันว่าไม่มีใครไปจัดตั้ง
      ด้านข่าวการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะกระแสข่าวมัฌชิมาของนายสมศักดิ์  เทพสุทิน อาจเป็นงูเห่าในพรรคภูมิใจไทยนั้น นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรค ภท. ระบุว่า ไม่มี ได้คุยกับนายสมศักดิ์แล้วยืนยันว่าไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นเพียงจิตวิทยา อุบายที่สกปรกเท่านั้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ก็ยืนยันว่า  พรรคไม่มีทั้งงู และไม่มีทั้งเห่าด้วย
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ตลอด  เพราะเราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นกลาง และนโยบายพรรคต้องการให้เกิดความปรองดองขึ้นในประเทศ เพื่อให้สังคมไทยมีความสงบ ถ้ายังแบ่งสีแบ่งขั้วกันอย่างนี้เมื่อไหร่บ้านเมืองของเราจะสงบสุข.


ไทยโพส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น